Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1442

สรุปบท ตอนที่ 1442 ฉีกทึ้ง: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปตอน ตอนที่ 1442 ฉีกทึ้ง – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

ตอน ตอนที่ 1442 ฉีกทึ้ง ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

เดิมทีเหลียงเซ่าตั้งใจจะตายพร้อมกับหนิวทุนเทียน แต่สุดท้ายก็ไม่สมปรารถนา

เขาตายแล้ว

ทว่าหนิวทุนเทียนแค่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น

นี่ทำให้ทุกคนในฝ่ายจักรวรรดิรู้สึกเดือดดาลอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาแทบถลน ความเคียดแค้นอัดแน่นจุกอก

หวังเพียงชาติหน้าจะได้ร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ กลืนเลือดศัตรูพร้อมเสียงหัวเราะกับทุกคนอีก!

ประโยคนี้องอาจและเด็ดเดี่ยวปานใด เผชิญหน้ากับความตายอย่างผ่าเผย มองการตายเหมือนดั่งหวนคืน แต่เมื่อกระทบโสตหูทุกคน ต่างกระตุ้นต่อมน้ำตาอย่างอดไม่ได้

ฝั่งพันธมิตรหมื่นเผ่าก็ถูกการตายของเหลียงเซ่าทำเอาสะเทือนเช่นกัน แต่หลังจากนั้นก็พากันแค่นหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่

“ระเบิดตัวเอง? การกระทำของคนใจเสาะ! ขายหน้า”

“เฮอะๆๆ นี่เรียกว่าพลีชีพสละชีวิตกระมัง น่าเสียดาย ตายไปก็ไร้ประโยชน์”

คำพูดเย้ยหยันเหล่านี้ทำให้พวกสืออวี่ดวงตาแดงก่ำ ต่อให้เป็นหลินสวินก็ยังเกือบระงับไอสังหารภายในใจไว้ไม่อยู่

ในที่สุดเขาก็ได้สัมผัสกับความโหดเหี้ยมของศึกถกมรรค รสชาติช่างทรมานเหลือเกิน!

“คนต่อไป!”

ในสนามประลอง หนิวทุนเทียนสีหน้าเย็นเยียบ ตะโกนเสียงดังลั่น

เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่อานุภาพยังคงอยู่ ท่าทางเหมือนไม่เห็นทุกคนในฝั่งจักรวรรดิอยู่ในสายตา “พวกเจ้าก็เห็นกันหมดแล้ว ข้าบาดเจ็บ คนที่อยากฉวยโอกาสก็เชิญเข้ามา”

เสียงกึกก้องทั่วลาน เผด็จการเปี่ยมล้น

“เหล่าหนิว ไม่สู้เปลี่ยนข้าไปดีกว่า คู่ต่อสู้ยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ แบ่งกันไม่พอแล้ว”

ข่งซิ่วเอ่ยปากเสียงขรึม เขามีผมยาวสีดำนุ่มสลวยทั่วศีรษะ บนเส้นผมรายล้อมแล้วประจุอสนีสีเงินที่วูบไหวไม่หยุดสายแล้วสายเล่า ส่องสะท้อนจนเขาเหมือนเทพอาบไล้สายฟ้าจุติลงมา

“เฮอะ! ข้าชนะแล้ว ก็มีโอกาสสู้ต่อไป”

หนิวทุนเทียนแค่นเสียงเย็น

การสนทนาเช่นนี้ราวกับเห็นทุกคนในฝ่ายจักรวรรดิเป็นเหยื่อก็ไม่ปาน ยื้อแย่งช่วงชิง และเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามอีกอย่างหนึ่งด้วย

นัยน์ตาดำสนิทของหลินสวินมีประกายน่าสยดสยองไหลเวียน กล่าวว่า “พวกเจ้าไม่ต้องแย่งกัน รอให้ข้าลงสนามจะเล่นสนุกกับพวกเจ้าทีละคนแน่”

น้ำเสียงราบเรียบ แต่กลับมีไอเคียดแค้นที่ทำให้ผู้คนสั่นเทิ้มทั้งที่ไม่ใช่หน้าหนาว

เมื่อได้ยินเช่นนี้ฝ่ายพันธมิตรหมื่นเผ่าก็มีคนหัวเราะเยาะ มีคนดูแคลน มีคนแค่นเสียงเย็น

หลินสวินไม่พูดมากความอีก

เขากลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป!

