ผู้ทรงพลังเช่นอริยะเซวี่ยถู เผด็จการสะท้านดินแดนรกร้างโบราณนับปีพัน ควบคุมประทับนรกโลหิต กลับยังคงถูกโจมตีทะลวงร่าง ตอกตรึงกลางห้วงอากาศเหมือนหนอนแมลงวันก็ไม่ปาน
คนโหดเหี้ยมเฉียบขาดเช่นอริยะเมี่ยวหวา ในฐานะอริยะหญิงผู้หนึ่ง ทว่าแม้แต่ตอบสนองก็ยังไม่ทัน ถูกสยบหมอบกระแต ปวกเปียกเหมือนโคลนเลน!
นอกจากนี้สมบัติอริยะอย่างตำหนักอมตะ กระบี่เทียมฟ้า ร่มรุ้งสมบัติม่วง บรรทัดสยบฟ้าเพิ่งจะสำแดงอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ ก็ถูกจับกุมทีละชิ้นๆ!
ทุกภาพฉากประหนึ่งขี่ม้าอ้อยอิ่งชมสวน แต่ความจริงเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา จะไม่ให้ผู้คนใจสะท้านหวาดผวาได้อย่างไร
อริยะที่ชมการต่อสู้อยู่ไกลๆ ล้วนสูดหายใจเฮือก ภายในใจสั่นสะท้าน หน้าเปลี่ยนสีตามๆ กัน
นี่น่าเหลือเชื่อจริงๆ สะท้านโลกน่าหวาดกลัวยิ่ง
นั่นเป็นถึงอริยะที่หยัดยืนเหนือโลกา ควบคุมขุมอำนาจฝ่ายหนึ่ง ได้รับการเทิดทูนบูชาจากปวงชน ผ่านกาลเวลาผันแปรแต่คงอยู่ตราบวันนี้ ได้รับการเคี่ยวกรำอย่างโชกโชนไม่รู้ตั้งเท่าไร ย่อมเป็นผู้ยิ่งใหญ่ไร้กลัวเกรงในโลกกันทั้งสิ้น
แต่ยามอยู่ต่อหน้าหญิงลึกลับคนนั้นกลับเห็นได้ชัดว่าต้านไม่ไหวยิ่ง!
การต่อสู้เพิ่งปะทุไม่ทันไร เหล่าอริยะก็ถูกพิชิตอย่างง่ายดายราวกับหักทำลายหญ้าแห้งไม้ผุ ไม่อาจต้านสักนิด
และหญิงลึกลับคนนั้น ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยบาดเจ็บ ไม่เคยล่าถอย เคลื่อนไหวเรียบง่ายตามสบาย แต่กลับเผยอานุภาพสูงสุดที่พาให้ผู้คนขวัญหนีดีฝ่อ
หญิงลึกลับยืนสันโดษ อาภรณ์พลิ้วไสว รอบกายรายล้อมด้วยรุ้งวิเศษดุจสายโซ่ศักดิ์สิทธิ์ ส่องสะท้อนปวงสวรรค์ แปลกแยกไร้ทัดเทียม
กลางฝ่ามือนาง หงส์เซียนสีทองอร่ามตัวนั้นสางขน ร้องขับขานชื่นมื่น ลำตัวไหลเวียนด้วยแสงสีทองเรืองรอง ส่องสะท้อนจนหญิงลึกลับคนนั้นเป็นดั่งภาพฝันมายา
“เป็นไม่ได้! นั่นคือตำราหยกแก่นวิญญาณแห่งสำนักยุทธ์สมุทรครามของข้า เหตุใด เหตุใดถึงสวามิภักดิ์แก่เจ้า!”
ไกลออกไป อริยะฝูหยาสีหน้าไหววูบไม่มั่งคง ยากจะทำใจเชื่อ
“ชางหมิงจื่อไม่ได้บอกเจ้าหรือว่าสมบัติชิ้นนี้ใครเป็นคนสร้าง” เสียงหญิงลึกลับเยียบเย็น ว่างเปล่าแผ่วพลิ้ว
ชางหมิงจื่อ!
บรรพจารย์ผู้บุกเบิกสำนักยุทธ์สมุทรคราม เป็นผู้ยิ่งใหญ่เทียมฟ้าผู้หนึ่งในช่วงบรรพกาล กล่าวได้ว่าชื่อก้องนิรันดร์กาล
ในฐานะอริยะที่มาจากสำนักยุทธ์สมุทรคราม มีหรือฝูหยาจะไม่รู้จักชางหมิงจื่อ
และเพราะรู้จัก เขาจึงใจสั่นไหว ผู้หญิงคนนี้… เป็นใครกันแน่ นางคล้ายจะรู้ข้อเท็จจริงบางอย่างที่คนนอกไม่มีทางได้รู้
อริยะคนอื่นต่างก็ตกใจแกมสงสัย กล้าเอ่ยถึงชื่อชางหมิงจื่อขึ้นมาตามอำเภอใจเช่นนี้ ผู้หญิงคนนี้มีที่มาที่ไปแบบไหนกันแน่
“ยังพูดพล่ามอยู่ทำไม ฆ่านางสิ! หาไม่ใครหน้าไหนก็อย่าคิดจากไป!”
ไกลออกไปฟางหลิงซู่ตะโกนลั่น
ตูม!
กระบี่เทียมฟ้าส่องแสง ถึงกับหลุดพ้นพันธนาการของรุ้งวิเศษ ฟาดฟันไปทางหญิงลึกลับ
“ฆ่า!”
