ตูม โครม!
อสนีเคราะห์เจิดจ้าบาดตาไหลลู่จากแผ่นฟ้าราวกับน้ำตกก็ไม่ปาน ส่องสว่างภูผาธาราจนเจิดจ้า น่าหวั่นเกรงอย่างยิ่ง
ทั่วร่างอาหลู่ชุ่มเลือด ต่อสู้ดิ้นรนอยู่ภายใน
ห่างออกไปผู้แข็งแกร่งรวมตัวกันมากเท่าไรไม่อาจทราบได้ ทำการปิดล้อมทั้งบริเวณไม่ให้มีสิ่งใดเล็ดลอด แม้จะไร้ใครเข้าใกล้ กระนั้นก็ไม่มีผู้ใดถอยจากไป
ใบหน้าแต่ละคนเจือแววรอคอย ตื่นเต้น เหี้ยมโหด และกระหาย
เพราะเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ศุภโชคที่ซ่อนอยู่ในสุสานจักรพรรดิอยู่ในตัวเจ้าคนที่ดูเหมือนคนเถื่อนผู้นั้น
สุสานจักรพรรดิ!
เพียงแค่สองคำนี้ก็สามารถทำให้อริยะต้องคลุ้มคลั่งโดยสมบูรณ์!
“ก่อนหน้านี้เจ้าคนเถื่อนนั่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ยามนี้เพ้อพกคิดจะอาศัยการข้ามด่านเคราะห์เปิดทางรอดชีวิต ช่างน่าขันเสียจริง จากที่ข้าดู เขาต้องตายอย่างแน่นอน!”
บนยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยหมอกดำห่างออกไป ชายในชุดขาวคนหนึ่งถือพัดขนนกไว้ในมือ ท่าทางเก่งกาจอิสระเสรียิ้มน้อยๆ อยู่ตรงนั้น แต่ถ้อยคำที่เอ่ยออกมากลับเยียบเย็นเสียดกระดูก
บริเวณโดยรอบ เมื่อสายตาไม่น้อยมองเห็นชายชุดขาวผู้นั้น ต่างเผยความหวาดกลัวออกมา
ไป๋หลงถิง!
สัตว์ประหลาดยุคโบราณแห่งเผ่าเจียวขาว ภายในเวลาสองปีผงาดกร้าวขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง พลังปราณก้าวรุดหน้าถึงระดับอมตะเคราะห์ด่านหก ติดสิบอันดับแรกของกระดานทองคำผู้กล้า!
“เตรียมตัวให้พร้อม รอเมื่อเจ้าหมอนี่ข้ามด่านเคราะห์ไม่สำเร็จ ให้รีบจับตัวเขาทันที!”
อีกด้านมีเงาร่างเลือนรางของชายหนุ่มสวมเกราะศึกคนหนึ่ง ถูกโอบล้อมราวกับดาวล้อมเดือน ทว่ากลับไม่มีใครสามารถเข้าประชิดตัวเขาแม้เพียงจั้ง
เพราะตัวของเขาแผ่ไอชั่วร้ายเย้ยฟ้าหนาแน่นออกมา นี่คือพลานุภาพน่าหวาดเกรงที่มีขึ้นจากการฆ่าฟัน เป็นอานุภาพที่ใช้เลือดเนื้อและซากศพของเหล่าศัตรูสร้างออกมา
เพียงแค่แววตาของเขา ก็พาให้ผู้คนขนลุกขนพอง สัมผัสได้ถึงความกดดันอันไร้เทียมทาน
บุตรนรก!
เมื่อสองปีก่อนหน้าเขาเคยถูกหลินสวินสังหารจนเหลือแต่เสี้ยววิญญาณที่หนีไปได้ ทว่าบัดนี้เห็นได้ชัดว่าฟื้นฟูดังเดิมแล้ว ซ้ำพลังต่อสู้ยิ่งแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนอย่างน่ากลัว
พร้อมกันนั้นรอบๆ บริเวณนี้ปรากฏพวกร้ายกาจเช่นไป๋หลงถิงและบุตรนรกอยู่ไม่น้อย ทั้งหมดล้วนแต่แววตาเยียบเย็น ต่างมองอาหลู่ที่กำลังข้ามด่านเคราะห์อยู่ไกลออกไปว่าเป็นเหยื่อ
ภาพบรรยากาศนี้ทำเอาผู้คนไหวหวั่น ต่อให้แยกพวกร้ายกาจมีชื่อสะเทือนฝั่งหนึ่งในพวกนี้ออกไป ทว่าเพียงแค่จำนวนผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในลานอย่างน้อยก็มีมากนับพัน!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีผู้ใดสงสัยแม้แต่น้อยว่าคนเถื่อนนั่นจะรอดชีวิตได้หรือไม่
หรืออาจกล่าวได้ว่า สิ่งที่รอเขาอยู่ก็คือความตายสถานเดียว!
