กลุ่มรูปปั้นหินตั้งตระหง่าน เคร่งขรึมและเงียบสงบ ตั้งมาอย่างยาวนานโดยไม่เสื่อมสลาย
หลินสวินอยู่ตรงนั้นอย่างสบายๆ หลับตาไตร่ตรองเงียบๆ สัมผัสอย่างไร้สุ้มเสียง จิตใจนิ่งสงบ
ไม่สามารถสัมผัสมรดกได้ในทันที ทำให้เขาประหลาดใจ แต่กลับไม่ถึงกับเสียใจและไม่จำยอม
เดิมทีเขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับแดนยอดมรดกมากนัก แน่นอนว่าสภาวะจิตใจไม่มีทางสั่นคลอนเพราะเรื่องนี้
เขาเพียงแปลกใจว่าเหตุใดรูปปั้นหินเหล่านี้ถึงปฏิเสธตน!
จิตรับรู้แผ่กระจาย จิตใจว่างเปล่า หลินสวินสัมผัสเงียบๆ ระหว่างที่ไม่ทันรู้ตัว เขาเพียงรู้สึกว่าในการรับรู้สั่นสะเทือนขึ้นมาทีหนึ่ง ราวกับสัมผัสกับพลังกฎระเบียบที่แปลกประหลาดบางอย่าง
จากนั้นท่ามกลางความเลือนราง ประหนึ่งมาถึงโลกที่ลึกลับแห่งหนึ่ง
นั่นเป็นสนามรบแห่งหนึ่ง มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด พื้นดินศพนับล้าน เลือดไหลเป็นสายน้ำ ไอสังหารหมุนวนเป็นคลื่น กลางฟ้าดินเต็มไปด้วยคาวเลือด!
ศพ โครงกระดูก สมบัติที่ไม่สมบูรณ์ ธงศึกที่ฉีกขาด… สามารถมองเห็นได้ทุกที่
ถึงขั้นมีดวงดาวถูกฟันแตกสลายหล่นร่วงที่นี่ แกนดวงดาวอันยิ่งใหญ่เปล่งแสงประกายเย็นเยียบที่พาให้คนใจสั่น
มีสัตว์ยักษ์แปลกประหลาดร่างกายสูงหมื่นจั้ง ถูกปราณกระบี่สายหนึ่งแทงทะลุศีรษะและถูกตอกตายอยู่ใต้ท้องฟ้า!
ภาพที่น่ากลัวระดับนั้นทำให้มือเท้าหลินสวินเย็นเยียบ ในใจเกิดความหวาดกลัวยิ่ง ทอดสายตามองไปราวกับอยู่ในสนามรบของเทพมารแห่งหนึ่ง เคยมีอริยะเทพเข่นฆ่ากันอย่างดุเดือด ณ ที่แห่งนี้
“บ่อเกิดแรกกำเนิดถูกขโมย ศัตรูแปดดินแดนฉวยโอกาสรุกราน หมายจะทำลายความหวังในการบรรลุสู่ขอบเขตมกุฎระดับราชันของทุกคนในดินแดนรกร้างโบราณให้สิ้น ครั้งนี้โชคดีได้เหล่าสหายยุทธ์ช่วยเหลือ สังหารศัตรูที่มารุกราน สุดท้ายรักษาบ่อเกิดแรกกำเนิดที่เหลือเพียงเสี้ยวหนึ่งนี้ไว้ได้”
ทันใดนั้นเสียงที่ยิ่งใหญ่ทรงพลังและเคร่งขรึมเสียงหนึ่งดังขึ้น
หลินสวินเงยสายตามองขึ้นไป พลันเห็นว่าไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่บนท้องฟ้านั่นมีเงาร่างมากมายนับพันยืนตระหง่านอยู่
เงาร่างทุกเงาล้วนแผ่อานุภาพที่น่ากลัวไร้กำจัด ราวกับหุบเหวดุจดั่งนรก ปกคลุมฟ้าดิน ประหนึ่งเทพไท้ที่ยืนตระหง่านอยู่บนนภาคราม!
