ตอน ตอนที่ 1475 ป้ายคำสั่งเซียนเหิน จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 1475 ป้ายคำสั่งเซียนเหิน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
อริยะแท้ผู้หนึ่ง หากไม่กำจัดจิตวิญญาณกับร่างกายโดยสมบูรณ์ย่อมไม่มีทางถูกฆ่าตายได้ นี่ก็คือจุดที่ทรงพลังของระดับอริยะ
แต่ตอนนี้ชั่วพริบตา หนิวเจิ้นอวี่ถูกปลิดชีพ!
นี่ทำให้พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬตื่นตระหนก จิตใจว้าวุ่นยุ่งเหยิง และในที่สุดก็เข้าใจว่าก่อนหน้านี้เหตุใดหลินสวินถึงดูเยือกเย็นสงบนิ่งเช่นนั้น
ที่แท้เขามีความสามารถที่สามารถฆ่าอริยะได้แล้วนี่เอง!
อีกทั้งคราวนี้ไม่ได้อาศัยสมบัติอริยะใดๆ เข้าช่วย พึ่งพาแต่วิชาลับที่น่าเหลือเชื่ออย่างยิ่งยวดวิชาหนึ่ง ทำลายระยะห่างของระดับ สังหารหนิวเจิ้นอวี่ได้ในคราวเดียว
สังหารอริยะ ไม่ใช่เรื่องที่พบเห็นได้ยากในอดีตกาล
แต่ใช้พลังปราณระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้าข้ามระดับมาสังหารอริยะผู้หนึ่งได้ นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยได้ยินได้เห็นมาก่อน!
อย่างน้อยในการรับรู้ของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเกิดเรื่องที่ทำให้ผู้ได้ยินตกตะลึงเช่นนี้
เขาถึงกับแน่ใจว่าหากเรื่องนี้กระจายออกไป ทั้งใต้หล้าคงไม่มีใครเชื่อว่าเรื่องบ้าคลั่งเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้!
“นะ… นี่เจ้าใช้วิชาลับอะไรกัน”
พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬร้องเสียงหลงดังลั่น ประหนึ่งสัตว์ที่ถูกกักขังตื่นตระหนกเหลือล้น สีหน้าเต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง
สิ่งที่ตอบกลับเขามา คือลูกศรที่แน่วแน่มิลังเลของหลินสวิน
วิ้ง!
สายธนูสีแดงฉานราวโลหิตของธนูวิญญาณไร้แก่นสารถูกดึงจนตึง ศรนภาครามดำสนิทมืดทึมแปรสภาพเป็นแสงไร้รูปยิงออกไป
พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬจะเคลื่อนย้ายผ่านอากาศเพื่อหลบหนี แต่กลับค้นพบอย่างตื่นตะลึงว่าศรนภาครามนั้นพุ่งมาที่ตนมั่นเหมือนกับเงาตามตัว สลัดไม่หลุด
เบื้องบนเป็นนภาครามเบื้องล่างเป็นยมโลก!
ตูม!
ท่ามกลางเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นจนหูแทบดับ ร่างครึ่งหนึ่งของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬระเบิดออก เลือดเนื้อเหวอะหวะ ส่งเสียงร้องโหยหวนน่าอนาถหาใดเทียบ
เมื่อแรกเริ่มเดิมทีเขาก็ถูกจ้าวซิงเย่เล่นงานจนบาดเจ็บสาหัส จากนั้นที่หน้าเส้นทางลำเอียงกระดูกขาวก็ถูกหลินสวินใช้พลังในขวดมหามรรคสุดหยั่งทำเอาเกือบลาโลก รากฐานมหามรรคได้รับความเสียหายหนักหน่วง ทนมาได้ถึงตอนนี้ก็ลำบากมากแล้ว
และเมื่อกี้เพื่อสังหารหลินสวิน เขาเอาพลังที่เหลือเฮือกสุดท้ายเข้าแลก แต่โอกาสกลับไม่เป็นใจ ถูกอภินิหารหยุดเวลาของหลินสวินทำลายทิ้ง ทำให้พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬเสียต้นทุนที่จะเอามาข่มขวัญหลินสวินไปนานแล้ว
กลับมาดูหลินสวิน ก่อนหน้านี้ไม่เคยใช้คู่มหาอาวุธสังหารอย่างธนูวิญญาณไร้แก่นสายกับศรนภาครามนี้มาโดยตลอด สิ่งที่รอก็คือช่วงเวลาแบบนี้ เล่นงานพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬอย่างไม่ทันตั้งตัวทันที
“สารเลว…”
ท่ามกลางเสียงโหยหวนน่าอนาถ ร่างยับเยินของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬจะถูกทำลายลงโดยสมบูรณ์อยู่รอมร่อแล้ว ตัวเขาเลือดเนื้อเหวอะหวะ ดูน่าสลดใจหาใดเทียบ
ฟุ่บ!
