ชั่วพริบตาหลินสวินเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน กลิ่นอายที่ไหลเวียนทั่วร่างประหนึ่งเหวดุจนรก ส่งผลให้อาณาบริเวณโดยรอบพังครืนลง
ทุกคนต่างขวัญหนีดีฝ่อเสียจนเข่าแทบทรุด นี่เป็นความน่ายำเกรงที่มีติดตัวมาอย่างหนึ่ง เป็นการสยบข่มถึงที่สุดในด้านพลัง
“นี่มันเรื่องอะไรกัน หรือเขาจะฟื้นฟูแผลมรรคจนหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว” มีคนร้องเสียงแหลมอย่างตื่นตระหนก
ตูม!
รอบกายหลินสวินก่อร่างเป็นวงแหวนเทพแสงมรรคทรงกลด หมุนเวียนประหนึ่งกับหุบเหวลึกปรากฏสู่ใต้หล้า ขับเน้นจนตัวเขาประดุจอริยเทพเยื้องย่าง
พรูด!
ชั่วพริบตาร่างของผู้แข็งแกร่งที่จู่โจมเข้ามาล้วนถูกกำราบด้วยแสงมรรครอบกายหลินสวินจนระเบิดกระจุยกระจาย เนื้อหนังมังสาฉีกขาดไม่มีชิ้นดีและสลายเป็นฝุ่นควัน ไร้หนทางเข้าประชิดตัว!
ทั้งการจู่โจมและสมบัติวิเศษของพวกเขา ล้วนแต่ถูกบดขยี้เป็นผงธุลี กลายเป็นละอองแสงปลิวออกไป
พลานุภาพที่อหังการเช่นนี้ย่อมสะเทือนขวัญทั่วทั้งลานในทันที พาให้ผู้แข็งแกร่งทุกคนต่างตกใจจนหนังหัวชาวาบ ไม่กล้าเชื่อสายตาตนเอง
แสงมรรคดุจวงแหวนเทพแปรเปลี่ยนเป็นหุบเหว ชายหนุ่มที่สีหน้าเฉยเมยแต่เยียบเย็นคนหนึ่งแผ่อานุภาพสะเทือนฟ้าสะท้านดินออกมา ราวกับนายเหนือหัวอย่างไรอย่างนั้น!
“ฆ่า!”
ภายใต้ความโกรธเกรี้ยว ผู้ฝึกปราณจากขุมอำนาจทั้งหลายมีหรือจะกล้ารั้งรอ เร่งลงมือในทันใด อีกทั้งยังใช้พลังทั้งหมดด้วย
หลินสวินก้าวไปข้างหน้ากลางวงศัตรู แสงมรรคสีใสพร่างพราวประหนึ่งธารดารา เปล่งประกายระยับตาไปทั่วทิศ
ครืนโครม!
ยังไม่ทันได้ลงมือแม้แต่น้อย เพียงแค่รอบกายปลดปล่อยพลังออกไปเท่านั้น ก็แผ่คลุมทั่วใต้หล้า ม้วนหุ้มทั่วทิศ พาให้ห้วงอากาศแตกปะทุ ฟ้าดินครวญคร่ำ
เพียงพริบตาเดียวดั่งฝนเลือดพรั่งพรูลงมา เกิดเสียงร้องโหยหวนกึกก้องตามมาพร้อมกัน
ขอเพียงผู้แข็งแกร่งพุ่งเข้ามาล้วนถูกสยบสังหารประหนึ่งเศษกระดาษที่แหลกเละ แม้ดูเหมือนเป็นการล้อมจู่โจม แต่อันที่จริงกลับไร้หนทางขวางกั้นย่างก้าวของหลินสวิน
ดูแล้วกลับไม่ต่างอะไรจากแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ!
“ไฉนถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ เพราะเหตุใดกัน!”