คนที่ลงสนามเป็นคนที่ห้าคือจ้าวจิ่งเฟิง

ในฐานะองค์ชายเจ็ดของจักรวรรดิ ชั่วขณะนี้จ้าวจิ่งเฟิงไม่ได้กลัวหัวหด หรือกล่าวได้ว่าเขากระโจนลงสนามประลองด้วยเพลิงโทสะสุมอก

การต่อสู้ครั้งใหญ่ปะทุขึ้น จ้าวจิ่งเฟิงดวงตาแดงก่ำ ไม่เคยสู้สุดแรงเกิดเหมือนตอนนี้มาก่อน

ตูม!

ทวนยาวสีม่วงเล่มหนึ่งพุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขา ก่อให้เกิดรุ้งพร่างพราย

จะเห็นได้ว่าอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ของทั้งตัวเขาไพศาล กล้าหาญสะท้านโลก

การต่อสู้ครั้งนี้สะเทือนเลื่อนลั่น จ้าวจิ่งเฟิงสำแดงยอดวิชาทั้งหมด บุกโหมอย่างเดือดคลั่ง ผมเผ้ารุงรัง เลือดนักรบพลุ่งพล่าน

แม้ว่าตอนแรกหลินสวินและจ้าวจิ่งเฟิงจะมีความขัดแย้งและการปะทะกัน แต่ยามนี้ก็อดสะเทือนใจไม่ได้

แต่ว่าหนิวทุนเทียนแข็งแกร่งเกินไป!

ต่อให้ร่างกายบาดเจ็บก็ยังสู้พอฟัดพอเหวี่ยงเท่ากับจ้าวจิ่งเฟิง ถึงขั้นมีหลายครั้งที่ซัดจนจ้าวจิ่งเฟิงถอยกรูด

นี่ทำให้ผู้แข็งแกร่งฝ่ายจักรวรรดิหน้าเปลี่ยนสี

หนิวทุนเทียนเป็นพวกชั้นยอดที่อยู่ในกระดานพลังต่อสู้หมื่นเผ่า ทุกคนรู้ดีว่าเขาแข็งแกร่งปานใด แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้

จนกระทั่งสู้กันถึงกระบวนท่าที่หกร้อย จู่ๆ หนิวทุนเทียนก็ส่งเสียงคำรามลั่นออกมา นี่คืออภินิหารพรสวรรค์ของเขา เสียงคำรามแห่งวัวมารทรงพลัง เสียงนั้นเพียงพอจะบดขยี้ภูผาธารา ซัดห้วงอากาศขาดสะบั้น สังหารสิ่งมีชีวิตทั้งปวงให้ดับสูญ

ท่ามกลางความเลือนราง ด้านหลังหนิวทุนเทียนราวกับมีวัวเทพสีดำเมื่อมตัวหนึ่ง เหยียบย่างเวิ้งดารา แหงนหน้าร้องคำราม ทำให้ความเวิ้งว้างโดยรอบปั่นป่วน!

“แย่แล้ว” พวกสืออวี่หน้าเปลี่ยนสี

ก็เห็นจ้าวจิ่งเฟิงคล้ายกับถูกสายฟ้าฟาด เงาร่างโซเซ เลือดออกเจ็ดทวาร แม้แต่จิตวิญญาณยังส่ายไหวอยู่พักหนึ่ง

ฉัวะ!

