Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1141

เจ้าคางคกและอาหลู่ไม่ใช่คนอ่อนแอ ตรงกันข้าม พลังต่อสู้ของพวกเขาแข็งแกร่งอย่างที่สุด ทั้งยังครอบครองพลังมรดกตกทอดอันน่าตกใจ ไม่ด้อยไปกว่ายักษ์ใหญ่ยอดมกุฎหน้าไหนในรุ่นนี้เด็ดขาด

แต่ยามนี้พวกเขากลับบาดเจ็บสาหัส เผชิญกับสถานการณ์สิ้นหวัง!

มองปราดเดียวหลินสวินก็ดูออกว่าหากตนมาช้ากว่านี้อีกนิดเดียว ผลลัพธ์ที่ตามมาของทั้งคู่คงไม่อาจจินตนาการได้อย่างแน่นอน

และพวกที่ปิดล้อมพวกเขาสองคนก็คือบุคคลชั้นเลิศจากขุมอำนาจแตกต่างกันหลายสิบคน ในนั้นยังไม่ขาดสัตว์ประหลาดยุคโบราณอย่างอูหลิงเฟย หลิงหวา เหลียงเซวี่ยอิ๋น!

กล่าวได้ว่าทั้งคู่สามารถยืนหยัดมาถึงจนตอนนี้ได้ ก็ไม่ง่ายอย่างถึงที่สุดแล้ว

ฆ่าพวกมันให้เรียบ!

ถ้อยคำสั้นๆ ก้องสะท้อนอยู่ในตำหนักยิ่งใหญ่ไร้ใดเปรียบแห่งนี้

เปี่ยมด้วยความไม่ยินยอม เกรี้ยวกราดและเคียดแค้นไม่รู้จบ!

หลินสวินไม่ต้องคิดก็รู้ว่า สามารถทำให้อาหลู่โกรธแค้นจนเป็นเช่นนี้ได้ แสดงว่าการโจมตีที่ทั้งคู่ประสบทั้งหมดก่อนหน้านี้หดหู่และหมดหนทางมากเพียงใด

“ได้!”

ริมฝีปากหลินสวินพ่นหนึ่งคำออกมาเบาๆ เดือดพล่านกึกก้องราวกับสายฟ้าฟาดก็ไม่ปาน ที่มาพร้อมกับเสียงนั้นยังมีไอสังหารที่ไม่อาจควบคุมได้

แผ่กว้างเหมือนกระแสน้ำเชี่ยว พาให้ห้วงอากาศกรีดร้อง

พริบตาเดียวคนไม่น้อยหน้าเปลี่ยนสี ในสายตาของพวกเขา หลินสวินราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน ประหนึ่งเทพมารโผล่ออกมาจากเหวลึก อานุภาพที่แผ่ออกจากตัวพาให้ผู้คนขวัญผวา

“ฮ่าๆ พวกเจ้าคิดจริงๆ หรือว่าเทพมารหลินคนเดียวจะสามารถช่วยชีวิตพวกเจ้าได้”

ชายหนุ่มที่อบอวลแสงเงิน สะพายกระบี่กระบี่วิญญาณเอ่ยปาก ในน้ำเสียงเจือแววล้อเลียน

“หลินสวิน เจ้าอย่าเพิ่งพูดจารุนแรง สถานการณ์ตอนนี้เจ้าเองก็เห็นแล้ว ยอมรับข้าเป็นนายตอนนี้ยังไม่สาย ข้ารับรองว่าจะให้โอกาสเจ้าได้รอดชีวิตสักครั้ง”

อูหลิงเฟยในชุดคลุมสีทองรอยยิ้มอบอุ่น เอ่ยคำอย่างสบายๆ

“อูหลิงเฟย เจ้าทำเช่นนี้ผ่านความเห็นชอบจากพวกเราลัทธิบูชาจันทร์แล้วหรือ” ชายหนุ่มที่มีดวงตาสีม่วงสุกใส ผิวพรรณเนียนขาวเอ่ยปากเย็นเยียบ

ลัทธิบูชาจันทร์!