ภาพนองเลือดเช่นนี้ทำเอาผู้คนมากมายตัวสั่นเทา ภายในใจเกิดความหวาดผวา พลังศักดิสิทธิ์เช่นนี้จะขวางกั้นได้อย่างไร
ผู้ฝึกปราณที่มองดูห่างออกไปล้วนสูดหายใจเย็น ตกตะลึงอ้าปากค้าง
เมื่อห้าวันก่อนหลินสวินซึ่งเร้นกายเงียบหายไปครึ่งปีปรากฏตัวขึ้น ทว่ากลับถูกผู้แข็งแกร่งระดับราชันสี่คนร่วมมือจู่โจมจนบาดเจ็บปางตาย ต้องหลบลี้อยู่ภายในกระบวนค่ายกลมรรคราชัน
นี่ถูกมองว่าเป็นเค้าลางถึงการร่วงหล่นของเทพมารหลิน และทำให้ผู้ฝึกปราณมากมายต่างทอดถอนใจ เศร้าโศกกับตัวเขาอยู่ไม่น้อย
ห้าวันให้หลัง กระบวนค่ายกลมรรคราชันถูกทลายลง เหล่าผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจใหญ่แย่งเข้าโจมตีเป็นอันดับแรก หมายสังหารเทพมารหลินในทันที
ภายใต้เหตุการณ์เช่นนี้ทุกคนย่อมนึกว่าเทพมารหลินต้องตายโดยไม่ต้องสงสัย การต่อสู้ที่ได้รับความสนใจจากทั่วทั้งเมืองนี้คงจะจบสิ้นลงไปตามการตายของเทพมารหลิน
ทว่าใครเล่าจะคาดคิด ทุกอย่างล้วนแปรเปลี่ยนไปแล้ว!
เทพมารหลินที่ใครๆ มองว่าได้รับแผลมรรคซึ่งไม่อาจฟื้นฟูได้ อับจนหนทางผู้นี้ ไม่เพียงไม่ถูกสังหาร ซ้ำยังเสมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง สำแดงคมประกายสะท้านโลกออกมา!
นี่เป็นเรื่องที่เกินกว่าจะคาดเดาอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ผู้คนอกสะท้านสะเทือน ราวกับได้เห็นปาฏิหาริย์ที่มีชีวิตกับตาตนเอง
ตูม!
หลินสวินเหยียบย่างกลางห้วงอากาศ ประหนึ่งเทพมารปรากฏตัวบนโลกเข้าสังหารคู่ต่อสู้ หากพูดให้เคร่งครัดหน่อยก็คือกำลังบดขยี้ศัตรู
เพราะทุกย่างก้าวของเขา คู่ต่อสู้แต่ละคนไม่ต่างอะไรกับไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา ถูกสยบสังหารคาที่ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการดิ้นรน แม้แต่พละกำลังในการต่อต้านก็ยังไม่มี!
สำหรับผู้ที่ชมดูการต่อสู้อยู่ บางทีนี่อาจเป็นเรื่องที่น่าตกใจและคาดไม่ถึง
ทว่าสำหรับตัวหลินสวินเอง ตั้งแต่ห้าวันก่อนจวบจนบัดนี้ เขาได้สั่งสมความโกรธแค้นอัดอั้นไว้ในใจมากเกินพอแล้ว!
เขาไม่มีทางลืมภาพเหตุการณ์อันตรายที่ถูกผู้แข็งแกร่งระดับราชันสี่คนปิดล้อมสังหารตรงประตูเมือง และไม่มีวันลืมบาดแผลและการถูกปิดล้อมที่เขาได้รับ!
ในเวลานั้น แม้แต่พวกผู้ฝึกปราณที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องยังกล้ามองว่าเขาเป็นแกะอ้วน ลงมือโจมตีสังหาร!
ในเวลานั้น ผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจใหญ่แต่ละแห่งต่างกำลังใจฮึกเหิม มองว่าเขาเป็นเหยื่อ คุมเชิงกันเพียงเพื่อแย่งโอกาสในการสังหารตนเป็นคนแรก!
