Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1381

ท้องฟ้ายามราตรีดุจดั่งน้ำหมึก นี่คือความมืดมิดก่อนรุ่งอรุณ

ขวับ!

สายตาทุกคู่ต่างมองไปนอกตำหนักเฉียนหยวนโดยไม่ได้นัดหมาย

ที่นี่คือพระราชวัง เป็นสถานที่ทรงอำนาจสูงสุดของจักรวรรดิ ส่วนตำหนักเฉียนหยวนยังเป็นศูนย์กลางอันสำคัญยิ่ง

เช่นเดียวกันที่นี่ก็มียอดฝีมือซ่อนตัวอยู่มากมาย ลึกล้ำยากหยั่งถึง ดั่งเสือหมอบมังกรซุ่มเช่นเดียวกัน

กล่าวโดยทั่วไปแล้ว ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับอมตะเคราะห์ในหมู่พ่อมดเถื่อนยังไม่อาจเข้าใกล้พระราชวังได้แม้แต่ก้าวเดียว จะประชิดตำหนักเฉียนหยวนยิ่งอย่าได้พูดถึง

แต่ในค่ำคืนดึกสงัดปานนี้ จะมีใครกล้าเปิดประตูใหญ่ของตำหนักเฉียนหยวนอย่างเสียมารยาทเช่นนี้ได้

จากนั้นเหล่าขุนนางในตำหนักต่างเผยสีหน้าตื่นตระหนก เข้าใจถ่องแท้แล้ว

นอกตำหนักมีเพียงเงาร่างงามร่างหนึ่งยืนอยู่ตามลำพัง แต่งกายด้วยชุดฝ่ายในสีม่วงเข้มทั้งตัว ผมยาวราวน้ำหมึกเกล้าเป็นมวยไว้ที่ท้ายทอย เผยให้เห็นใบหน้าขาวสะอาดงามกระจ่างเกินธรรมดา

ร่างของนางอ้อนแอ้นอรชร แม้ตัวคนเดียว แต่ยืนอยู่เช่นนั้นก็เหมือนราชันผู้สูงส่งองค์หนึ่ง ท่าทางโอหังเหนือสี่สมุทร สามารถสยบมวลชน

จ้าวจิ่งเซวียน!

พระธิดาสายตรงในองค์จักรพรรดิและจักรพรรดินี ถูกมองว่าเป็นไข่มุกในฝ่ามือของจักรวรรดิ เป็นผู้กล้าหญิงในจักรวรรดิที่แท้จริงผู้หนึ่ง!

ในราชวงศ์แห่งจักรวรรดิ หากว่าด้วยใครเป็นโอรสธิดาที่ได้รับความรักและความเชื่อถือจากจักรพรรดิที่สุด ย่อมเป็นจ้าวจิ่งเซวียนอย่างไร้ข้อกังขา

เพียงแต่การปรากฏตัวของนางกลับทำให้ทุกคนไม่ทันได้ตั้งตัว!

ต่อให้เป็นจ้าวจิ่งเหวินที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ตอนนี้ยังตกใจลุกขึ้นยืน เอ่ยเสียงหลงว่า “พี่หญิงใหญ่ ท่านกลับมาตั้งแต่เมื่อไร”

และนี่ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนในตำหนักกังขา

ถ้าพวกเขาจำไม่ผิด องค์หญิงผู้นี้ก็ออกจากจักรวรรดิไปฝึกปราณยังดินแดนรกร้างโบราณเมื่อสิบกว่าปีก่อน

ว่ากันตามหลัก นางก็ควรจะกลับมาโลกชั้นล่างไม่ได้ถึงจะถูก!

“ถ้าข้าไม่กลับมา เกรงว่าเจ้าจ้าวจิ่งเหวินจะต้องจัดพิธีศพให้ทั้งจักรวรรดิถึงจะยินยอมกระมัง”

ดวงหน้างามของจ้าวจิ่งเซวียนสงบนิ่ง มีความน่าเกรงขาม

นางเดินเข้าไปในตำหนัก ทันใดนั้นเหล่าขุนนางก็พากันหลีกทางให้ ถึงขั้นไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้นจับจ้อง

สาเหตุก็ง่ายดาย กลิ่นอายที่แผ่กระจายออกมาจากร่างของจ้าวจิ่งเซวียนแม้ไร้รูปร่าง แต่กลับมีพลังกดข่มสรรพชีวี ทำให้เหล่าขุนนางในตำหนักหวาดหวั่นจนทำได้เพียงก้มหน้า!

นี่ถึงจะเรียกได้ว่ายอมก้มหัวศิโรราบให้อย่างแท้จริง

“พี่หญิงใหญ่ นี่ท่านพูดอะไรกัน”

เมื่อมองดูจ้าวจิ่งเซวียนที่เดินมาทีละก้าว จ้าวจิ่งเหวินก็หายใจติดขัด รู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันไร้รูป จิตใจสั่นระรัวจนไม่อาจควบคุมได้

เขาลอบตกตะลึงอย่างห้ามไม่อยู่ ไม่พบกันแค่สิบกว่าปีเท่านั้น พี่หญิงใหญ่ที่เสด็จพ่อโปรดที่สุดผู้นี้ของตนราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

ความสง่างาม อานุภาพ และท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้น คล้ายความสง่างามของเสด็จพ่ออยู่สามส่วน!