สำนักโบราณลึกลับแห่งหนึ่งในแดนเร้นอริยะ รากฐานเก่าแก่อย่างที่สุด

ชายหนุ่มตาม่วงคนนี้นามว่าเลี่ยอวิ๋นไห่ เป็นปีศาจแห่งยุคคนหนึ่งในลัทธินี้ มีพลังต่อสู้ที่ไม่ได้จัดอยู่ในหมู่สัตว์ประหลาดยุคโบราณ

“พูดมากไปทำไม พวกเรามาเพื่อแย่งชิงวาสนา ใครกล้าขัดขวางก็ฆ่ามันเสีย!” หญิงสาวที่สะพายสัญลักษณ์แสงทมิฬไว้บนหลังคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

นางคือทายาทเผ่าโบราณแสงทมิฬ นามว่าเสวียนจิง

“ข้าเคยได้ยินชื่อเทพมารหลินนี่มานานแล้ว แต่สหายสองคนนี้ของเขาช่างอ่อนแอยิ่ง พาให้ผู้คนผิดหวังนัก”

ชายหนุ่มผมเขียวกลางหว่างคิ้วประทับลายแปลกประหลาดคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “หรือไม่ทุกท่านคอยดูไปก่อน ให้ข้าเล่นสนุกกับเทพมารหลินที่ชื่อเสียงเกรียงไกรคนนี้ก่อน?”

คราวนี้เป็นยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎเผ่าวิญญาณสมุทรคนหนึ่งนามว่าซางหลัน กร้าวแกร่งอย่างที่สุด ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ก็สำแดงความแข็งแกร่งน่าตกใจออกมา

“น่าขัน!” อาหลู่ตะคอกอย่างฉุนเฉียว “ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเจ้าปิดล้อมอย่างหน้าไม่อาย สวะอย่างเจ้าพรรค์นี้ กระบองเดียวของข้าก็สามารถฟาดพวกเจ้าตายทั้งฝูงแล้ว!”

ซางหลันที่เรือนผมสีเขียวหัวเราะเย็นชากล่าวว่า “คนแพ้ก็กล้าต่อปากต่อคำด้วยหรือ สู้กันตัวต่อตัวเจ้าก็ยังห่างไกลเกินกว่าจะเป็นคู่ต่อสู้นัก”

ผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจต่างกันหลายสิบคนในที่นั้นล้วนถือดี เอ่ยปากพูดจาไร้สาระ มองหลินสวินราวกับไร้ตัวตน

หลินสวินไม่สนใจ เขากำลังสัมผัสรับรู้อย่างละเอียด

และยามนี้ในที่สุดเขาก็มั่นใจ ในนี้มีคู่ต่อสู้เพียงยี่สิบหกคนเท่านั้น ไม่มีใครแอบซ่อนอยู่ในมุมมืดแต่อย่างใด

“ไม่ต้องแย่งกันแล้ว ข้าจะสู้กับเทพมารหลินนี่สักตั้ง!”

เลี่ยอวิ๋นไห่จากลัทธิบูชาจันทร์ลุกขึ้น พรสวรรค์ของเขาเยี่ยมยอด ภายในกายไหลเวียนด้วยเลือดแห่งการต่อสู้อันกร้าวแกร่งที่สุด พลังต่อสู้น่ากลัวอย่างที่สุด

“ไม่ ให้ข้าลงโทษเทพมารหลินนี่ก่อน!”

เสวียนจิงที่สะพายสัญลักษณ์ลึกลับชิงตัดหน้าเสียก่อน เงาร่างพริบไหว เสียงดังตูมหนึ่งครา ห้วงอากาศล้วนถูกฉีกทึ้ง กลิ่นอายของนางชวนผวาหาใดเปรียบ ดุจสายฟ้าแสงทมิฬสายหนึ่งคำรามกึกก้องลงมา

“แย่งกันมาทิ้งชีวิตหรือ ไม่ต้องรีบร้อน ข้าจะเชือดพวกเจ้าทีละคน” นัยน์ตาดำของหลินสวินเยียบเย็น ไหลเวียนด้วยประกายเย็นเฉียบที่พาให้ผู้คนใจสะท้าน

เขาไม่ข่มไอสังหารที่พลุ่งพล่านภายในกายอีกต่อไป!

