สรุปตอน ตอนที่ 1222 สหายยุทธ์ – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
ตอน ตอนที่ 1222 สหายยุทธ์ ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ไผ่ม่วงสั่นสะเทือน เสียงอสนีดุจกระแสน้ำ
ในประกายแสงเจิดจ้าที่แหวนทองแดงแผ่ออกมาค่อยๆ กลายเป็นเงาร่างสูงโปร่งหนึ่ง สวมชุดกระโปรงขาว เสมือนมายายากจับต้อง
หลินสวินชะงักไปทันที
เป็นร่างไร้หัวที่สวมชุดกระโปรงเปื้อนเลือดร่างนั้น!
เพียงแต่นางในตอนนี้ชุดสะอาดดุจหิมะไม่มีรอยเลือดแม้แต่น้อย แม้เงาร่างจะเหมือนมายาพร่ามัวแต่ก็ยังสามารถมองเห็นว่าผมสีดำราวน้ำตกของนางพลิ้วไหว ศีรษะยังคงอยู่!
ในใจหลินสวินไหวสะท้าน ในที่สุดก็กล้าสรุปแน่ชัด แหวนทองแดงที่พันรอบเส้นผมตนอย่างไร้สุ้มเสียงนี้ต้องมาจากหญิงสาวคนนี้แน่
นางเป็นใคร
เมื่อเงาร่างของหญิงสาวปรากฏ ป่าไผ่ที่สั่นสะเทือนรุนแรงก็นิ่งสงบ เสียงอสนีขับขานเสนาะหูดุจเสียงจากธรรมชาติ บรรยากาศบริสุทธิ์ผุดผ่องไปทั่วบริเวณ
“ตามข้ามาเถอะ”
เสียงราวขลุ่ยกระจ่าง บางเบาเย็นสบาย
จากนั้นนางก็ก้าวไปข้างหน้า
หลินสวินยืนขึ้นตามจิตใต้สำนึก สะกดข่มความสงสัยทุกอย่างไว้ในใจแล้วเร่งตามนางไป
ไม่ช้ากระท่อมหลังนั้นก็ปรากฏ เถาวัลย์เลื้อยพัน ไม้ดอกแตกพุ่มไสว กลิ่นหอมสดชื่นร่มเย็นถาโถมเข้าใส่
หญิงสาวยืนอยู่หน้ากระท่อม เงียบไปนานก็ถอนใจกล่าว “เชิญนั่ง”
หน้ากระท่อมมีโต๊ะหินตัวหนึ่งกับเก้าอี้หินสองตัว
หญิงสาวนั่งลงอย่างสบายอารมณ์ เงาร่างนางยังเหมือนภาพมายาแผ่กลิ่นอายบริสุทธิ์บางเบา เลือนรางเหลือประมาณ ทำให้คนเห็นหน้านางไม่ชัดเจน
หลินสวินนั่งตามคำเชิญ ท้ายที่สุดก็อดถามไม่ได้ “เรียนถามผู้อาวุโส…”
หญิงสาวตัดบทกล่าว “ข้าเป็นแค่รอยประทับเจตจำนงที่บกพร่อง ไม่จำเป็นต้องเรียกว่าผู้อาวุโส ยิ่งไปกว่านั้น…”
พูดถึงตรงนี้นางเงียบไปครู่หนึ่งค่อยกล่าว “ในเมื่อเจ้าได้ครองประตูสวรรค์แล้วก็ถือเป็นพวกเดียวกัน เรียกข้าว่าสหายยุทธ์ก็พอ”
ประตูสวรรค์!
หลินสวินใจกระตุกวูบดั่งคลื่นซัดสาด
ตั้งแต่ฝึกปราณมาจนปัจจุบัน เขาเพิ่งเคยถูกคนเห็นการมีอยู่ของประตูสวรรค์เป็นครั้งแรก!