ฉวยโอกาสนี้ประกายคมเจิดจ้าสายหนึ่งแล่นปราด คล้ายสายรุ้งยาวทะลุตะวัน ผ่าห้วงอากาศขาดสะบั้น ฟันร่างจ้าวจิ่งเฟิงขาดเป็นสองท่อน

ทั่วลานเงียบสงัด ไม่มีใครพูดจา

ทุกคนในฝ่ายจักรวรรดิต่างเบิกตากว้าง ทำใจรับไม่ได้ เป็นไปได้อย่างไร เห็นอยู่ว่าหนิวทุนเทียนบาดเจ็บอยู่แท้ๆ เหตุใดจึงสังหารจ้าวจิ่งเฟิงได้

“องค์ชายเจ็ด!” พักหนึ่งถึงมีคนโพล่งออกมาอย่างโศกเศร้า

ที่ผ่านมาจ้าวจิ่งเฟิงอาจจะดุร้ายหาใดเปรียบ นิสัยเจ้าอารมณ์ แต่ครั้งนี้เขาต่อสู้เพื่อจักรวรรดิโดยไม่กลัวความตาย ใครเล่าจะไม่สะเทือนใจ

“ฮ่า เจ้าหมอนี่เป็นถึงองค์ชายคนหนึ่ง แต่กลับไม่ได้เรื่องถึงเพียงนี้”

“ขนาดหนิวทุนเทียนที่เจ็บหนักยังสู้ไม่ได้ พูดตามตรง ต่อไปจักรวรรดิของพวกเจ้าควรถอนตัวออกจากศึกถกมรรคเสียดีกว่า!”

“ห้าครั้งติดต่อกันแล้ว พ่ายสี่ชนะหนึ่ง น่าอายนัก!”

คำพูดเย้ยหยันจากฝ่ายพันธมิตรหมื่นเผ่าดังกระทบโสตหูไม่หยุด

ทุกคนในฝั่งจักรวรรดิแทบจะคลุ้มคลั่ง แต่ยากที่จะร้องคำรามออกมา ไม่ว่าจะฝืนทนแค่ไหน เคียดแค้นปานใด ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่นองเลือดในตอนนี้ได้

แม้จะเป็นจ้าวซิงเย่ ดวงหน้างดงามก็แต้มแววเย็นยะเยือกถ้วนทั่วตั้งนานแล้วเช่นกัน

“จ้าวซิงเย่ เจ้าข่มอารมณ์ไว้เป็นดีที่สุด หากกล้ายื่นมือไปทำลายกฎ ต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาเอง!”

ไกลออกไปหนิวเจิ้นอวี่ตะโกลนลั่น เสียงก้องสะท้อนสี่ทิศ อานุภาพเปี่ยมล้น

“เฮอะ!”

จ้าวซิงเย่แค่นเสียงเย็น “ศึกถกมรรคเพิ่งดำเนินมาแค่ครึ่งทาง คิดจริงๆ หรือว่าพวกเจ้าจะชนะแน่ๆ”

“ฮ่าๆๆ คำพูดข่มขวัญใครก็ทำได้ ตอนนี้ข้าเป็นห่วงเพียงว่าครั้งนี้พวกชั้นยอดในจักรวรรดิของพวกเจ้าจะตายกันหมด ต่อไปเกรงว่าในสมรภูมิกระหายเลือดจะไม่มีที่ให้จักรวรรดิของพวกเจ้ายืน!”

หนิวเจิ้นอวี่ระเบิดหัวเราะลั่น อหังการเต็มเปี่ยม

“ยังต้องให้พวกเจ้าเตือนความจำข้าด้วยหรือ”

ปี้อวิ๋นเซิงยิ้มไม่ใส่ใจ

สวบ! สวบ!

เพิ่งสิ้นเสียงเขาก็บุกโจมตีออกไป ดาบคู่ในมือพุ่งกวาดกลางอากาศฉับพลัน เจือแสงพร่างพรายพร่าตา ราวกับดาบสวรรค์คู่หนึ่งฟันผ่าลงมา

เร็วจนน่าเหลือเชื่อ และดุดันจนถึงขั้นน่ากลัว

ตอนที่คมดาบเคลื่อนผ่าน ห้วงอากาศล้วนถูกกรีดขาด ทิ้งรอยแหวกเป็นเส้นตรงสองสาย

ไม่ว่าใครก็ดูออก ทันทีที่ปี้อวิ๋นเซิงคนนี้ลงมือก็ลุยสุดกำลัง ไม่มีออมมือแต่อย่างใด!

