Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1451

ข้าหมายจะทะลวงระดับ พิบัติเคราะห์อยู่หนใด

ประโยคหนึ่งดังขึ้นเบาๆ

แต่ตอนที่แพร่ออกมากลับเหมือนสายฟ้ากวาดทะเลเมฆ สั่นสะเทือนสิบทิศ

ทันใดนั้นในฟ้าดินผืนนี้เต็มไปด้วยเสียงสะท้อนที่ราวกับสายฟ้าระเบิด ทำให้ห้วงอากาศเกิดคลื่นรุนแรง

ตรงตีนเขาจ้าวซิงเย่เงยหน้าขึ้นทันใด ความแปลกใจแวบผ่านเข้ามาในสายตา

พลันเห็นบนท้องฟ้า เมฆาเคราะห์ที่ราวกับหมึกดำเกาะตัวขึ้นมา ควบแน่นอย่างต่อเนื่อง ค่อยๆ บดบังท้องฟ้าบนเขาพินิจมรรค

มืดมนราวกับรัตติกาลนิรันดร์

กลิ่นอายทำลายล้างที่หนักอึ้ง กดดัน และน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายออกมา

ในบริเวณพันลี้ ลมเมฆเปลี่ยนสี

ข้างหน้าผาบนยอดเขา หลินสวินยืนเอามือไพล่หลัง ดวงตาดำลึกล้ำ ไม่สุขไม่เศร้า

หนึ่งเดือน ฟังเสียงลึกลับมหามรรคราวกับลืมตัว และตอนนี้เมื่อตื่นขึ้นมา พลังของหลินสวินราวกับน้ำในทะเลสาบที่กดอัดมานาน จู่ๆ ก็เพิ่มสูงขึ้น

พลังหลอมกายก้าวสู้ระดับอมตะเคราะห์ด่านแปด

พลังหลอมปราณยิ่งไปถึงขั้นที่สมบูรณ์แบบถึงขีดสุด เกิดความรู้สึกอัดอั้นที่ไม่ทะลวงไม่ได้แล้ว

และจากนั้น จุดเปลี่ยนการทะลวงระดับก็มาเยือน ณ ตอนนี้

ในส่วนลึกของเมฆาเคราะห์มีอสนีเคราะห์ที่ราวกับมังกรพลิกตัว คดเคี้ยวสว่างไสว กลิ่นอายทำลายล้างที่แผ่ออกมาหนักอึ้งจนทำให้คนแทบหายใจไม่ออก

แต่ในใจหลินสวินนิ่งสงบ นัยลึกลับมหามรรคที่ยิ่งหยั่งถึงขึ้นเรื่อยๆ นี้ราวกับน้ำที่ใสสะอาด ไหลตามร่างกายของเขา

รอยสลักมหามรรคเหล่านั้น ก็เหมือนการหยั่งรู้มหามรรคที่บุคคลระดับจักรพรรดิผู้หนึ่งอธิบายไว้ เพราะพลังของผู้แสวงหาไม่เหมือนกัน ความลึกล้ำที่หยั่งถึงย่อมไม่เหมือนกัน

อย่างหลินสวิน สิ่งที่หยั่งถึงคือนัยเร้นลับของมรรคาอมตะ

หินจากภูเขาอื่นสามารถนำมาเจียระไนหยก และการหยั่งรู้มรรคาอมตะของระดับจักรพรรดิคนหนึ่ง ทำให้หลินสวินสามารถนำมาพลิกแพลง ทบทวนตัวเอง หาข้อบกพร่องเพื่อเติมเต็มในการหยั่งมรรคตลอดทั้งเดือนนี้ ทำให้มรรคาของตนเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่!

ไม่ให้หลินสวินรอนานเกินไป อมตะเคราะห์ที่เก้าของมรรคาอมตะก็มาเยือน

หนาแน่นประหนึ่งตาข่ายใหญ่ที่ถักจากสายฟ้า ร่วงลงจากส่วนลึกของเมฆาเคราะห์บนท้องฟ้า สายฟ้าสว่างไสวมากมายราวกับมังกร มีไอทำลายล้างพลิกฟ้า

หลินสวินก้าวเดินกลางอากาศ ก้าวไปทีละก้าว เสื้อผ้าโบกสะบัดจนเกิดเสียง จากนั้นนั่งขัดสมาธิ นิ่งสนิทดั่งหิน ไม่มีร่องรอยของการเคลื่อนไหวสักนิด

มีเพียงผมดำที่กำลังพลิ้วไหว เสื้อผ้าโบกสะบัด

ครู่ต่อมาอสนีเคราะห์ผ่าลงมา ปกคลุมทั้งร่างของหลินสวินไว้

อสนีสเคราะห์ทุกสายล้วนมีอานุภาพสังหารราชันมรรคาอมตะคนใดๆ ก็ตาม น่ากลัวจนไม่สามารถจินตนาการได้