“สหายยุทธ์ชี้นำข้ามาที่นี่ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอันใด” หลินสวินสูดหายใจลึกเอ่ยถาม
หญิงตรงหน้านี้ไม่ธรรมดายิ่ง แม้เป็นร่องรอยเจตจำนงหนึ่ง แต่สามารถมองประตูสวรรค์ในห้วงนิมิตของตนออก ความเป็นมาจะธรรมดาได้อย่างไร
“ด้วยความปรารถนาหนึ่งของข้ายังไม่สำเร็จจึงเฝ้าอยู่ที่นี่ นับนิ้วคำนวณผ่านกาลเวลาไร้สิ้นสุด ตอนนี้มหายุคมาเยือน ข้าก็ได้เวลาจากไป”
หญิงสาวสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง บนโต๊ะหินมีกาน้ำชาไผ่ม่วงและจอกไผ่ม่วงสองใบเพิ่มขึ้นมา
นางถือกาน้ำชาขึ้นมา ปากกาลาดเอียงไหลรินน้ำชาสีม่วงร้อนระอุแวววาว โชยกลิ่นหอมชื่นใจพาให้คนประหนึ่งจิตวิญญาณลุ่มหลง
หลินสวินแค่ได้กลิ่นก็รู้สึกจิตใจปลอดโปร่งโล่งสบาย ความคิดฟุ้งซ่านหายไปสิ้น พาให้อดไหวหวั่นไม่ได้
“ก่อนจากไปได้เจอสหายยุทธ์ก็นับเป็นเรื่องดี หวังจะใช้น้ำชาแทนเหล้าร่วมดื่มกับสหายยุทธ์ครู่หนึ่ง”
นางยกจอกไผ่ม่วงใบหนึ่งส่งให้หลินสวิน
หลินสวินชูจอกร่วมดื่มกับนาง น้ำชาไหลรินลงคอ รู้สึกเพียงกลิ่นหวานฉ่ำพลันแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ทั้งตัวมีความรู้สึกลอยล่องอย่างกับเซียน
“ชาดี!”
นัยน์ตาดำของหลินสวินเป็นประกาย ในเมื่อมาแล้วก็ควรสบายใจ เวลานี้เขาผ่อนคลายโดยสมบูรณ์ ไม่รีบร้อนซักถามข้อสงสัยภายในใจ
หญิงสาววางจอกชาแล้วกล่าว “สหายยุทธ์ บนตัวเจ้ามีผลกรรมพันธนาการอยู่มาก ไม่รู้ว่าเจ้าเคยคิดว่าสักวันหนึ่งจะจากดินแดนรกร้างโบราณไปหรือไม่”
หลินสวินส่ายศีรษะ โซ่กฎกรรมบนตัวเขามีมากจริงๆ ด้วยเหตุนี้ปัจจุบันเขาจึงไม่เคยคิดเรื่องที่จะออกจากดินแดนรกร้างโบราณมาก่อน
“มหายุครุ่งเรืองถึงขีดสุด แบกรับโชคชะตาหมื่นสมัย แต่สุดท้ายก็ต้องมีเวลาเสื่อมโทรม รอเมื่อสหายยุทธ์ออกจากแดนมกุฎก็จะเข้าใจเอง ต่อให้ก้าวสู่ระดับอริยะ หากไม่กระโดดออกจากกรง หนทางฝึกปราณก็เท่ากับหยุดลงเพียงเท่านี้”
เสียงนางราบเรียบบางเบา “เพียงแต่ตอนนี้สำหรับเจ้า ยังไม่ใช่เวลามาพิจารณาเรื่องพวกนี้จริงๆ”
ใจหลินสวินกระเพื่อมไหว!
เขาไม่แน่ใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายต้องพูดเรื่องพวกนี้กับตน แต่จากคำพูดกลับทำให้เขารับรู้ได้ถึงปัญหาหนึ่ง
หลังจากก้าวสู่ระดับอริยะ หากไม่กระโดดออกจากกรงของดินแดนรกร้างโบราณนี่ หนทางฝึกปราณคงไม่อาจดำเนินต่อไปแน่!