คนพูดคือเงาร่างสีเขียวที่ยืนอยู่ตรงกลาง
คนผู้นั้นรูปร่างกำยำอย่างมาก อยู่ในชุดผ้าป่าน ผมยาวสยาย ยืนเอามือไพล่หลัง
ด้านหลังเขาแสงมงคลมรรคนับร้อยล้านไหลเวียน สามารถมองเห็นรางๆ ว่ามรรคกระบี่สายหนึ่งผุดขึ้นผุดลงอยู่ท่ามกลางแสงมรรคมากมายนั่น เดี๋ยวพร่าเลือนเดี๋ยวชัดแจ้ง ปรากฏการณ์ประหลาดตะลึงโลก น่าหวั่นหวาดอย่างที่สุด
“ครั้งนี้ก็ต่อสู้เพื่อผู้คนแห่งดินแดนรกร้างโบราณของข้า พวกข้าย่อมไม่สามารถผลักภาระได้ จักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”
เสียงที่กึกก้องราวกับฟ้าร้องดังขึ้น
คนพูดคือต้นไม้เทพที่มีความสูงถึงหมื่นจั้ง บนกิ่งไม้กลับแขวนดวงดาวอยู่มากมาย ใบไม้ม้วนตัวราวกับธารดาราสายหนึ่งไหลเวียน พรั่งพรูประกายดวงดาวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
‘ต้นไม้เทพหมื่นดารา!’
หลินสวินสูดหายใจเย็น นี่เป็นถึงสิ่งมีชีวิตในตำนาน มีพลังแห่งหมื่นดารา หลังจากบรรลุอริยะแล้วถึงขั้นสามารถวิวัฒน์เป็นฟ้าดาราแห่งหนึ่ง คงอยู่ชั่วนิรันดร์
แต่สิ่งที่ทำให้หลินสวินหัวใจสะท้านยิ่งกว่าคือ ชายในชุดผ้าป่านที่เงาร่างกำยำนั่น ถึงกับถูกเรียกว่า ‘จักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียน’! (ไท่เสวียน หมายถึงหลักการอันลึกซึ้งอัศจรรย์สุดหยั่ง)
มหาจักรพรรดิมรรคกระบี่ที่แท้จริง!
ความหมายที่แฝงอยู่ในนี้ จะต้องน่ากลัวจนเสามารถทำให้ทุกคนใจสั่นแน่
“การต่อสู้ครั้งนี้ได้จบลงแล้ว ข้าอยากจะหลอมพลังบ่อเกิดแรกกำเนิดเสี้ยวนี้พร้อมกับทุกท่าน สร้างแดนมกุฎเก็บรักษามรดก สืบทอดวิชามรรค รวบรวมโชควาสนาแห่งฟ้าดินทั้งในอดีตและปัจจุบันรอมหายุคมาเยือน เพื่อเปิดหนทางสู่มกุฎให้คนรุ่นหลังอีกครั้ง!”
คำพูดของจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนนิ่งสงบ แต่กลับมีอานุภาพอันยิ่งใหญ่ที่ไร้รูป สะเทือนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
“ประเสริฐ!”
เสียงธรรมเสียงหนึ่งก้องกังวาน
หลินสวินเงยหน้าขึ้นทันที พลันเห็นเงาร่างของภิกษุผู้หนึ่งยืนตระหง่านบนท้องฟ้าอีกฝั่ง เงาร่างดูเหมือนไม่สูงแต่กลับเบียดเต็มท้องฟ้าแถบนั้น แสงธรรมรอบตัวไหลเวียน บุปผาสวรรค์ที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นประกายลอยผะแผ่ว
แม้เห็นรูปลักษณ์ของเขาไม่ชัดเจน แต่หลินสวินรู้ว่านั่นก็คืออริยพุทธซิงเจียที่สร้างสถูปเจดีย์สามพันเอาไว้!
