มีคนต้องการจัดการตน นี่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ที่หอหลอมจิตนครหยกขาวของตนในตอนนั้น และเกี่ยวข้องกับการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนที่กำลังจะมาเยือน
นี่ก็คือการคาดเดาของหลินสวิน
แต่ที่ทำให้เขาทอดถอนใจก็คือ แนวโน้มทั่วไปในใต้หล้าตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้วจริงๆ อย่างน้อยตอนนี้ก็มีคนไม่ต้องการเห็นตนประสบเคราะห์
เช่นเฒ่ากระบี่เมาที่ขี่ลา พกน้ำเต้ากระบี่ผู้นั้น
หรืออย่างเช่นหญิงแต่งงานแล้วผมขาวที่ถูกคนของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์เรียกว่าย่าทวดผู้นำลัทธิไร้สวรรค์
หรือเซียนเทพจากที่ต่างๆ ซึ่งคอยสกัดกั้นภัยพิบัติให้ตนอย่างลับๆ มาตลอดทาง
ศัตรูก็ย่อมเป็นคนที่เคยผูกแค้นกันในอดีตเหล่านั้น อย่างสำนักกระบี่เทียมฟ้า แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ เผ่าอีกาทอง เผ่าวิญญาณสมุทร สำนักยุทธ์นครนิล เขาวิญญาณหมื่นอสูรเป็นต้น
แต่คนที่ช่วยตนเป็นใคร ณ ตอนนี้หลินสวินกลับไม่อาจชี้ชัดได้อย่างแน่นอน
‘ทำดีไม่ประสงค์ออกนามหรือ’
คิดถึงตรงนี้ หลินสวินก็นึกถึงคำที่เฒ่ากระบี่เมาเคยพูดไว้ขึ้นมาอีก…
มุ่งหน้าอย่างกล้าหาญ!
……
หอฤทธิ์เทพ
ท่านเซิ่นพลิกม้วนหนังสืออ่านโดยละเอียดไม่รีบร้อน มีความสุขจากสิ่งที่ทำ
อีกด้านหนึ่งท่านเมี่ยวเสวียนกลับแค่นหัวเราะหยันออกมา เอ่ยว่า “เป็นไปตามที่ศิษย์พี่คาดไว้จริงๆ ตลอดทางนี้มีพวกโง่โผล่ออกมามากมายดังคาด พวกเขาจะต้องฆ่าเด็กคนนี้ให้ได้ถึงจะยอมหรือ”
ท่านเซิ่นยิ้มให้ กล่าวว่า “นี่ก็คือความแค้น สำนักโบราณพวกนั้นไม่ได้คิดว่าเด็กหลินสวินนี่จะไปต้านทานคลื่นคลั่งในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนได้ หากไม่ติดที่แนวโน้มกระแสของใต้หล้าบีบบังคับ พวกเขามีแต่จะยิ่งเหิมเกริมไม่หวั่นกลัว”
ท่านเมี่ยวเสวียนถอนใจเบาๆ “ในรังล่มๆ จะไปมีไข่เต็มฟองได้อย่างไร แม้เป็นความแค้นใหญ่เท่าฟ้า ค่อยสะสางกันทีหลังไม่ได้หรือไร”
ท่านเซิ่นปิดม้วนหนังสือในมือ แววตาแจ่มกระจ่างเอ่ยว่า “เพราะพวกเขารีบน่ะสิ หากไม่ถือโอกาสตอนนี้จัดการเด็กคนนี้ ภายหน้า… เกรงว่าจะไม่มีโอกาสอีกสักเท่าไรแล้ว”
ท่านเมี่ยวเซวียนตะลึง ทันใดนั้นก็แจ้งแก่ใจขึ้นมา พยักหน้าเอ่ยว่า “เป็นเช่นนี้เอง”
หลินสวินตอนนี้เหมือนเป็นบุคคลที่แทบจะไร้ศัตรูในหมู่ผู้มีระดับต่ำว่าอริยะแล้ว!
รากฐานพลังของเขาแข็งแกร่ง พรสวรรค์เลิศล้ำเกินธรรมดา ตัวคนเดียวก็สามารถส่งผลกระทบต่อแนวโน้มของใต้หล้า สามารถทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันในดินแดนรกร้างโบราณเหล่านั้นต่างสิ้นหวังได้
ด้วยคุณสมบัติของหลินสวินในตอนนี้ หลังเข้าไปในสมรภูมิเก้าดินแดนแล้ว หากไม่เกิดเหตุไม่คาดฝันต้องบรรลุมกุฎอริยะแน่
ระดับมกุฎอริยะ!
ความหมายที่คำเพียงไม่กี่คำนี้เผยออกมา ทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับอริยะในดินแดนรกร้างโบราณเหล่านั้นต่างอกสั่นขวัญแขวน
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยรากฐานพลังและพลังต่อสู้ที่หลินสวินสำแดงออกมาในตอนนี้ ต่อให้บรรลุมกุฎอริยะก็ต้องไม่ใช่อริยะขอบเขตมกุฎทั่วๆ ไป!
