วันนี้เจ้าเย็นชาไม่แยแสข้า วันพรุ่งข้าจักอยู่สูงกว่าจนเจ้าเทียบไม่ได้!
แม้ประโยคนี้จะดูสามหาวไปหน่อย แต่ใช้บรรยายตระกูลหลินในปัจจุบันก็เหมาะกับสถานการณ์ดี
ผู้นำตระกูลจากตระกูลขุมอำนาจมากมายในนครต้องห้ามต่างข่าวไวทั้งนั้น เรื่องที่เกิดขึ้น ณ ตำหนักเฉียนหยวนในวังต่างก็รู้ดี
ตั้งแต่องค์หญิงใหญ่ครองอำนาจสูงสุด ควบคุมราชการแผ่นดิน ก็ได้ลิขิตให้ตระกูลจั่วและฉินต้องสูญสิ้นลงเท่านี้แล้ว
และใครก็รู้ดีว่าองค์หญิงใหญ่ยืนอยู่ฝั่งตระกูลหลิน!
ในสถานการณ์เช่นนี้ขอเพียงมีสมองอยู่บ้าง ต่างรู้ดีว่าต่อแต่นี้ไปตระกูลหลินจะไม่อาจต้านทานได้ ไม่มีใครกล้าท้าทายอีก
วันนี้ทั้งนครต้องห้ามกำลังสั่นสะเทือน หวาดผวากับการเข่นฆ่าในคืนเดียวของหลินสวิน สายตาของขุมอำนาจนับไม่ถ้วนต่างรวมอยู่ที่ตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิต มองไปยังบุคคลในตำนานผู้นั้น
ตอนนั้นคนผู้นั้นมีอำนาจทั่วนครหลวง
ทว่าเป็นเพียงผู้โดดเด่นในหมู่คนรุ่นเยาว์เท่านั้น
แต่ตอนนี้เขาใช้การลบชื่อสองตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงจั่วและฉิน รวมทั้งหัวของผู้นำตระกูลทรงอิทธิพลสิบเก้าคน พิสูจน์ให้คนทั้งโลกได้รู้ว่า…
เขาหลินสวินคนเดียว สามารถเหยียบตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงไว้ใต้เท้าได้อย่างสบาย!
……
ด้านหลังยอดเขาชำระจิต
ที่ตั้งศาลบรรพชนตระกูลหลิน ไอหมอกอบอวล เย็นเยียบเงียบสงัด
หลินสวินยืนอยู่หน้าป้ายบรรพชนตระกูลหลินเพียงลำพัง นิ่งเงียบไม่พูดจา
ตะเกียงนิรันดร์ดวงแล้วดวงเล่าฉายแสงพร่างพร้อย ขับเน้นให้เงาร่างสันโดษของเขาให้ความรู้สึกอ้างว้างเพิ่มขึ้น
บนป้ายวิญญาณเหล่านั้นมีชื่อของท่านปู่ทวดเต้าเฉิน ท่านพ่อท่านแม่ ท่านปู่ รวมถึงเหล่าญาติสายตรงทั้งหมด
ช่างคุ้นเคย แต่ก็แปลกหน้านัก
เพราะไม่เคยได้พบหน้ากัน
แต่หลินสวินรู้ว่าในฐานะคนตระกูลหลิน ฐานะบุตรชายของหลินเหวินจิ้งกับลั่วชิงสวิน มีบางเรื่องที่เขาต้องแบกรับไว้
เช่นการแก้แค้น
‘อวิ๋นชิ่งไป๋ตายไปแล้ว เขาเป็นเพียงหมากตัวหนึ่ง คนร้ายหลังม่านที่แท้จริงเป็นกึ่งจักรพรรดิซึ่งมาจากดินแดนโบราณยอดหยิน เขาชื่อปาฉี ภายหน้าข้าจะไปตามหาเขา…’
‘ความจริงของคดีนองเลือดครั้งนั้น ข้าจะสืบให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง!’