พอปีกผลาญเทพไหววูบ หลินสวินก็มาอยู่ตรงหน้าพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬแล้ว มือยกดาบขึ้นฟันลงมา บดขยี้ร่างกายและพลังจิตที่ยับเยินให้แหลกละเอียดโดยสิ้นเชิง
ในขณะเดียวกันเสี่ยวอิ๋นก็เคลื่อนออกมา สำแดงพลังพรสวรรค์ของเผ่าหนอนกินเทพ ขจัดพลังจิตที่แหลกสลายของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬจนหมดสิ้น ไม่เหลือไว้แม้แต่กาก
ทุกอย่างดูเหมือนเชื่องช้า ความจริงแล้วต่างปิดฉากลงในชั่วครู่สั้นๆ
เมื่อพวกหนิวทุนเทียนได้สติกลับมาก็เห็นฝนโลหิตโปรยปรายเต็มฟ้า เหนือเวิ้งฟ้ามีเสียงมรรคคล้ายเศร้าโศกดังขึ้นอีกครั้ง
พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬ ร่วงหล่น!
ไกลออกไปเงาร่างของหลินสวินสูงตระหง่าน ในมือกุมธนูวิญญาณไร้แก่นสารที่หลอมขึ้นจากกระดูกขาว ปีกผลาญเทพดำขมุกขมัวคู่หนึ่งไหววูบอยู่ข้างหลัง ขับเน้นให้เขาเป็นดั่งเทพมารที่เหมือนไม่มีอยู่ในโลกองค์หนึ่ง
พวกหนิวทุนเทียนหนาวยะเยือกไปทั้งตัวเหมือนตกลงไปในหลุมน้ำแข็ง สภาวะอารมณ์และปณิธานต่อสู้พังทลายลงโดยสมบูรณ์
พวกเขาไม่อาจจินตนาการได้ว่าอริยะแท้สองคนจะแพ้ ทั้งยังถูกสังหารอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ด้วย และคู่ต่อสู้ เป็นเพียงชายหนุ่มที่ยังไม่บรรลุอริยะคนหนึ่ง…
เรื่องนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!
“ตอนนี้ถึงตาพวกเจ้าแล้ว”
เสียงของหลินสวินดังขึ้นในที่นั้น ดูเหมือนเรียบเฉย แต่กลับประหนึ่งเสียงดนตรีเร่งเอาชีวิต ส่งผลให้พวกหนิวทุนเทียนได้สติขึ้นจากความตกตะลึงโดยสมบูรณ์
“หนี!”
พวกเขาเลือกหลบหนีตามสัญชาตญาณโดยไม่ลังเลสักนิด
ขนาดอริยะแท้สองคนยังถูกฆ่าตาย พวกเขาจะยังกล้าไปท้าทายหลินสวินอีกได้อย่างไร
แต่หลินสวินไม่คิดจะปล่อยพวกเขาไป
เขาสะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง
ปราณกระบี่ไท่เสวียนเหมือนกับกระแสน้ำเชี่ยวหนาแน่น ม้วนตลบฟ้าดิน ปราณกระบี่กวาดทั่วทิศ น่าสะพรึงกลัวดุจอสนี ยิงจู่โจมสิบด้าน
มองดูจากไกลๆ ปราณกระบี่ราวสายรุ้ง คมกริบเหนือโลกา!
ไม่ได้เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด เพียงไม่กี่อึดใจ หนิวทุนเทียน กวงฝู่ชิง อั้นหลิงเจินต่างถูกฟันสังหาร
พวกเขาทั้งดิ้นรน ทั้งหลบหนี ทั้งอ้อนวอน แต่ทุกอย่างก็เปลืองแรงเปล่า ด้วยถูกปราณกระบี่ดุดันแน่นขนัดนั้นจู่โจมอย่างสิ้นเชิง
ฟ้าดินกลับมาเงียบเชียบ ความสงบก่อนหน้าหวนกลับมา หลินสวินพ่นลมหายใจยาว พลันรู้สึกว่าทั้งร่างเหนื่อยล้าถึงที่สุด ภาพตรงหน้ามืดดำไปครู่หนึ่ง เงาร่างซวนเซ ถึงกับเกือบโหม่งลงมาจากห้วงอากาศ
เขารีบร้อนเอาโอสถเทพที่มีแสงวิญญาณเจิดจรัสต้นหนึ่งออกมาเริ่มเคี้ยวกลืนเพื่อเติมพลังกาย
แม้อภินิหารหยุดเวลาจะแข็งแกร่งถึงขั้นเรียกได้ว่าเย้ยฟ้า แต่ระหว่างที่สำแดงออกมาเพียงชั่วพริบตาเดียว กลับดึงสารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณทั้งร่างเขาไปจนเกือบหมด
กอปรกับใช้ธนูวิญญาณไร้แก่นสารกับศรนภาครามอย่างต่อเนื่อง เพียงคิดก็รู้ว่าจะผลาญพลังกายของหลินสวินไปมากมายเพียงไหน