นึกถึงตรงนี้หลินสวินก็คิดถึงเซียนผลาญเฉินหลินคงขึ้นมา
ปีนั้นเซียนผลาญเฉินหลินคงเคยพาแม่ทัพเทพหนึ่งร้อยแปดคนออกศึก ก่อนจากได้นำมรดกเก็บไว้ในแดนเผาเซียน เพื่อไม่ให้มรดกสาบสูญหลังจากไป
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หรือพวกเฉินหลินคงก็ตระหนักได้ว่าหากไม่จากไป มรรคาก็จะหยุดอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณ?
“สหายยุทธ์ การกระโดดออกจากกรงต้องไปยังทางเดินโบราณฟ้าดารานั่นใช่หรือไม่” หลินสวินเอ่ยถาม
นางพยักหน้า “ไม่ผิด”
หลินสวินเข้าใจแล้ว
ในใจเขาถึงขั้นมีความคิดบ้าบิ่นหนึ่ง เขาสงสัยว่าแดนมกุฎนี้คือสิ่งที่เหล่าผู้แข็งแกร่งซึ่งจากดินแดนรกร้างโบราณไปเหลือไว้ในสมัยบรรพกาล!
จุดประสงค์อาจเหมือนกับเซียนผลาญเฉินหลินคง เพื่อทำให้มรดกคงอยู่ชั่วนิรันดร์ สืบทอดต่อไปไม่ขาดช่วง!
ทำไมสามพันแดนและแดนเก้าบนถึงมีวาสนาและศุภโชคมากขนาดนั้น
ง่ายมาก มหาศุภโชคกว่าครึ่งเกรงว่าคงมาจากยอดผู้แข็งแกร่งที่มีคุณสมบัติเหยียบ ‘ทางเดินโบราณฟ้าดารา’ พวกนั้น!
“หรือว่าหลังจากไปแล้วจะไม่อาจกลับมาได้อีก” หลินสวินอดถามไม่ได้
หญิงสาวส่ายศีรษะกล่าว “บางทีอาจมีหวัง แต่คงริบหรี่นัก”
หลินสวินแน่ใจในการคาดเดาของตนยิ่งกว่าเดิม ผู้แข็งแกร่งอย่างเซียนผลาญเฉินหลินคงต้องรู้แน่ว่า หลังจากไปมีโอกาสจะไม่ได้กลับมาอีกถึงทิ้งมรดกสืบทอดไว้
นี่ต่างหากที่เป็นสาเหตุหลัก
ไม่นานนักหลินสวินก็สลัดความคิดฟุ้งซ่าน
เรื่องพวกนี้ห่างไกลจากตัวเขาเกินไป ต่อให้รู้มากกว่านี้ก็ไม่มีนัยสำคัญ
หลินสวินเอ่ยถามตรงๆ “สหายยุทธ์ เหล่าสหายของข้า…”
“พวกเขาต่างมีศุภโชคเป็นของตน ส่วนจะได้มาเท่าไรล้วนขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเขาเอง เจ้าไม่ต้องกังวลแทนพวกเขา”
หญิงสาวพูดพลางชี้ไปยังป่าไผ่ม่วงผืนนั้น “ไผ่ม่วงสามพันต้น หนึ่งต้นหนึ่งศุภโชค มีวิชาลับบรรพกาล มีใจความฝึกปราณ และมีมรดกสืบทอด”
หลินสวินมีหรือจะปฏิเสธ หยัดร่างขึ้นทันที เดินหน้าไปยังป่าไผ่ม่วงผืนนั้นโดยไม่ลังเล
หญิงสาวสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง
วู้ม…
ในทัศนวิสัยของหลินสวินป่าไผ่ม่วงผืนนี้พลันเปลี่ยนไปในพริบตา ไผ่ม่วงแต่ละต้นล้วนมีอานุภาพและพลังที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
ราวกับยอดฝีมือแห่งยุคมากมายยืนตระหง่านอยู่ภายใน แต่ละคนต่างมีมรรคและกฎเกณฑ์เป็นของตน บุคลิกไม่ธรรมดา ท่าทางองอาจผ่าเผย!