พวกเขา…
เห็นตนเป็นอะไร
หรือจะบอกว่าเพราะเมื่อก่อนตนเป็นคนใจดีมีเมตตาเกินไป ยังฆ่าแกงคนอื่นไม่มากพอ
โดยเฉพาะเมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋นยอมเลือกจะสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องเขา ยิ่งเป็นการปลุกความโกรธแค้นที่สั่งสมในใจของหลินสวินจนลุกโชนถึงขีดสุด!
และตอนนี้ สิ่งที่เขาต้องการก็คือการระบายออก!
ตูม!
ฟ้าดินแถบนี้เต็มไปด้วยฝนเลือด เสียงร้องโหยหวนก้องสะท้อน ประหนึ่งกลายเป็นขุมนรก
“เร็วเข้า รีบขวางเขาไว้!” มีคนตะโกนขึ้นมา
ทว่าล้วนไม่มีประโยชน์ รอบกายของหลินสวินลุกโชนไร้เทียมทาน แสงมรรคหมุนวน ทุกการเคลื่อนไหวของเขาสามารถสังหารศัตรูทั่วทิศ!
“สารเลว เจ้ากล้าหรือ!”
ผู้กล้าขอบเขตมกุฎคนหนึ่งจากเผ่าอีกาทองพุ่งออกไป นี่เป็นชายหนุ่มชุดเทา คิ้วกระบี่ตาดารา ท่าทางผ่าเผย พลังศักดิ์สิทธิ์น่าประหวั่นพรั่นพรึง
หลินสวินเหลือบมองเขา แค่กวักมือครั้งเดียวชายชุดเทาก็ถูกม้วนตลบเข้ามา
“ไม่!” เขาหน้าเปลี่ยนสีในพริบตา ตะโกนร้องออกไป ร่างกายเปลี่ยนเป็นอีกาทองตัวหนึ่ง สยายปีกกระพือหวังจะดิ้นหลุดออกไป
เพียงแต่ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนเช่นไรต่างไม่เป็นผลทั้งสิ้น ต่อหน้าหลินสวิน แม้ตัวเขาเป็นถึงบุคคลขอบเขตมกุฎ กระนั้นก็ไร้ความสามารถอยู่ดี
ครึ่ก!
พริบตาถัดมาปีกของเขาถูกหลินสวินกระชากออก ฝนเลือดสาดกระเซ็น
ทุกคนล้วนหวาดผวา นี่ไม่ใช่บุคคลขอบเขตมกุฎทั่วๆ ไป ทว่าบัดนี้กลับเสมือนลูกไก่ตัวน้อยๆ ถูกฉีกกระชากทั้งเป็น!
เพียงแต่อานุภาพของมันถูกหลินสวินโคจรถึงระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ตูม!
หลินสวินกวาดสายตาออกไปทั่วทิศ ราวกับประกายสายฟ้าฉีกทึ้งห้วงอากาศ เขาในเวลานี้ดุจดั่งนายเหนือหัวผู้กุมความเป็นตายของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล ยกมือขึ้นกำเพียงเบาๆ
ก็เห็นว่าเงาร่างที่ถูกกักขังแต่ละคนล้วนระเบิดแตกพร้อมกัน กลายเป็นเถ้าธุลีด้วยพลังทำลายล้างแห่งผนึกป้าเซี่ย
เมื่อมองจากไกลๆ ฟ้าดินแถบนี้ดูประหนึ่งมีฝนเลือดตกกระหน่ำ ย้อมห้วงอากาศกลายเป็นสีแดงฉาน บาดตาอย่างที่สุด
ผู้ฝึกปราณที่เฝ้ามองการต่อสู้อยู่ไกลๆ ต่างอ้าปากค้าง สะท้านขวัญจนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น อานุภาพเช่นนี้ไม่เหมือนสิ่งที่ผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติควรมีไว้ครอบครอง
น่าสะพรึงเกินไปแล้ว!