หลินสวินพึมพำในใจ
เขายืนตรงนี้อยู่นานราวกับรูปปั้นไร้ชีวิตตัวหนึ่ง
จนกระทั่งสนธยาย่ำค่ำ อาทิตย์อัสดงยอแสง
เพียงแต่ชั่วพริบตานั้นที่เดินออกมาจากศาลบรรพชน เขาก็พูดกับตัวเองในใจว่า ‘ที่จริงข้าไม่คิดว่าพวกท่านจะจากไปแบบนั้นมาโดยตลอด… ข้าจะหาคำตอบให้ได้’
ภายใต้อาทิตย์อัสดง ดวงตาดำของหลินสวินสงบนิ่ง ไม่สุขไม่ทุกข์
ไกลออกไปมีเสียงระลอกแล้วระลอกเล่าแว่วมา เสียงเหล่านั้นคือเสียงร้องเปรมปรีดิ์ของคนตระกูลหลิน
……
สรุปแล้วคืนนั้นเกิดเรื่องใหญ่สองเรื่อง
เรื่องแรกคือหลินสวินกลับมา ตัวคนเดียวก็เหยียบย่ำทำลายตระกูลจั่วและฉิน ฆ่าผู้นำตระกูลทรงอิทธิพลสิบเก้าคน ปั่นป่วนคลื่นลมในนครต้องห้าม
เรื่องที่สองคือองค์หญิงใหญ่จ้าวจิ่งเซวียนครอบครองอำนาจสูงสุดของจักรวรรดิ ควบคุมอำนาจสั่งการแทนองค์ชายสามจ้าวจิ่งเหวิน
แต่ผลกระทบที่สองเรื่องนี้สร้างขึ้น กลับเพิ่งเริ่มแผ่ขยายเท่านั้น
ในช่วงเวลาต่อมา
ในนครต้องห้าม ขอเพียงเป็นขุมอำนาจที่เกี่ยวข้องกับตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงจั่วและฉินสองตระกูล ล้วนประสบกับการโจมตีชนิดทำลายล้าง
ขอเพียงเป็นขุมอำนาจที่เคยโจมตีตระกูลหลิน ก็จะได้รับการแก้แค้นทุกขนาน ไม่ตายสิ้นซากก็ถูกขับไล่
ผู้ที่จัดการทุกอย่างนี้อยู่เบื้องหลังก็คือจ้าวจิ่งเซวียน ส่วนผู้ที่ออกเคลื่อนไหวคือกำลังคนที่มาจากขุมอำนาจต่างๆ ในนครต้องห้าม
เช่นตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอีกห้าตระกูลนอกจากตระกูลจั่วและฉิน หรือกำลังคนจากตระกูลทรงอิทธิพลชั้นกลางและล่างตระกูลอื่นๆ ในนครต้องห้าม
เมื่อยักษ์ใหญ่ทั้งสองล้มลง ใครจะไม่ถือโอกาสกัดกินอย่างฉกาจฉกรรจ์ได้
แม้ตระกูลหลินไม่ได้เคลื่อนกำลังเท่าไร แต่กลับกลายเป็นผู้ได้รับชัยชนะมากที่สุด อย่างน้อยไม่ว่าจะไปแบ่งผลประโยชน์ของตระกูลจั่วและฉินที่ไหน ต่างก็ต้องเตรียม ‘ของกำนัลอย่างงาม’ ให้ตระกูลหลินไว้ส่วนหนึ่ง
จนกระทั่งว่าภายในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ถึงครึ่งเดือน กิจการที่ตระกูลหลินมีอยู่ในครอบครองก็สั่งสมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเกินธรรมดา
ภูเขาแร่ คฤหาสน์ ชีพจรปราณวิญญาณ สมบัติ ทรัพย์สินมากมาย… เพิ่มพูนขึ้นในบัญชีตระกูลหลินไม่หยุดหย่อนเหมือนสายน้ำไหล
“อิทธิพลของตระกูลหลิน ไม่อาจต้านทานได้แล้ว!”
นี่เป็นการทอดถอนใจของขุมอำนาจและผู้คนทั้งมวล
เรื่องที่เกิดขึ้นที่นครต้องห้ามในคืนนั้นก็แพร่กระจายไปในแต่ละเขตของจักรวรรดิ ก่อให้เกิดเสียงตื่นตระหนกและฮือฮาไม่รู้เท่าไรในเวลาต่อมา
ถึงขั้นที่ว่าแม้แต่กองทัพสัตว์อสูรมารที่กำลังก่อเภทภัยไปทั่วในเขตแดนต่างๆ ของจักรวรรดิเหล่านั้นยังล่วงรู้เรื่องเหล่านี้ และจดจำชื่อของหลินสวินเอาไว้
ผู้นำสัตว์อสูรมารที่มีพลังปราณระดับอมตะเคราะห์ ถูกขนานนามว่าเป็น ‘ราชันงูม่วง’ ถึงกับยิ้มเอ่ยว่า “แทบอยากให้ในจักรวรรดิมีเรื่องทำนองนี้มากขึ้นอีก!”
เพราะการต่อสู้ภายในของผู้ฝึกปราณเผ่ามนุษย์นี้ ที่สิ้นเปลืองไปก็คือกำลังในจักรวรรดิ
และการล่มสลายของตระกูลจั่วและฉินก็หมายความว่า กำลังชั้นสูงสุดในจักรวรรดิก็จะลดลงอย่างเห็นได้ชัดตามไปด้วย ในฐานะศัตรูของจักรวรรดิ สำหรับขุมอำนาจสัตว์อสูรมารเหล่านั้นแล้วย่อมเป็นเรื่องน่ายินดี
เช่นเดียวกัน ในพื้นที่ชายแดนต่างๆ ของจักรวรรดิ
หลังจากรู้ข่าวคราวเหล่านี้เข้า กองทัพพ่อมดเถื่อนเก้าสายที่กำลังรุกรานจักรวรรดิอย่างหนักเหล่านั้นต่างก็ทอดถอนใจ รู้สึกยินดีที่ผู้อื่นประสบภัย ฟ้าเบื้องบนเป็นใจให้ตน
จักรวรรดิสะเทือน ผู้ที่ได้ประโยชน์มีเพียงศัตรู
นี่เป็นเหตุผลที่ทุกคนรู้ดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์