เหมือนวีรชนคนกล้าสามพันคนจากต่างยุคสมัยแต่กลับโดดเด่นเป็นสง่า เปล่งประกายโชติช่วงเจิดจรัส ส่องสว่างชั่วนิรันดร์
หลินสวินสูดหายใจลึก จิตใจผ่องแผ้ว นัยน์ตาดำแน่วแน่
เขามีความเชื่อมั่นว่ามรรคาของตนจะไร้ซึ่งคู่ต่อกร!
ตูม!
ทันใดนั้นไผ่ม่วงต้นหนึ่งที่อยู่ใกล้หลินสวินที่สุดพลันเปลี่ยนเป็นเงาร่างสูงร่างหนึ่ง เป็นเงาร่างชายวัยกลางคนที่เหมือนภาพมายาเลือนราง
“มรรคของข้าไม่พ่ายต่อสวรรค์ เป็นหนึ่งไม่มีสอง เจ้ากล้าถกมรรคกับข้าหรือ”
เสียงองอาจผ่าเผยมีพลังกึกก้อง จิตใจห้าวหาญยากบรรยาย
ทั่วร่างหลินสวินแสงมรรคไหลวนดุจห้วงมายา ประสานมือกล่าว “หมายลองดูสักครั้ง!”
ถกมรรค คือการสำแดงมรรคและกฎเกณฑ์ จึงจะสามารถแบ่งแยกสูงต่ำแห่งมรรคาที่เสาะหาได้ทั้งหมด
สรุปง่ายๆ ก็คือการต่อสู้!
“เชิญ!”
ลักษณะพลังของชายวัยกลางคนดั่งสายรุ้ง เย้ยคำรามฟ้าดิน เงาร่างพุ่งขึ้นทันใด แสงมรรคไร้สิ้นสุดแผ่กระจายออกมาดุจกระแสน้ำ
ในมือเขาทวนสำริดเล่มหนึ่งพุ่งพิฆาตออกไป ที่มาพร้อมกันคือไอสังหารรุนแรงหาใดเปรียบ!
เผด็จการดุดันราวไม่อาจทัดเทียม
สีหน้าหลินสวินไม่โศกเศร้ายินดี เงาร่างไม่ไหวหลบ พุ่งปะทะเข้าไป
ตูม!
การต่อสู้ปะทุขึ้นราวตะวันโชติช่วงสองดวงปะทะกัน ดังคำกล่าวที่ว่าฟ้าไม่มีตะวันสองดวง นี่คือการชิงชัยมรรคา มีหรือจะต้องออมมือ
แม้คู่ต่อสู้จะแข็งแกร่ง แต่หลินสวินก็ผงาดผยองกร้าวแกร่ง!
ในจุดที่ห่างออกไปหญิงสาวนั่งลงอีกครั้ง มือกระจ่างยกกาน้ำชาไผ่ม่วงรินใส่จอกจนเต็มแล้วค่อยๆ ลิ้มรส
แต่ในนัยน์ตานางกลับมองหลินสวินตลอด
ตั้งแต่เห็นหลินสวินครั้งแรก นางก็รู้ว่านี่คือ ‘ผู้ร่วมวิถี’
อีกทั้งเขายังโชคดีกว่าตน ด้วยก้าวเข้าสู่ขอบเขตมกุฎระดับราชันที่ไม่เคยมีมาก่อนแล้ว
และนี่ ก็คือความเสียดายที่ไม่อาจชดเชยเพียงหนึ่งเดียวในใจนาง…
…………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์