ยังดีที่ทั้งหมดนี้ไม่ได้เหนือความคาดหมายอะไร
หลังจากฟื้นฟูพลังกายได้นิดหน่อย หลินสวินก็จัดการทรัพย์หลังศึกเล็กน้อยแล้วหายตัวไปจากสนามรบแห่งนี้
หนึ่งเค่อผ่านไป
“เจ้าเป็นห่วงข้าหรือ”
หลินสวินดวงตาเปล่งประกาย มองไปยังคนงามที่อยู่ข้างกาย ก็เห็นว่าเนตรกระจ่างของนางดุจดั่งวารี หน้าแดงเล็กน้อย เผยให้เห็นความสง่างามที่พาให้ผู้อื่นหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก
“คนเยอะขนาดนี้มาเพ้อเจ้ออะไร”
จ้าวจิ่งเซวียนถลึงตาดุใส่หลินสวินแล้วแหวขึ้นว่า “คราวนี้มีเรื่องสำคัญเลยมาหาเจ้า”
“เรื่องอะไร” หลินสวินประหลาดใจ
“คุณชายหลิน ไม่เจอกันนาน”
ทันใดนั้นละอองแสงสายหนึ่งโปรยลงมากลางห้วงอากาศ แปรสภาพเป็นเด็กสาวกระโปรงเหลืองรูปร่างสะโอดสะองคนหนึ่ง
นางมีคิ้วงามโค้ง คางแหลม ดวงตาเปล่งปลั่งมีชีวิตชีวา รูปลักษณ์พริ้งเพราราวเซียน มุมปากยกยิ้มสวยบางๆ
“แม่นางอาหูหรือ”
หลินสวินชะงักไปเป็นอย่างแรก แล้วจากนั้นก็จำเด็กสาวที่แต่งกายด้วยชุดกระโปรงสีเหลืองอ่อนตรงหน้านี้ได้ทันที เป็นเด็กสาวลึกลับที่มอบยานขนส่งอวกาศให้ตนลำหนึ่ง พาตนกับเจ้าคางคกหลบหนีการไล่ฆ่าของสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันทั้งกลุ่ม
“ที่แท้คุณชายก็ยังจำข้าได้”
อาหูยิ้มละไม ใบหน้านางงดงามประณีต ชุดกระโปรงปลิวไปตามลม ขับเน้นโครงร่างขาวกระจ่างอ้อนแอ้นของนางให้ยิ่งดูอรชร
แม้พูดว่าไม่ได้พบกันนาน แต่ตอนนี้ยามได้เผชิญหน้ากับอาหู ก็ยังคงทำให้หลินสวินตื่นตะลึงดังเดิม
นางงดงามเป็นเอกลักษณ์ ไร้มลทินยากจับต้อง เหมือนนางเซียนที่ไม่แปดเปื้อนโลกีย์จากโลกมนุษย์ เรือนร่างงามงด มีส่วนโค้งเว้าหยดย้อย เอวเล็กคอดจนใช้มือโอบรอบได้ ทั้งยังมีเสน่ห์เย้ายวนใจอย่างบอกไม่ถูก
โดยเฉพาะยามยิ้มบางๆ ดวงตาโตมีชีวิตชีวา ริมฝีปากเปล่งปลั่ง สวยสะคราญจนทำให้ผู้อื่นหายใจติดขัด
หลินสวินยิ้มเอ่ย “ตอนนั้นถ้าไม่ได้แม่นางอาหูช่วยไว้ ด้วยความสามารถของข้าผู้แซ่หลิน คิดจะออกจากทะเลกลืนวิญญาณอย่างปลอดภัยคงสำเร็จได้ยาก”
ระหว่างที่พูดอยู่ ด้วยการนำของจ้าวซิงเย่ ทั้งกลุ่มก็มาถึงยอดเขา ทุกคนต่างมองออกว่าอาหูมีเรื่องต้องการปรึกษาหลินสวิน จึงพากันจากมาอย่างรู้งาน
“การจัดวางของมหาจักรพรรดิหมื่นเคราะห์ในตอนนั้น ตอนนี้รู้ผลลัพธ์แล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าคุณชายเตรียมพร้อมไปสมรภูมิเก้าดินแดนหรือยัง”
ในบ้านหินที่หลินสวินอาศัย อาหูยิ้มละไมเอ่ยปาก เนตรดาราของนางทอดสายตามอง บนใบหน้างดงามขาวเกลี้ยงของนางมีแต่แววยากจับต้อง
“แม่นางมาคราวนี้เพราะการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนหรือ”
หลินสวินครุ่นคิดแล้วเอ่ยถาม
อาหูพยักหน้า “ใช่แล้ว พูดขึ้นมาก็มีเรื่องอยากขอให้คุณชายช่วย”
หลินสวินเอ่ย “แม่นางอาหูพูดมาเลย ของเพียงข้าผู้แซ่หลินทำได้ย่อมไม่ปฏิเสธ”
เห็นหลินสวินตอบรับฉับไวเช่นนี้ อาหูก็ยิ้มน้อยๆ อย่างอดไม่ได้ จากนั้นสีหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา เอ่ยว่า “คุณชายเคยได้ยินชื่อป้ายคำสั่งเซียนเหินหรือไม่”
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์