ตูม!

เสวียนจิงพุ่งเข้ามาแล้ว ฝ่ามือเนียนขาวรายล้อมด้วยแสงทมิฬน่าสะพรึง แฝงพลังมหามรรคอันไร้ที่สิ้นสุด ฟันสังหารเข้ามา

ฝ่ามือทลายพิภพแสงทมิฬ!

นี่คือวิชาชั้นยอดแห่งเผ่าโบราณแสงทมิฬ ฟันออกไปหนึ่งคราห้วงอากาศแหวกทลาย เฉียบขาดฉับไวอย่างที่สุด แสงทมิฬเจิดจ้าพร่าตา

คนมากมายนัยน์ตาหดรัด เพราะในการต่อสู้ก่อนหน้านี้เสวียนจิงไม่ได้สำแดงพลังยิ่งใหญ่เช่นนี้ออกมาด้วยซ้ำ แต่ยามนี้เมื่อต่อกรกับเทพมารหลิน พลังต่อสู้กลับเปลี่ยนไปจากเดิมลิบลับ เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้นางเก็บงำความแข็งแกร่งเอาไว้

ความจริงแล้วอย่าเห็นว่าพวกเขามีหลายสิบคน แต่เพราะมาจากขุมอำนาจต่างกัน ต่างฝ่ายต่างกริ่งเกรงและหวาดระแวงอยู่ในใจ ตอนที่ปิดล้อมอาหลู่และเจ้าคางคกก่อนหน้านี้ ต่างฝ่ายต่างก็เกิดการยื้อยุดกัน ล้วนไม่เคยทุ่มสุดกำลังอย่างแท้จริง เพื่อเลี่ยงไม่ให้ถูกคนอื่นฉวยโอกาส

และนี่ก็ให้โอกาสเจ้าคางคกและอาหลู่ได้หายใจหายคอ หากไม่เป็นเช่นนี้ ภายใต้สถานการณ์ที่ถูกปิดล้อมจากบุคคลกร้าวแกร่งมากมายขนาดนี้ คงยากที่ทั้งคู่จะสามารถยืนหยัดมาถึงป่านนี้ได้

พูดแล้วเหมือนช้าแต่ความจริงกลับรวดเร็วยิ่ง เผชิญหน้ากับการโจมตีครั้งนี้ของเสวียนจิง หลินสวินชูมือขึ้นกำเป็นหมัด พลังหมัดดั่งทะเลกว้างเวิ้งว้าง ทำลายล้างย่อยยับ

ตูม!

ห้วงอากาศแถบนั้นสั่นรัว ส่งเสียงโหยหวนแตกเป็นเสี่ยงๆ แสงเรืองศักดิ์สิทธิ์พราวพร่างพลิกตลบ ท่วมบริเวณนี้จนมิด

ที่น่าอัศจรรย์คือเสาทองแดงหนึ่งร้อยแปดต้นในตำหนักแห่งนี้เปล่งแสง พลังต้องห้ามอันพร่าเลือนไหลหลั่ง ทำให้ทั่วตำหนักทนทานมั่นคง ไม่เคยได้รับความเสียหาย

หาไม่ลำพังแค่พลังของการโจมตีครั้งนี้ก็เพียงพอจะใช้บดขยี้ภูผาธาราแล้ว

ขณะที่แสงศักดิ์สิทธิ์แผ่กว้าง หลินสวินยืนตระหง่านอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย

เทพธิดาหลิงหวาก็เอ่ยปากเช่นกัน แววตาเย็นเยียบเผยความอาฆาต กระทั่งตอนนี้นางก็ยังไม่ลืมความอัปยศที่หลินสวินเคยทำกับนาง

“พี่ใหญ่ ต้องช่วยหรือไม่!” อาหลู่ตะโกนเสียงดัง เขาดูออกว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี ในใจหวั่นวิตก

“หุบปากเถอะ! เจ้าเข้าไปรังแต่จะเพิ่มความวุ่นวาย ปกป้องข้าให้ดีก็พอแล้ว!”