จนกระทั่งเดินมาถึงหน้าบัลลังก์ที่เป็นตัวแทนของอำนาจสูงสุดนั้น จ้าวจิ่งเซวียนก็หยุดเดิน เนตรกระจ่างสงบนิ่ง แต่เจือไปด้วยความน่าเกรงขามชวนหวั่นใจ

“ลิงสวมมงกุฎ ลงมา”

ประโยคเดียวทำให้แก้มของจ้าวจิ่งเหวินแดงก่ำ ท่ามกลางสายตาจับจ้องของเหล่าขุนนางในตำหนัก เขากลับถูกมองว่าเป็น ‘ลิงสวมมงกุฎ’!?

สิ่งนี้เป็นความอัปยศใหญ่หลวงอย่างไม่ต้องสงสัย!

เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วกัดฟันพูดว่า “พี่หญิงใหญ่ ก่อนเสด็จพ่อจากไป ได้รับสั่งให้ข้าเป็นผู้สำเร็จราชการ ควบคุมราชการแผ่นดิน ท่านไม่มีสิทธิ์มาควบคุมข้า!”

ปึง!

เสียงพูดเพิ่งเงียบลงตัวเขาก็ซวนเซแล้วล้มลงไปนั่งกับพื้นด้านข้าง ในขณะเดียวกันพลานุภาพน่าครั่นคร้ามก็กดบนร่างเขาอย่างรุนแรง ทำให้ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่อาจลุกขึ้นได้

ด้านจ้าวจิ่งเซวียนเดินไปนั่งบนบัลลังก์หลังนั้นตามสบาย ยื่นนิ้วมือผุดผ่องเรียวบางไปเคาะบนโต๊ะที่อยู่เบื้องหน้าแล้วพูดว่า “ตั้งแต่นี้ไป ข้าจะเป็นผู้สำเร็จราชการ”

เอ่ยอย่างเบาสบายประโยคเดียว ก็ทำให้เหล่าขุนนางในตำหนักต่างหน้าเปลี่ยนสีทันที รับรู้ได้ว่าองค์หญิงใหญ่องค์นี้ถึงกับจะชิงอำนาจ!

“ทำไม พวกเจ้ามีความเห็นหรือ”

จ้าวจิ่งเซวียนหรี่ตาลง ทั้งตำหนักต่างถูกอานุภาพน่าหวาดหวั่นปกคลุม บีบคั้นให้เหล่าขุนนางหายใจยังลำบาก เสียวสันหลังวาบ

“พวกกระหม่อมมิกล้า!”

ทันใดนั้นก็มีคนโค้งกายถวายคำนับ

คนอื่นต่างพากันกุมมือสวามิภักดิ์โดยพลัน

ใครไม่รู้บ้างว่าผู้ที่ได้รับความรักและเชื่อมั่นจากจักรพรรดิมากที่สุด ก็คือองค์หญิงใหญ่จ้าวจิ่งเซวียน

เทียบกับนางแล้ว องค์ชายสามจ้าวจิ่งเหวินไม่นับเป็นอะไรเลย ด้วยว่ากันถึงแก่นแล้ว อำนาจสั่งการของจักรวรรดิจื่อเย่าแห่งนี้ยังคงเป็นของจักรพรรดิ

ตอนนี้จักรพรรดิไม่อยู่ เช่นนั้นไม่ว่าจะฟังบัญชาจ้าวจิ่งเซวียนหรือองค์ชายสามก็ไม่แตกต่างอะไร

แต่แน่นอนว่าด้วยตำแหน่งและฐานะ ในใจของเหล่าขุนนางเอนเอียงไปทางจ้าวจิ่งเซวียนมากกว่าจ้าวจิ่งเหวินอย่างเห็นได้ชัด

พอเห็นเหล่าขุนนางก้มหัวสวามิภักดิ์ให้จ้าวจิ่งเซวียน จ้าวจิ่งเหวินก็แทบสติแตก ร้องเสียงดังว่า “พี่หญิงใหญ่ ท่านทำแบบนี้ไม่ได้ ตำแหน่งนี้เป็นของข้า! ของข้า!”

ปึง!

จ้าวจิ่งเซวียนสีหน้าเรียบเฉยไม่ไหวหวั่น นางสะบัดแขนเสื้อครั้งเดียวจ้าวจิ่งเหวินก็สลบลงไปนอนกับพื้น

“ทหาร พาองค์ชายสามออกไป รอเขาฟื้นแล้วก็ส่งเขาไปเฝ้าสุสานราชวงศ์ หากข้าไม่อนุญาต ไม่ให้ออกมาจากสุสานราชวงศ์อีกแม้แต่ก้าวเดียว!”

ทันทีที่จ้าวจิ่งเซวียนบัญชาก็เท่ากับเหยียบองค์ชายสามจ้าวจิ่งเหวินไว้ใต้เท้าอย่างสมบูรณ์ สูญเสียอำนาจทั้งหมดไปโดยสิ้นเชิง

ทันใดนั้นทหารยามกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัว นำองค์ชายสามจ้าวจิ่งเหวินออกไป

ยามเห็นภาพนี้เหล่าขุนนางก็เข้าใจถ่องแท้ว่า กำลังพลภายในพระราชวังถูกจ้าวจิ่งเซวียนควบคุมไว้นานแล้ว

มิเช่นนั้นทหารเหล่านั้นจะเชื่อฟังเช่นนี้ได้อย่างไร ไอลีนโนเวล

เมื่อมองดูสตรีผู้รวมความงดงามและน่าเกรงขามไว้ในคนเดียวซึ่งนั่งหลังตรงบนบัลลังก์กลางตำหนักผู้นั้น ในใจทุกคนต่างล่วงรู้

ตั้งแต่คืนนี้ไป ทุกเรื่องในจักรวรรดิจะมีองค์หญิงใหญ่จ้าวจิ่งเซวียนเป็นผู้ชี้ขาด!

“องค์หญิง คืนนี้ตระกูลจั่วและฉิน…”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์