“พวกข้ายินดีช่วยเหลือ”
“หัวใจของสหายยุทธ์สามารถรองรับเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน นี่เป็นบุญของดินแดนรกร้างโบราณ พวกข้าย่อมไม่อาจปฏิเสธได้ จะช่วยอย่างสุดความสามารถ”
“เปิดหนทางแห่งมกุฎให้คนรุ่นหลังหรือ ดี! ฮ่าๆๆๆ!”
“พวกข้ากำลังจะจากไปไกล ก้าวสู่ทางเดินโบราณฟ้าดารา แสวงหาวิชาสลายพลังต้องห้าม หากสามารถทิ้งมรดกวิชาไว้ที่นี่ได้ แน่นอนว่าย่อมดีใจอย่างที่สุด”
“รวบรวมโชควาสนาแห่งอดีตและปัจจุบัน รอมหายุคที่ไม่เคยมีมาก่อน สหายยุทธ์ นี่เจ้าเดิมพันด้วยอนาคตของดินแดนรกร้างโบราณเลยนะ!”
เสียงมากมายดังขึ้นท่ามกลางฟ้าดิน บ้างเบาหวิว บ้างนิ่งสงบ บ้างแข็งแกร่ง บ้างลึกล้ำ ราวกับเหล่าเทพกำลังสนทนา สะเทือนจักรวาล
สายตาของหลินสวินมองไป ไม่ทันไรก็เห็นเงาร่างของที่เซียนผลาญเฉินหลินคง รอบตัวเขามีรุ้งศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงไหลเวียน สง่างามราวกับเซียน ไม่เหมือนมนุษย์โลก
มองเห็นจักรพรรดิสงครามอู๋ยาง เงาร่างสูงเพรียว นิ่งเงียบไม่พูดจา ทั่วตัวกลับแผ่กลิ่นอายสันโดษ ราวกับละทิ้งโลกไว้เบื้องหลัง
เห็นเงาร่างที่อาบอยู่ท่ามกลางแสงทมิฬอันคลุมเครือ ราวกับจักรพรรดิที่คุมอำนาจฟ้าดิน แผ่อานุภาพที่เย่อหยิ่ง
ในใจหลินสวินหวั่นไหว หากเขาคาดเดาไม่ผิด คนผู้นี้คงจะเป็นเจ้าของกาหลอมจิต บุคคลน่ากลัวที่ถูกนกทมิฬเรียกว่า ‘จักรพรรดินรก’
ไม่นานหลินสวินก็มองเห็นชายชุดขาวที่งดงามราวกับเด็กหนุ่มรูปงามคนหนึ่ง กลิ่นอายที่แผ่กระจายออกมาจากร่างกายกลับประหนึ่งหมื่นลักษณ์พรั่งพรู กดข่มท้องฟ้า!
จักรพรรดิสงครามลักษณ์เทพ!
หลินสวินเคยรับการทดสอบและเคี่ยวกรำในศิลาโบราณหมื่นลักษณ์ ได้รับประสบการณ์และใจความการหลอมกายทั้งชีวิตของจักรพรรดิสงครามลักษณ์เทพที่หลงเหลือเอาไว้ จะจำฐานะของอีกฝ่ายไม่ได้ได้อย่างไร
ชั่วขณะนั้นหลินสวินอดตะลึงไม่ได้
จักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียน ต้นไม้เทพหมื่นดารา เซียนผลาญเฉินหลินคง อริยพุทธซิงเจีย จักรพรรดินรก จักรพรรดิสงครามอู๋ยาง จักรพรรดิสงครามลักษณ์เทพ…
แต่ละคนหากเลือกออกมาลวกๆ ก็เพียงพอที่จะสั่นสะเทือนนิรันดร์กาล มองข้ามชีวิต ตอนนี้กลับมารวมตัวกันที่นี่!
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ นอกจากคนที่เขาจำได้ ในที่นั้นยังยักษ์ใหญ่แห่งยุคเช่นนี้อีกนับร้อยพัน ยิ่งใหญ่เทียมฟ้า!
“โอ้!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์