การขอร้องนี้ออกจะล่วงล้ำไปบ้าง ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ต่างฝ่ายต่างเหมือนคนแปลกหน้า ไม่มีความสัมพันธ์มาพูดกันได้สักนิด
แต่นี่กลับทำให้เหล่าผู้ฝึกปราณในที่นั้นต่างลอบอิจฉาริษยา
ในแดนเก้าบน ธิดาเทพหลิ่นเสวี่ยเป็นดั่งบุคคลระดับเทพธิดาผู้หนึ่ง ไม่เพียงเพราะนางมีรูปลักษณ์ล้ำเลิศที่ทำให้ผู้อื่นน้อยเนื้อต่ำใจได้
ยังเป็นเพราะรากฐานพลังและศักยภาพของนางก็อยู่ในสิบอันดับแรกของกระดานทองคำผู้กล้า ทำให้เหล่าผู้กล้าต่างชื่นชม
ทว่าเพราะนางมีนิสัยใจคอเย็นชาดั่งหิมะ ไม่สุงสิงกับใครมาตลอด ถึงขนาดทำให้ผู้อื่นเข้าหานางยากนัก
แต่ตอนนี้นางถึงกับออกตัวเอ่ยปากว่าต้องการพูดคุยกับพวกหลินสวิน นี่เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ยากยิ่ง จะให้ผู้อื่นไม่อิจฉาได้อย่างไร
เห็นได้ชัดว่าหลินสวินก็อึ้งไป หันหน้ามาเอ่ยถามว่า “แม่นางบอกเหตุผลสักข้อได้หรือไม่”
ประโยคเดียวทำให้คนไม่น้อยแทบกลอกตา จะดีชั่วเจ้าเทพมารหลินก็เป็นคนที่ลือชื่อในใต้หล้าผู้หนึ่ง แต่ทำไมถึงไม่รู้เรื่องรู้ราวได้ขนาดนี้
หญิงงามผู้มีสติปัญญาความสามารถล้ำเลิศ รูปลักษณ์เกินธรรมดาเช่นนี้มาขอร้อง จำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยหรือ
แต่ก็มีหลายคนลอบชื่นชม อย่างไรเรียกโฉมสะคราญอยู่เบื้องหน้าแต่จิตใจดั่งเสาหิน การกระทำนี้ของเทพมารหลิน กล่าวได้ว่าอธิบายสิ่งนี้ได้อย่างแจ่มชัด
ธิดาเทพหลิ่นเสวี่ยก็อึ้งไปเช่นกัน จากนั้นจึงเอ่ยเสียงใสว่า “ได้ยินชื่อเสียงของสหายยุทธ์หลินมานาน รู้สึกเลื่อมใส เหตุผลนี้ได้ไหม”
หลินสวินยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “เช่นนั้นก็เชิญเถอะ”
เขารู้สึกได้ว่าหลิ่นเสวี่ยไม่ได้มีเจตนาร้าย ทั้งอีกฝ่ายก็พูดถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าเขาปฏิเสธอีกเช่นนั้นก็จะดูไม่ไว้หน้ากัน
ผู้ฝึกปราณคนอื่นที่อยู่ใกล้เห็นดังนี้ต่างเปลี่ยนความคิดอย่างเลี่ยงไม่ได้ อดไม่ไหวพากันเอ่ยปากว่า “สหายยุทธ์หลินสวิน พวกข้าก็รู้สึกเลื่อมใสชื่นชมเจ้าถึงที่สุด ไม่สู้…”
“อย่าแม้แต่คิด!”
เจ้าคางคกตัดบทอย่างไม่ลังเล ปฏิเสธอย่างแล้งน้ำใจ
ทุกคนต่างหมดคำพูดไปครู่หนึ่ง นี่มันเรียกปฏิบัติต่างกันนี่หว่า!
แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ใครยังจะกล้าทำใจดีสู้เสือฝ่าฟันไปโต้งๆ ได้
……
ชั้นสิบแปดของสถูปเจดีย์
“หลายปีมานี้คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเจ้าจะวิ่งเต้นเพราะเรื่องของข้ามาโดยตลอด ลำบากเจ้าแล้ว มา ข้าคารวะเจ้าจอกหนึ่ง”
เมื่อรู้ว่าเจ้าคางคกตามหาร่องรอยของกู่ฝอจื่อ ต้องการจะแก้แค้แทนตนมาตลอดช่วงสี่ปีที่ตนติดอยู่ใต้แม่น้ำนรก หลินสวินก็อดไม่ได้ที่จะซาบซึ้งใจไม่หยุด
เขายกจอกเหล้าขึ้นคารวะเจ้าคางคก!
