ทว่าที่ทำให้หลินสวินคาดไม่ถึงคือ จุดเปลี่ยนการบรรลุราชันยังไม่มา เวลาเปิดแดนเก้าบนก็มาถึงแล้ว…
วันนี้ในสามพันแดน หอมกุฎแผ่แสงเจิดจรัสอัศจรรย์ พลังกฎระเบียบไร้รูปกระจายออกมา
ภายในหอมกุฎ บันไดสวรรค์มหามรรคเปลี่ยนเป็นทางเดินสายหนึ่งมุ่งไปยังส่วนลึกสุดแห่งห้วงอากาศ!
วันนี้สามพันแดนครึกโครม ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนพลุ่งพล่าน
ตั้งแต่แดนมกุฎมาเยือนจนถึงวันนี้ที่ช่องทางสู่แดนเก้าบนเปิดออก ประจวบเหมาะเป็นเวลาหนึ่งปี
หนึ่งปีมานี้เกิดเรื่องระทึกขวัญมากเหลือเกิน!
มีคนร่วงหล่น
มีคนกลายเป็นราชัน
มีคนผงาดง้ำได้รับศุภโชคและวาสนาที่ปรารถนา
มีคน…
แต่นับจากวันนี้ ทุกอย่างจะเกิดการเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าพลิกดิน!
“ผู้ที่ดันตนขึ้นสู่หนึ่งพันอันดับแรกของหอมกุฎ ผู้ที่บรรลุราชัน ล้วนมุ่งหน้าไปแดนเก้าบน ช่วงชิงศุภโชคที่ยิ่งใหญ่และพลิกฟ้ายิ่งกว่า!”
“ส่วนคนอื่นต่างทำได้แค่วาดหวังทอดถอนใจ ไร้วาสนาไปเยือน วนเวียนอยู่ในสามพันแดน”
“ระยะห่างจะแยกจากกันโดยสมบูรณ์ในวันนี้!”
คนมากมายกำลังทอดถอนใจ ถอนหายใจไม่หยุด
แดนเก้าบนคือแดนแห่งการช่วงชิงแข่งขันของบุคคลขอบเขตมกุฎ เป็นสนามรบที่หมื่นผู้กล้าธรรมบาลช่วงชิงความเป็นใหญ่ เป็นเวทีต่อสู้ของราชัน
คนอื่นไม่มีคุณสมบัติเข้าไป
นี่ก็คือความแตกต่าง
หรือพูดได้ว่าเป็นการคัดออกโดยปริยาย!
“น่าเสียดาย…”
ผู้แข็งแกร่งที่แต่ก่อนโอ้อวดว่าตนเป็นผู้กล้าและอัจฉริยะบางส่วน บัดนี้กลับไม่มีสิทธิ์เข้าไปในแดนเก้าบน สำหรับพวกเขานี่คือการโจมตีหนักหน่วงโดยไม่ต้องสงสัย
“ที่แดนเก้าบน การช่วงชิงอันดับกระดานทองคำผู้กล้าจะปรากฏ นี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเราไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะแข่งขันหรอกหรือ”
ใบหน้าเหล่าผู้แข็งแกร่งเศร้าสลด ในใจรู้สึกพ่ายแพ้
ผู้คนต่างรู้ว่ามีเพียงดันตนขึ้นสู่กระดานทองคำผู้กล้า จึงจะมีสิทธิ์เรียกตนว่าเป็น ‘ผู้กล้า’ อย่างแท้จริง!
“ห่างกันเพียงก้าว แตกต่างราวฟ้าดิน ความเหี้ยมโหดแห่งมหามรรคเห็นได้ที่นี่!”
เวลานี้ในสามพันแดนเสียงถอนใจ รำพัน จิตตก หดหู่ โมโห จนปัญญาไม่รู้เท่าไรดังก้องขึ้น
ถึงขั้นมีคนร้องไห้ด้วยเหตุนี้!
ไม่ได้เป็นผู้ฝึกปราณอย่างแท้จริง ยากเข้าใจความรู้สึกจนปัญญาที่ ‘ไร้วาสนาได้เห็นยอดเขาสูง’ เช่นนี้
เทียบกันแล้วเหล่าผู้แข็งแกร่งที่มีคุณสมบัติเข้าสู่แดนเก้าบน แต่ละคนอิ่มเอมยินดี จิตใจฮึกเหิม
เสาะแสวงหามหามรรคมาก็เพื่อวันนี้!
“ไป”
แดนขุมทอง อวิ๋นชิ่งไป๋ก้าวนำเข้าไปในหอมกุฎ สีหน้าราบเรียบ
“ออกเดินทาง!”
แดนม่วงแท้ แววตาเยี่ยนจั่นชิวดุจอสนี สาวเท้าก้าวใหญ่ไปเบื้องหน้า
“แดนเก้าบน สถานที่ที่ผนึกศุภโชคพลิกฟ้าหมื่นสมัยเปิดแล้วรึ”
ธิดาเทพหลินเสวี่ยกล่าวเสียงแผ่วเบา
“คราวนี้ข้าจะกลายเป็นขอบเขตมกุฎระดับราชัน แล้วกำราบคนรุ่นเดียวกันให้หมด!”