สัตว์ประหลาดยุคโบราณและปีศาจแห่งยุคที่เร้นกายในหมู่ผู้คนบางส่วน เดิมทีมีทีท่าร่วมชมความครึกครื้น ทว่าการโจมตีที่เห็นนี้ล้วนทำให้พวกเขาใจสะท้านขึ้นมา หน้าเปลี่ยนสีด้วยเช่นกัน
คนผู้นี้ หรือจะไปถึงขอบเขตราชันมกุฎแล้ว
ขอบเขตราชันกับกลายเป็นราชัน เป็นสองคำที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
แต่ขอบเขตราชันมกุฎเป็นสิ่งที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย มีนัยว่าบนเส้นทางแห่งมกุฎมรรคาในระดับกระบวนแปรจุตินี้ หลินสวินอยู่ในขั้นที่ไร้ผู้ทัดเทียม กำราบสยบสิ้นในทุกพลังของคนรุ่นเดียวกัน!
และเวลานี้ เหล่าผู้แข็งแกร่งที่ยังไม่ได้หลบหนีพวกนั้นต่างก็หวาดผวาจนแทบพังทลายแล้ว
พวกเขาก่อนหน้านี้ล้วนคิดว่าหลินสวินบาดเจ็บสาหัสปางตาย สามารถฆ่าแกงได้ตามใจ มองว่าเขาเป็นเหมือนเหยื่อ ทว่ากลับไม่เคยคิดเลยว่า เขาจะสำแดงอานุภาพที่น่าสะพรึงเช่นนี้ออกมา!
และยามนี้พวกเขาถึงเพิ่งนึกได้ว่าชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้านี้ เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงก้องระบือทั่วใต้หล้ามาตั้งแต่ยามอยู่โลกภายนอก เป็นบุคคลระดับเทพมารซึ่งมีชื่อเสียงมาจากการเข่นฆ่าสังหาร
และเพิ่งนึกได้ว่า ยามที่ก้าวสู่แดนเผาเซียน เขาก็บุกเข้าอาณาเขตของเผ่าอีกาทอง ปล้นคลังสมบัติ ซ้ำยังเคยสังหารบุคคลขอบเขตมกุฎยี่สิบหกคนในหุบเขาผลาญสวรรค์มาแล้ว!
ตัวตนเช่นนี้ พวกเขาไหนเลยจะสามารถต่อกรได้
“หลินสวิน เจ้าไม่กลัวว่าผู้แข็งแกร่งระดับราชันในขุมอำนาจของพวกข้าจะล้างแค้นหรือ”
มีคนตะโกนเดือดดาล เป็นหลูชวนแห่งเขาวิญญาณหมื่นอสูรนั่นเอง
ปึ้ก!
หลินสวินหมุนตัว ประทับปี้อั้นทะยานกลางฟ้าและสยบสังหารลงไป หลูชวนพยายามต้านทานสุดความสามารถ แต่ก็ยังไม่เป็นผล ถูกกดทับทั้งอย่างนั้น ร่างกายระเบิดแตกทันใด
หลังจากนั้นหลินสวินถึงเอ่ยปากว่า “เมื่อข้ากลายเป็นราชัน ข้าย่อมไปคิดบัญชีกับพวกสวะไร้ค่าที่อยู่นอกเมืองเหล่านั้น!”
ทุกคนต่างตื่นตระหนก ระดับราชันกลุ่มหนึ่งกลับถูกหลินสวินมองว่าเป็น ‘สวะไร้ค่า’ นี่แสดงให้เห็นถึงความกร้าวแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย
การสังหารยังคงดำเนินไป
ครั้งนี้หลินสวินไม่คิดจะยั้งมือไว้ไมตรีแล้ว หมายเก็บกวาดศัตรูทั้งหมดในเมืองนี้ให้ราบคาบ!
“หลินสวิน พอแต่เพียงเท่านี้เถิด ความแค้นควรเลิกแล้วต่อกันหาใช่ผูกใจเจ็บยิ่งขึ้นไปอีก เหตุใดต้องฆ่าแกงให้สิ้นซากเช่นนี้ด้วย”
ทันใดนั้นในกลุ่มคนที่มองดูการต่อสู้อยู่ไกลๆ มีชายหนุ่มผมขาวคนหนึ่งก้าวออกมา เขากล่าวด้วยเสียงราบเรียบ หมายจะหยุดยั้งการฆ่าฟันในครั้งนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์