“พี่น้องครอบครัวตัวเอง พูดแบบนี้ก็ทำเป็นคนอื่นไปได้”
เจ้าคางคกยกจอก แหงนหน้าดื่มจนหนำใจ
ตอนเห็นหลินสวิน ไหนเลยเขาจะไม่รู้สึกยินดีปรีดา
“ไม่สู้ไม่รู้จักกัน หากเมื่อครู่ล่วงเกินอะไรไปก็ขออภัยด้วย”
หลินสวินยกจอก ทอดสายตามองไปยังชื่อหลิงเซียว
ก่อนหน้านี้ชื่อหลิงเซียวรู้สึกอึดอัดไปหมด เหมือนนั่งบนพรมเข็มมาโดยตลอด ความหยิ่งทระนงในใจทำให้เขาออกจะไม่อาจเผชิญหน้ากับหลินสวินได้
ในขณะเดียวกันด้วยได้รับความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ในวันนี้ ก็ทำให้เขาเชิดหน้าต่อหน้าหลินสวินไม่ได้อยู่บ้างจริงๆ
แต่ตอนนี้ยามเห็นหลินสวินออกตัวขอโทษ คารวะตนด้วยจอกเหล้า ชื่อหลิงเซียวกลับอึ้งไปครู่หนึ่ง
ผ่านไปครู่ใหญ่เขาถึงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน ยกจอกพูดว่า “พี่ใหญ่หลินมือไวใจถึง จิตใจกว้างขวาง จอกนี้ควรเป็นข้าคารวะเจ้าถึงจะถูก”
“เชิญ” หลินสวินยิ้ม
ทั้งสองคนยกดื่มหมดจอก
“ฮ่าๆๆ พี่ใหญ่ เจ้าไม่รู้อะไร เจ้าหนูชื่อหลิงเซียวคนนี้ตอนนั้นเป็นถึงราชันมารจอมก่อกวนที่ชื่อเสียงโจษจันคนหนึ่ง ข้ารู้จักเขามานานขนาดนี้ ยังไม่เคยเห็นเขาอับอายปานนี้มาก่อน”
เจ้าคางคกที่อยู่ด้านข้างหัวเราะเสียงดัง
“คางคกอย่างเจ้าพูดน้อยกว่านี้หน่อยจะตายหรือไง” ชื่อหลิงเซียวเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
“ไม่ตายหรอก แต่จะรู้สึกแย่มาก” เจ้าคางคกพูดจริงจังประโยคหนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังอย่างอดไม่ได้
วันนี้เขาดีใจมากจริงๆ
ไม่เพียงได้พบกับหลินสวินอีกครั้ง ยังช่วยสหายสนิทสะสางอันตรายในช่วงเวลาสำคัญได้ครั้งหนึ่ง และตอนนี้มานั่งพูดคุยสนุกสนานที่นี่ได้ ความรู้สึกนี้…
ไม่น่ายินดีหรือ!
“ทุกคนต่างเป็นผู้มีความสามารถล้ำเลิศอันดับต้นๆ ในปัจจุบัน ได้รู้จักกับทุกคนข้าน้อยรู้สึกเป็นเกียรตินัก ต้องการใช้เหล้าจอกนี้คารวะพวกเจ้า”
ธิดาเทพหลิ่นเสวี่ยเอ่ยปาก เสียงใสประหนึ่งน้ำพุกังวาน น่าฟังกว่าเสียงสวรรค์เสียอีก
นางมีผมดำขลับดั่งน้ำตก คิ้วงามราวน้ำหมึก ปากแดงนุ่มชุ่มชื้น เนตรกระจ่างทั้งสองเจือรอยยิ้ม เหมือนลมวสันต์สลายพิรุณ เจือจางกลิ่นอายเย็นเยียบทั้งตัวลงไม่น้อยทันที
ฝ่ามือเรียวเล็กยาวทั้งสองประคองจอกเหล้า ทุกการกระทำสามารถใช้คำว่าสง่างามล่มโลกา โฉมสะคราญเป็นศรีนครมาบรรยายได้
สมเป็นสตรีผู้เลิศล้ำที่ได้รับการยกย่องให้เป็นเทพธิดาจากผู้กล้ามากมายนับไม่ถ้วนในแดนเก้าบน
ทุกคนพากันยกจอกดื่มร่วมกัน
ทันใดนั้นบรรยากาศก็ครึกครื้นกลมเกลียวขึ้นกว่าเมื่อครู่นี้ไม่น้อย
“หลายปีนี้ข้าขึ้นเหนือล่องใต้ เสาะหาตามที่ต่างๆ ในแดนเก้าบน เกือบประสบเคราะห์อยู่หลายครั้ง ยังดีที่ในที่สุดวันนี้ทำให้ข้ากับพี่ใหญ่ได้พบกัน”
ร่ำสุราไปหลายยก เจ้าคางคกเมากรึ่ม เอ่ยทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้
ตอนนี้หลินสวินถึงรู้ว่าช่วงหลังจากที่ตนปรากฏตัวในเขาจำศีลหัวโล้น เจ้าคางคกก็ได้เข้ามาในแดนธรรมสถูปที่เสี่ยงอันตรายไม่อาจคาดเดาแห่งนี้ อีกทั้งถูกขังอยู่ในที่ที่อันตรายแห่งหนึ่งในนั้น
และเมื่อไม่นานนี้เขาถึงหลุดออกมาได้ ดังนั้นจึงไม่รู้ข่าวว่าตนยังมีชีวิตอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์