“คนไร้ความผิด ผิดที่ครองหยก ความเป็นมาของคนเถื่อนนี่ไม่ธรรมดาเลย เพียงแต่… น่าเสียดายนัก”
เด็กสาวผมสีชาดที่ดูบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้ที่ติ ใบหน้างดงามสะสวยกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา
ทั่วเรือนกายของอาบไล้อยู่ในประกายไฟบริสุทธิ์ บนเท้าเปลือยเปล่าที่ขาวราวหิมะถูกล่ามด้วยโซ่ดำประหลาด
“แม่นางชื่อเหยารู้จักคนผู้นี้หรือ”
ชายหนุ่มชุดเขียวที่อยู่ด้านข้างถามออกมา
เขามีคิ้วกระบี่เนตรดารา ท่วงท่าห้าวหาญ ในดวงตาปรากฏเส้นสายฟ้าหลากสาย เจิดจ้าไร้เทียมทาน
“เคยเจอกันครั้งหนึ่ง ข้ารู้แค่ว่าเขาเป็นสหายกับเทพมารหลินผู้นั้น”
ชื่อเหยายิ้มน้อยๆ บนใบหน้าบริสุทธิ์เผยเสน่ห์อันเย้ายวน ชายชุดเขียวนั่นมองจ้องจนไม่อาจละสายตา
เพียงแต่เมื่อได้ยินคำว่า ‘เทพมารหลิน’ สามคำนี้ ชายชุดเขียวถึงกับผงะ เอ่ยว่า “สหายของหลินสวินหรือ”
ชื่อเหยากะพริบตาปริบๆ พร้อมกล่าวออกไป “ทำไมหรือ สหายยุทธ์กู่เกรงกลัวเทพมารหลินมากอย่างนั้นหรือ”
ชายชุดเขียวหลุดขำออกมา เอ่ยอย่างเย่อหยิ่งว่า “เมื่อสองปีก่อนคนผู้นี้อาจจะนับได้ว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลอันดับหนึ่ง ทว่าในแดนเก้าบนตอนนี้ เกรงแต่ว่าแม้แต่สามสิบอันดับแรกของกระดานทองคำผู้กล้าก็ยังเข้าไม่ได้ ทำไมข้าต้องกลัวเขาด้วย”
ชื่อเหยายิ้มบางๆ ไม่ออกความคิดเห็นใดอีก
ชายชุดเขียวมีนามว่ากู่เทียนอี เป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณผู้มีพรสวรรค์น่าอัศจรรย์คนหนึ่งเช่นกัน ก่อนหน้านี้ไม่นานเพิ่งติดอันดับที่ยี่สิบหกของกระดานทองคำผู้กล้า มีบุคลิกเย่อหยิ่งทะนงตนเป็นอย่างมาก
และตามที่ชื่อเหยารู้ กู่เทียนอีมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับเซ่าเฮ่าผู้ครองอันดับหนึ่งของกระดานทองคำผู้กล้าในตอนนี้ หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ นางคงไม่เสียเวลามาสนใจไยดีคนบ้าคลั่งเช่นนี้
เมื่อสังเกตเห็นว่าชื่อเหยาไม่แยแสตน กู่เทียนอีก็วางหน้าไม่ถูกอยู่บ้าง เอ่ยว่า “แม่นางชื่อเหยา เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าต่อให้เทพมารหลินมา ครานี้เขาก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย”
ชื่อเหยาพยักหน้า “เชื่อ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ใครมาช่วยเจ้าคนเถื่อนนั่นก็ย่อมต้องตาย ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ได้”
ความหมายในคำพูดไม่มีอะไรซับซ้อน ต่อให้หลินสวินต้องตาย ก็ไม่ใช่เพราะกู่เทียนอี แต่เพราะสถานการณ์บีบเค้นต่างหาก!
กู่เทียนอีอดขมวดคิ้วไม่ได้ เอ่ยว่า “หรือแม่นางชื่อเหยาคิดว่าข้าน้อยไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินสวินนั่น”
ชื่อเหยายิ้มกล่าวว่า “นี่ก็พูดลำบากนะ”
กลางหน้าผากของกู่เทียนอีปรากฏแววอึมครึม
“เตรียมตัวให้ดีเถิด คราวนี้พวกเราร่วมมือกัน บางทีอาจพอจะสามารถคว้าผลประโยชน์ดีๆ มาได้”
ชื่อเหยารีบกล่าวทันใด นัยน์ตาวาววับคู่นั้นจับจ้องไปยังใต้เคราะห์สวรรค์ที่อยู่ไกลออกไป ในนั้นเงาร่างของอาหลู่สะบักสะบอมอย่างหนัก อเนจอนาถเสียจนดูไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าคงยืนหยัดได้อีกไม่นานแล้ว
ขณะเดียวกันผู้แข็งแกร่งที่อยู่บริเวณอื่นๆ นัยน์ตาต่างทอประกายกระเหี้ยนกระหือรือ
“นั่นใคร รีบไสหัวไป ไม่เห็นหรือว่าบริเวณนี้ถูกปิดล้อมไว้หมดแล้ว”
ทันใดนั้นด้านหลังฝูงชนเกิดเสียงตวาดดังลั่น
เพียงแต่เสียงกลับขาดหายไปกะทันหัน
ก็เห็นศีรษะชุ่มเลือดกระเด็นขึ้นไป ภายใต้แสงอสนีเคราะห์สว่างไสวที่ฟาดฟันลงมา จึงมองเห็นได้ชัดว่าบนใบหน้าของศีรษะนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตกตะลึง
ในลานเกิดความโกลาหลขึ้นทันที สายตามากมายต่างพากันมองไป
ผู้แข็งแกร่งบางส่วนยิ่งส่งเสียงหึเย็นชาไม่พอใจออกมา
เห็นอยู่ว่าเหล่าผู้กล้าปิดล้อมพื้นที่แห่งนี้ไว้เนิ่นนาน รอหลังจากอาหลู่ข้ามด่านเคราะห์ไม่สำเร็จก็จะแบ่งฮุบวาสนาในตัวเขา
ทว่าในเวลาเช่นนี้กลับเกิดเหตุการณ์เหนือความคาดหมายนี้ขึ้น ย่อมทำให้ผู้คนไม่พอใจเป็นธรรมดา
“ใครขวางทางข้า ตาย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์