อสนีเคราะห์ที่แน่ขนัดลงมาเยือนพร้อมกัน เมื่อเกิดขึ้นบนตัวคนผู้หนึ่ง สภาพเช่นนั้นเรียกได้ว่าตะลึงโลกอย่างแน่นอน น่ากลัวไร้ขอบเขต

แต่ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินไม่เคยมีความเคลื่อนไหวใดๆ

เขานั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น ต้านทานคลี่คลายด้วยพลังของตน ราวกับภิกษุเฒ่าเข้าสิง ลมแปดทิศมาเยือนข้าก็ไม่หวั่น

สายฟ้าพร่างพราว ประกายอสนีแวววาวแผ่กระจายโหมซัดใส่ร่างกายของเขา เกิดเสียงปะทะกึกก้องสะเทือนหู

ไม่นานร่างกายของเขาแตกออกทุกกระเบียด หลั่งเลือดสีแดงสดประหนึ่งเปลี่ยนเป็นมนุษย์เลือด แต่สีหน้าของเขายังคงราบเรียบ

ท่าทางนิ่งสงบ ใจเย็น เยือกเย็น ไม่เหมือนกำลังข้ามด่านเคราะห์เลยสักนิด แต่เหมือนกำลังใช้พลังแห่งอสนีเคราะห์ฝึกตัวเองอยู่!

จ้าวซิงเย่ถอยห่างออกไปก่อนที่อสนีเคราะห์จะมาเยือนแล้ว นางมองมหาเคราะห์ครั้งนี้เงียบๆ จิตใจไม่สามารถสงบได้

นางเองก็เคยข้ามอมตะเคราะห์ด่านเก้า แต่อานุภาพกลับไม่ได้น่ากลัวเหมือนพิบัติเคราะห์ที่อยู่ตรงหน้านี้

นางเองก็เคยเห็นคนอื่นผ่านอมตะเคราะห์ด่านเก้า แต่ก็สู้เคราะห์ที่หลินสวินชักนำมาไม่ได้สักนิด

‘นี่ก็คือพิบัติเคราะห์ของบุคคลขอบเขตมกุฎ…’

จ้าวซิงเย่ถอนหายใจในใจ

และวิธีข้ามด่านเคราะห์ของหลินสวินก็ทำให้จ้าวซิงเย่หวั่นไหว ถึงขั้นยากจะจินตนาการ

คนบนโลกข้ามด่านเคราะห์ ล้วนเหมือนศัตรูยิ่งใหญ่มาเยือน ราวกับเผชิญกับบททดสอบเป็นตาย ระมัดระวังและจริงจังอย่างที่สุด แทบจะแสดงฝีมือทั้งหมดออกมาอยู่แล้ว

แต่หลินสวิน…

ไม่ได้ทำอะไรเลย!

เขานั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศเช่นนั้น ราวกับมุนินทร์นั่งอยู่บนแท่นบัวอันสูงส่ง ประหนึ่งศาสดาบนเบาะรองนั่ง ท่าทางผ่อนคลาย

พิบัติเคราะห์มากมายมาเยือน ปล่อยให้ถูกฟันผ่า ปล่อยให้ผิวหนังแตกเสียหาย กายหยาบบาดเจ็บสาหัส กลับเหมือนไม่รู้สึกตัว

จ้าวซิงเย่ฝึกปราณมาถึงวันนี้ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกสะเทือนไหวอย่างไม่สามารถอธิบายได้

ราวกับมองเห็นปาฏิหาริย์หนึ่งกำลังเกิดขึ้น!

……

ในเวลาเดียวกัน ส่วนลึกของป่าต้นหม่อนมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจเกิดขึ้น

กึง!

ในตำหนักที่ยิ่งใหญ่และลึกลับซึ่งมีบันไดมรรคเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าขั้น เสียงระฆังดังขึ้นคราหนึ่ง

ยามนี้สิ่งมีชีวิตน่ากลัวทั่วทุกมุมของป่าต้นหม่อนต่างหยุดการกระทำในมือ สายตามองที่เดียวกันโดยมิได้นัดหมาย

“จุดเปลี่ยนใหญ่ครั้งนี้ ในที่สุดก็มาแล้ว!”

ในบึงแห่งหนึ่ง ดอกอสูรแดงเพลิงที่งดงามหาที่เปรียบไม่ได้เคลื่อนออกมา กลีบดอกทุกกลีบล้วนประทับรอยมรรค ในเกสรประกายแสงไหลเวียน ละอองแสงที่ดูบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์พร่างพรม เปลี่ยนเป็นปราณกระบี่หลายร้อยล้านสายพรมลงมาจนเกิดเสียงดังชิ้งๆ

สวบ!

ดอกอสูรแดงเพลิงพริบไหวเบาๆ ทะลวงอากาศหายไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์