ฝูหยาก็เคลื่อนไหวเช่นกัน เขาไม่อาจปล่อยให้ตำราหยกแก่นวิญญาณถูกช่วงชิงไปเด็ดขาด
“อริยะเทียมสุดท้ายก็เป็นแค่อริยะเทียม ไม่ว่าจะยุคบรรพกาลหรือปัจจุบัน ย่อมต่างจากอริยะแท้จริงอยู่แล้ว แต่น่าระอาที่พวกเจ้ายังมัวหลงละเมอไม่รู้ตื่น!”
มือเรียวของหญิงลึกลับโยนขึ้น ปล่อยหงส์เซียนสีทองอร่ามตัวนั้นไป จากนั้นหมุนกายหันขวับ เงาร่างสูงเพรียวอรชรเปลี่ยนเป็นสูงใหญ่ไร้สิ้นสุดประหนึ่งเบียดเสียดคับฟ้าดิน!
ฉึบ!
รุ้งวิเศษสายหนึ่งโฉบพุ่ง พันธนาการกระบี่เทียมฟ้าเอาไว้อีกครา
หญิงลึกลับคล้ายกับใช้รุ้งวิเศษนำทาง ดึงดูดกระบี่เทียมฟ้า กวัดแกว่งสมบัติพิทักษ์สำนักของสำนักกระบี่เทียมฟ้าชิ้นนี้ แสงกระบี่ลุกโชนหอบม้วนทั่วสารทิศ
ฉัวะ!
ฟางหลิงซู่ถูกบั่นแขนขาดข้างหนึ่ง
สิ่งนี้ทำให้เขาตกใจเกือบขวัญกระเจิด มีหรือจะคาดคิด ว่าสมบัติอริยะของสำนักตนกลับถูกคนอื่นใช้งาน ทั้งยังเกือบจะเอาชีวิตของเขา!
โครมครืน!
ตำหนักอมตะก็พ้นพันธนาการเช่นกัน ถูกอริยะอวี่หมิงควบคุม เคลื่อนขวางห้วงอากาศสยบเข้ามา
ตำหนักนี้เปล่งรัศมีศักดิ์สิทธิ์สีสำริด แปรเปลี่ยนเป็นพลังอัศจรรยสายแล้วสายเล่า ทุกที่ที่เคลื่อนผ่านไอขุ่นมัวคละคลุ้ง กว้างใหญ่น่าสะพรึงไร้ใดเปรียบ
ปัง!
รุ้งวิเศษเป็นสายๆ รอบกายหญิงลึกลับพุ่งออกไป กระจ่างโชติช่วงดุจอาทิตย์ดวงใหญ่ครอบฟ้าคลุมดิน หวดกระแทกใส่ตำหนักอมตะอย่างรุนแรง
ตำหนักอมตะที่ใหญ่โตดั่งภูผาถูกหวดลอยทะลวงห้วงอาอาศตรงๆ ส่งเสียงครวญระงมโครมครึก สะเทือนโสตประสาท
อริยะอวี่หมิงพลันกระอักเลือดคำโต ส่งเสียงร้องทุรนทุราย ถูกพลังสะท้อนกลับเข้าแล้ว
“ฆ่า!”
และเวลานี้เองฝูหยาจู่โจมเข้ามา เงาร่างเขาเลือนรางประหนึ่งไม่มีตัวตน รวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ มาถึงเบื้องหลังหญิงลึกลับอย่างฉับไว
น่าเสียดาย นี่ย่อมเสียแรงเปล่า ไม่รู้เมื่อไรที่รุ้งวิเศษสายหนึ่งเคลื่อนผ่านห้วงอากาศเข้ามา พันรัดเอวเขาเอาไว้ กักขังแน่นหนาอยู่ตรงนั้น
ฝ่ามือของเขาขาดไปเพียงหนึ่งฉื่อก็จะสามารถกดลงบนหลังหญิงลึกลับได้แล้ว แต่ต่อให้มีระยะห่างแค่นี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจทำสำเร็จอีกแล้ว
“ปล่อยข้า!”
ฝูหยาคำรามกราดเกรี้ยว อานุภาพอริยะน่าหวาดกลัว แต่ต่อให้เขาออกแรงมากเพียงใด รุ้งวิเศษสายนั้นกลับแน่นหนาไม่สั่นคลอน ตรงข้ามกลับเป็นร่างกายเขาที่ยิ่งถูกรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ
กร๊อบๆ!
จากนั้นกระดูกของฝูหยาล้วนถูกหัก ส่งเสียงปริแตกออกมา เลือดไหลนองกบปากจมูก ส่งเสียงร้องโหยหวนน่าอนาถนัก
อริยะคนหนึ่ง เวลานี้กลับเห็นได้ชัดว่าหมดสภาพถึงเพียงนี้!
และตั้งแต่ต้นจนจบ หญิงลึกลับไม่เคยเหลียวหลังสักนิด เสมือนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฝูหยาที่อยู่ข้างหลังกำลังได้รับความทรมานไร้สิ้นสุดอยู่
ไกลออกไปอริยะที่ชมการต่อสู้ใจสะท้านอย่างสิ้นเชิง นึกเฉลียวใจว่าเป็นไปได้สูงอย่างยิ่งที่ผู้หญิงคนนี้จะเป็นมหาอริยะผู้หนึ่ง ไม่สิ อาจเป็นราชันอริยะเลยก็ได้!
หาไม่ มีหรือจะกำราบอริยะหกคนได้ในทุกการโจมตี อิริยาบถผ่อนคลายเช่นนั้น เพียงพอจะทำให้ระดับอริยะคนใดครั่นคร้ามได้
สวบ!
พริบตานี้ฟางหลิงซู่ตัดสินใจหนีโดยไม่ลังเลแต่อย่างใด
สู้ไม่ไหวสักนิด!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์