ในทุ่งโล่งกว้าง ชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาท่าทางเก็บตัวคนหนึ่ง พลันกลายร่างเป็นพญาเผิงปีกทองตัวหนึ่ง เผยไออำมหิตไร้เทียมทาน ลอยเหนือนภาหายไปทันใด
บริเวณต่างๆ ในสามพันแดน บุคคลแห่งยุคที่ฝีมือล้ำเลิศคนแล้วคนเล่าเริ่มเคลื่อนไหว มุ่งหน้าไปยังแดนเก้าบน
ในแดนเผาเซียนก็กำลังเปิดม่านฉากคล้ายคลึงกัน
หน้าหอมกุฎผู้คนคราคร่ำ ผู้แข็งแกร่งที่เจิดจรัสหาใดเปรียบแต่ละคนเดินเข้าไปในหอมกุฎ ภายใต้สายตาอิจฉาและยำเกรงมากมายที่จับจ้อง
เมื่อสังเกตโดยละเอียดจะพบว่า ผู้แข็งแกร่งเหล่านี้แทบทั้งหมดต่างมาจากขุมอำนาจมหาสำนักใหญ่
บ้างเป็นยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎในยุคปัจจุบัน
บ้างเป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณ!
ส่วนนอกเมือง ผู้แข็งแกร่งที่กลายเป็นราชันนานแล้วบางส่วนก็เริ่มออกเคลื่อนไหว
ราชันเหล่านี้แค่ทะยานผ่านเมฆก็มาถึงท้องฟ้าเหนือหอมกุฎ อาศัยพลังกฎเกณฑ์มรรคราชันของตนก็สามารถถูกนำทางไปยังแดนเก้าบนได้แล้ว
“เทพมารหลินล่ะ?”
ที่ทำให้ทุกคนสงสัยคือ ในเวลาเช่นนี้กลับขาดหลินสวินไปคนหนึ่ง!
สำหรับหลินสวินที่ทะยานขึ้นอันดับหนึ่งของบันไดสวรรค์มหามรรค ไม่เคยถูกสั่นคลอนเพียงเสี้ยวจนถึงปัจจุบัน ในวันสำคัญที่ทั่วหล้าจับตามองเช่นนี้กลับไม่ปรากฏตัว นี่ทำให้คนแปลกใจโดยไม่ต้องสงสัย
“เขาไม่คิดไปแดนเก้าบนแล้วรึ” มีคนกล่าวหยอกล้อ
“พูดไร้สาระให้น้อยหน่อย ความคิดของเทพมารหลินจะเป็นสิ่งที่เราสามารถคาดเดาได้อย่างไร ไม่ว่าอย่างไรเขาจะต้องไปแดนเก้าบนแน่!”
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์เซ็งแซ่ เสียงตวาดราวฟ้าคะนองหนึ่งดังก้องบนเวิ้งฟ้าทันใด
“หลินสวิน เผ่าอีกาทองของข้าจะรอเจ้าที่แดนเก้าบน!”
น้ำเสียงเยียบเย็นเสียดกระดูก เปี่ยมความเกลียดชังเหลือคณา
ทุกคนเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นชายหนุ่มชุดดำคนหนึ่งหยัดยืนบนเวิ้งฟ้า ทั่วร่างแผ่อานุภาพกดดันแห่งมรรคราชัน เป็นอูหยวนเจิ้นแห่งเผ่าอีกาทองนั่นเอง!
ตอนนั้นเขาเคยกมข่มหลินสวินที่หน้าประตูเมือง
ในใจทุกคนสั่นสะท้าน เทพมารหลินยังไม่เข้าสู่แดนเก้าบนก็ถูกหมายหัวเสียแล้ว
“เลือดต้องล้างด้วยเลือด เทพมารหลิน ถ้ากล้าเจ้าก็มาที่แดนเก้าบน!”
“ทางที่ดีเจ้าล้างคอรอไว้ได้เลย!”
“แดนเก้าบนไม่มีโอกาสให้เจ้าได้เป็นเต่าหดหัวอีกแล้ว!”
เวิ้งฟ้าอีกด้านหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งระดับราชันอย่างเมี่ยวเฉินแห่งสำนักยุทธ์นครนิล ซางชงจากเผ่าวิญญาณสมุทร หวังอวิ๋นทงแห่งลัทธิบูชาจันทร์ต่างส่งเสียงเย็นชา
ช่วงที่ผ่านมาพวกเขาถูกตัดขาดอยู่นอกเมืองโบราณเผาเซียน แค่คิดก็รู้แล้วว่าในใจอัดอั้นเพียงใด
ตอนนี้ช่องทางสู่แดนเก้าบนเปิดออก ทำให้พวกเขาไม่ต้องอดกลั้นอีก ก่อนเดินทางจึงกล่าวคำรุนแรงทิ้งท้ายเช่นนี้
ในที่นั้นเงียบสงัด ล้วนถูกทำให้หวั่นหวาด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์