หนิวเจิ้นอวี่อดลอบพยักหน้าไม่ได้ ปี้อวิ๋นเซิงไม่ได้ดูเบาศัตรู ถึงขั้นตระหนักว่าหลินสวินยากจะลูบคมถึงที่สุด ดังนั้นจึงเคลื่อนไหวสุดกำลังตั้งแต่จังหวะแรก

นี่คือการกระทำที่ชาญฉลาดที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

พวกหนิวทุนเทียน เมิ่งเหลียนชิง ข่งซิ่วต่างก็มองจุดนี้ออก ในใจรู้สึกโล่งอก ก่อนหน้านี้พวกเขายังห่วงว่าปี้อวิ๋นเซิงจะดูเบาศัตรู

อย่างไรเสียหลินสวินก็ยากจะลูบคมได้จริงๆ ในข่าวสารที่พวกเขารู้มา ในค่ายจักรวรรดิ คนที่เป็นภัยที่สุดก็คือหลินสวินกับหลี่ตู๋สิง

ตูม!

แสงดาบส่องประกาย ในตอนท้ายถึงกับมีเสียงพายุสะเทือนแก้วหู ปราณดาบขาวเวิ้งว้างประหนึ่งสายน้ำไหลหลาก ครอบฟ้าคลุมดิน น่าสะพรึงยิ่งนัก

นี่คือไพ่ตายของปี้อวิ๋นเซิง เรียกได้ว่าพลังต่อสู้แข็งแกร่งที่สุด!

ฝั่งจักรวรรดิ คนไม่น้อยต่างหน้าเปลี่ยนสี ใครก็คิดไม่ถึงว่าทันทีที่บุกโจมตี ปี้อวิ๋นเซิงคนนี้จะถึงกับสำแดงอานุภาพโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ออกมา ทำให้ผู้คนใจเต้นเนื้อกระตุก

หลินสวินยังคงไม่ขยับ

รอบกายเขาไอเลือดพลุ่งพล่านกลายเป็นรุ้งเทพกระจ่างพร่างพราวไหลเวียน ละอองแสงพวยพุ่งแถบแล้วแถบเล่า ทำให้เขาเหมือนเทพสงครามที่อาบชโลมแสงเซียน แผ่อานุภาพไร้เทียมทานออกมา

ปึงๆ!

ไม่มีหลบเลี่ยง ถึงขั้นไม่ได้ต้านทาน แสงดาบน่าสะพรึงหาใดเปรียบสองสายนั้นฟันใส่ร่างของหลินสวิน เกิดเสียงกระแทกสะเทือนแก้วหู

ไม่มีภาพนองเลือดที่ถูกฟันสังหารจนตายตามที่ผู้คนคิดไว้ หลินสวินไม่เคลื่อนไหวสักนิด ปราณดาบสองสายนั้นถูกแสงกระจ่างที่ล้อมรอบตัวหลินสวินสกัดเอาไว้ จากนั้นก็มอดไหม้ทีละส่วน!

ประหนึ่งหมื่นวิชาไม่อาจรุกราน!

ทั่วลานต่างอึ้งงัน

จู่ๆ หัวใจของปี้อวิ๋นเซิงก็บีบเกร็ง นัยน์ตาหดรัด หน้าเปลี่ยนสีทันควัน ลอบอุทานว่าแย่แล้วคราหนึ่ง

เพียงแต่ตอนที่เขาเพิ่งคิดจะเบี่ยงหลบ หลินสวินก็ยื่นฝ่ามือทั้งสองข้างออกมา

ทำท่าคว้าผ่านอากาศ

แต่กลับเหมือนฝ่ามือยักษ์ของเทพไท้ที่ยื่นออกมาจากฟากฟ้า แผ่ครอบสี่ทิศแปดด้าน คว้าร่างของปี้อวิ๋นเซิงเอาไว้ จากนั้นก็ฉีกทึ้งอย่างรุนแรง!

พรวด!

แสงเลือดกระเซ็น ร่างของปี้อวิ๋นเซิงถูกฉีกทึ้ง เลือดสดๆ ไหลกระฉูดลงมาราวกับน้ำตก

……………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์