เจ้าคางคกไออย่างหนัก ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าวว่า “โอกาสสร้างความโดดเด่นระดับนี้ก็ให้เขาไปนั่นแหละดีแล้ว ถ้าเขาถูกซัดหมอบจริงๆ เช่นนั้นพวกเราก็ได้แต่จบชีวิตเท่านั้น!”

“ฆ่า!”

ในที่นั้นเงาร่างสายแล้วสายเล่าพุ่งออกมา หันปลายหอกไปทางหลินสวินเพียงคนเดียว

พวกเขามาจากขุมอำนาจต่างกัน ครั้งนี้ต่างมาเพื่อแย่งชิงศุภโชค แต่ก็รู้ดีว่าหากไม่จัดการหลินสวินให้สิ้นซากก่อน ใครหน้าไหนก็ไม่อาจบรรลุเป้าหมาย

“อาหลู่ ปกป้องเจ้าคางคกให้ดี พวกเจ้าแค่คอยดูว่าข้าจะฆ่าพวกมันให้เรียบอย่างไร!”

หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณรอบตัวลุกโชนดุจเตาเพลิง คุกรุ่นสุดกำลัง โทสะหยาจื้อ วิชาอริยะยุทธ์ มังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร… ความเร้นลับทั้งหมดถูกโคจร

และยามนี้พลังมหามรรคที่เขาเลือกใช้ทั้งหมดกลับเปลี่ยนไปแล้ว ใช้มรรคดับดารากลืนกินโดยไม่มีการยั้งมือแต่อย่างใด!

“ฮ่าๆ พูดมาได้ไม่อายปาก อย่าว่าแต่เจ้าเลย ไม่ว่าใครหน้าไหนโผล่มาล้วนต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเหมือนกัน!”

มีคนหัวเราะเยาะ

นี่ไม่ใช่คำคุยโว โดยทั่วไปแล้วแม้จะเป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณ ก็ไม่สามารถสกัดการปิดล้อมของคนรุ่นเดียวมากมายขนาดนี้ได้

ควรรู้ว่าในหมู่พวกเขาไม่ขาดสัตว์ประหลาดยุคโบราณและปีศาจแห่งยุค ล้วนยืนอยู่บนจุดสูงสุดแห่งยอดมกุฎ เป็นบุคคลดุจดั่งนายเหนือหัวของฝ่ายหนึ่งกันทั้งสิ้น

แน่นอน นี่เป็นเพียงสถานการณ์ทั่วไปเท่านั้น

ตูม!

คนที่พุ่งเข้ามาก่อนคือเลี่ยอวิ๋นไห่จากลัทธิบูชาจันทร์ นัยน์ตาม่วงของเขาสาดประกายแปลกประหลาด ร่างกายมีแสงเมฆพวยพุ่ง ระเบิดอานุภาพศักดิ์สิทธิ์

ทวนศึกเล่มหนึ่งในมือเขากวาดขวาง ราวกับจันทร์เพ็ญสีม่วงดวงหนึ่งกำลังเคลื่อนขวาง แสงศักดิ์สิทธิ์ลุกโหม

เพียงแต่หลินสวินยื่นมือคว้าคราเดียวก็ทำลายพลังโจมตีของเขา คว้าทวนศึกของเขาเอาไว้แน่นหนาด้วยความเร็วดุจสายฟ้าฟาด จากนั้นก็ออกแรงดุดัน

ตึง!

ทวนศึกถูกหลินสวินบังคับแย่งเอาไป จากนั้นทวนศึกกวาดผ่าน เลี่ยอวิ๋นไห่ถูกทวนศึกของตัวเองกระแทกปลิวออกไปทันที!

“ฆ่า!”

ไอสังหารและความเคียดแค้นสุมอกของหลินสวินกลายเป็นเสียงคำรามลั่น ราวกับอสนีโหมกระหน่ำเก้าสวรรค์ เลือดลมเดือดระอุ พุ่งทะยานเข้าไป

ผมดำของเขาปลิวสยาย สีหน้าเย็นเยียบจนน่ากลัว แม้เผชิญหน้ากับวงล้อมโจมตีของทุกคน ก็ไร้ซึ่งแววกริ่งเกรงแต่อย่างใด เป็นฝ่ายสำแดงการเข่นฆ่าก่อน!

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์