ถึงตอนนั้นในสำนักโบราณในดินแดนรกร้างโบราณแต่ละแห่ง ใครจะกล้าต่อกรกับหลินสวินอย่างตอนนี้
“ถ้าตอนนี้ฆ่าหลินสวินไม่ได้ รอเขากลับมาจากสมรภูมิเก้าดินแดน สำนักโบราณเหล่านี้ก็คงกินไม่ได้นอนไม่หลับแล้ว”
ท่านเซิ่นเอ่ยปากเรียบเฉย “หากภายหน้าไม่อยากถูกหลินสวินคิดบัญชีย้อนหลัง พวกเขาก็ทำได้เพียงคว้าโอกาสสุดท้ายนี้ทุ่มหมดหน้าตัก”
ท่านเมี่ยวเสวียนถอนใจยาวเฮือกหนึ่ง ฉับพลันคล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้เอ่ยว่า “ศิษย์พี่คิดว่าเด็กคนนี้มีหวังจะกลับมาจากสมรภูมิเก้าดินแดนมากเพียงไหน”
ท่านเซิ่นนิ่งคิดแล้วเอ่ยว่า “พูดยาก แต่ที่แน่ใจได้ก็คือหากเด็กคนนี้รอดกลับมาจากสมรภูมิเก้าดินแดน ยามเขากลับมา มองไปทั้งดินแดนรกร้างโบราณ เกรงว่าอริยะยังทำได้เพียงก้มหัวให้เขา”
ท่านเมี่ยวเซวียนดวงตานิ่งขึง
เขาเอาพู่กันวสันตสารทกับหนังสือบันทึกประวัติศาสตร์ออกมา คิดจะจดบันทึก
ท่านเซิ่นกล่าวอย่างจนใจว่า “เรื่องพวกนี้อย่าบันทึกเลย เป็นเพียงการพูดคุยเรื่อยเปื่อยระหว่างข้ากับเจ้าเท่านั้น”
ท่านเมี่ยวเซวียนคิดๆ แล้วก็เก็บหนังสือและพู่กัน เอ่ยถามว่า “ศิษย์พี่ จะไม่เกิดเรื่องกับเด็กคนนี้ระหว่างทางจริงๆ ใช่ไหม”
ท่านเซิ่นยิ้มขึ้นมา ชูมือขึ้นนับนิ้วแล้วเอ่ยว่า “เฒ่ากระบี่เมา เยวี่ยอู๋เทียน เยี่ยจิ่วเซียว เซี่ยวปู้กุย เหวยฉางอวิ๋น…”
ครู่เดียวเขาก็ท่องชื่อออกมาชุดใหญ่แล้วจึงเอ่ยว่า “มีเจ้าเฒ่ามากมายขนาดนี้ร่วมกันลงมือ เด็กคนนี้ต่อให้เป็นขนร่วงไปสักเส้นยังยากเลย”
ท่านเมี่ยวเซวียนก็ยิ้มอย่างอดไม่ได้แล้ว
เขารู้ว่าทั้งหมดนี้ต่างเป็นสิ่งที่ศิษย์พี่ของตนจัดการ
หลังจากการประลองที่นครหยกขาวครั้งนั้นปิดฉากลง ศิษย์พี่ก็เหมือนจะคาดการณ์ได้ว่าจะเป็นเช่นนี้ จึงวางทางหนีทีไล่ไว้มากมาย
ท่านเมี่ยวเซวียนเอ่ยถามว่า “ศิษย์พี่ คำถามสุดท้าย เหตุใดท่านถึงให้ความสำคัญกับเด็กคนนี้นัก”
ท่านเซิ่นนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่แล้วจึงพูดว่า “ในสมรภูมิเก้าดินแดน ถ้าจะมีความหวังสักนิดที่จะพลิกความพ่ายแพ้ของดินแดนรกร้างโบราณได้ เช่นนั้นความหวังน้อยนิดนี้ก็อยู่ที่เด็กคนนั้น”
ท่านเมี่ยวเซวียนอึ้งไป จิตใจสั่นสะท้าน
……
หลายวันผ่านไป
ทะเลหมากดาราอันไพศาลมีหมอกหนาแน่น เกาะแต่ละเกาะดุจดั่งดวงดาวกระจัดกระจายบนผิวน้ำ ปรากฏขึ้นชัดบ้างไม่ชัดบ้างกลางสายหมอก
หลังมาถึงที่นี่จิตใจเคร่งเครียดของหลินสวินก็ผ่อนคลายลง หันไปมองทางที่มา ที่นั่นทั้งสี่ทิศไร้ผู้คน
แต่หลินสวินกลับกุมมือเอ่ยด้วยสีหน้ายำเกรง “ขอบคุณผู้อาวุโสทุกท่านที่มาส่งตลอดทาง บุญคุณใหญ่หลวงนี้หลินสวินจะจารึกไว้ในใจไม่ลืมเลือนชั่วนิรันดร์”
พูดจบรอบทิศเวิ้งว้าง ไม่มีคนตอบกลับ
หลินสวินยิ้มแล้วหันตัวมุ่งหน้าไปทะเลหมากดารา
ในที่ลับที่หลินสวินไม่สามารถสังเกตเห็น ชายชราผู้หนึ่งปรารภกับตัวเอง “การเคลื่อนไหวของพวกเราคราวนี้ ก็ถือว่าเป็นการผูกกรรมดีกับสรรพชีวิตในดินแดนรกร้างโบราณ คุณชายรักษาตัวด้วย”
กระทั่งมองส่งหลินสวินเข้าไปในทะเลหมากดารา เงาร่างชายชราก็หลอมเข้าไปในห้วงอากาศแล้วหายลับอย่างรวดเร็ว
“ล้มเหลวแล้ว?”
วันนี้เหล่าขุมอำนาจที่เคยผูกแค้นกับหลินสวินอย่างแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ เผ่าอีกาทอง สำนักยุทธ์นครนิล ลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ต่างรู้ข่าวว่าหลินสวินกลับสู่ทะเลหมากดาราอย่างปลอดภัยแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์