ห่างจากภูเขาหิมะแห่งนี้พันลี้ ก็คือเมืองอารักษ์มรรค
บนหอกำแพงเมืองที่สูงตระหง่าน ปี้เจี้ยนฉยงผู้อาวุโสหกแห่งสำนักมารฟ้าประทานเอามือไพล่หลัง ทอดมองไปไกลๆ
หนึ่งพันลี้ ด้วยพลังจิตรับรู้ระดับมกุฎอริยะของเขา เพียงพอที่จะสัมผัสสถานการณ์ส่วนใหญ่ในนั้นได้แล้ว
“ผู้หญิงคนหนึ่ง กลับกล้าเลียนแบบพฤติกรรมแมงเม่าบินเข้ากองไฟ เปิดฉากสังหารนองเลือดตลอดทาง ปลายอาวุธชี้ตรงมาที่ค่ายทัพใหญ่ของพวกเรา ควรบอกว่านางโง่เขลาหรือกล้าหาญน่ายกย่องดี”
ปี้เจี้ยนฉยงพึมพำ
ข้างๆ ยังมีมกุฎอริยะอีกจำนวนหนึ่ง ได้ยินเช่นนี้ต่างอดหัวเราะเยาะไม่ได้
ตอนที่ได้ยินว่าหลังจากผู้หญิงที่ชื่อรั่วอู่นั่นรอดพ้นจากป่าหลอมจิต แต่ไม่ได้เลือกหนีออกจากโลกมารโลหิตทันที ทว่ากลับมุ่งหน้าบุกสังหารมาทางเมืองอารักษ์มรรคอย่างเปิดเผย พวกเขาเองก็อึ้งงันไปเช่นกัน
บนโลกนี้ถึงกับมีคนไม่กลัวตายเช่นนี้ด้วยหรือ
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นถึงค่ายทัพใหญ่ของพวกเขา แค่มกุฎอริยะที่ดูแลอยู่ที่นี่ก็มีมากถึงหลายสิบคนแล้ว ใครให้ความกล้านางมารนหาที่ตายกัน
“มกุฎอริยะหญิงคนหนึ่ง แน่นอนว่าไม่มีทางเป็นคนโง่เขลา นางทำเช่นนี้พิสูจน์ได้เพียงสิ่งเดียวคือ นางไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วจริงๆ”
มีคนพูดจาล้อเลียนเย้ยหยัน
“ไม่อยากมีชีวิตอยู่ก็ต้องมีเหตุผลสักหน่อยถึงจะถูก ข้าว่าจับเป็นจะดีที่สุด ทรมานสักหน่อย ถามนางว่าเหตุใดจึงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว”
มีคนที่ในดวงตาสาดประกายแปลกประหลาด
นี่คือมกุฎอริยะที่ราวกับเด็กหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่ง ในมือถือพัดหยกลายทอง อยู่ในชุดคลุมหรูหรา บุคลิกโดดเด่น
เลี่ยอวี้!
มกุฎอริยะแห่งเผ่าภูตเงิน หนึ่งในสิบมหาเผ่าใหญ่ของดินแดนโบราณมารโลหิต
ทุกคนได้ยินเช่นนี้ต่างเผยสีหน้าพิกลออกมา
ใครก็รู้ดีว่าแม้เลี่ยอวี้จะเป็นอริยะ แต่เพราะสิ่งที่แสวงคือมรรคาที่ ‘ดูดเสริมบำเพ็ญคู่’ อย่างหนึ่ง เป็นคนที่มีกิเลสตัณหาที่สุด
นี่ไม่ใช่กามราคะ แต่เป็นการใช้การดูดเสริมหยินหยางเป็นวิธีเสาะหามรรคาของตน เลี่ยอวี้สามารถบรรลุมกุฎอริยะได้ ย่อมไม่ใช่แค่มารลามกทั่วไปจะเทียบได้
ทว่าเรื่องที่เลี่ยอวี้ชอบรวบรวมหญิงงามเพื่อเสพสุขนั้นก็เป็นความจริง
เห็นได้ชัดว่าเขาหมายตารั่วอู่แล้ว
“ทุกท่านอย่าได้เข้าใจผิด แม้ข้าจะทะนุถนอมหญิงงาม แต่กับศัตรู ก็สามารถลงมือรุนแรงพร้อมสังหารได้เช่นกัน”
เลี่ยอวี้ยิ้มพูด
ตอนที่กำลังคุยกันนั้น ปี้เจี้ยนฉยงที่ในดวงตามีประกายเทพวาบผ่านก็พลันเอ่ยปาก
“มาแล้ว!”
แทบจะในเวลาเดียวกัน มกุฎอริยะคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่บนหอกำแพงเมืองต่างแผ่จิตรับรู้ออกไป
……
ลมหิมะแพร่กระจายไปทั่ว ภูเขาเรียงราย
เล่อเทียนเหิง เสอปี้อวิ๋นและเฮ่อชิงเหยียนยืนกันคนละมุม กลายเป็นรูปแบบสามมุม ประหนึ่งป้อมปราการสามแห่งที่ขวางกั้นฟ้าดิน ดุจดั่งหมื่นกำลังไม่อาจฝ่า
ไอสังหารอันตรายไร้รูปแผ่กระจายไปทั่วราวกับกระแสน้ำ ฟ้าดินเงียบสงัด สรรพสิ่งครัดเคร่ง
เมื่ออริยะเดือดดาล ศพกองนับล้าน เลือดไหลเป็นสายน้ำ!
บัดนี้เล่อเทียนเหิงเข้าควบคุมที่นี่ เพียงแค่กลิ่นอายที่แผ่ออกจากร่าง ก็เพียงพอจะกำจัดผู้ที่ต่ำกว่าระดับอริยะทุกคนที่เข้าใกล้แล้ว!
ห่างออกไปเงาร่างของหลินสวินปรากฏขึ้น อยู่ในชุดสีขาวพระจันทร์ เอามือไพล่หลัง เดินอยู่ในพายุหิมะราวกับเดินเล่นในสวนอย่างไรอย่างนั้น
หืม?
พวกเล่อเทียนเหิงอึ้งไป เดิมทีพวกเขาคิดว่ารั่วอู่จะต้องปรากฏตัวในทันที ไม่คิดว่ากลับเป็นหลินสวินที่เผยร่องรอยก่อน
“เหตุใดจึงเป็นเจ้าหมอนี่โผล่ออกมาก่อน”
บนหอกำแพงเมืองอารักษ์มรรค มกุฎอริยะอย่างพวกปี้เจี้ยนฉยงเองก็ขมวดคิ้ว
ทุกสิ่งที่พวกเขาวิเคราะห์ก่อนหน้านี้ ล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่าควรฆ่ารั่วอู่อย่างไร มองข้ามหลินสวินโดยตรง
แต่คนที่พวกเขามองข้ามนี้กลับปรากฏตัวก่อน
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความประหลาดใจเล็กๆ น้อยๆ ไม่นานพวกเขาก็ถูกรั่วอู่ที่ปรากฏตัวตามหลังหลินสวินมาติดๆ ดึงดูด
นางอยู่ในชุดสีแดง เงาร่างสูงเพรียวสง่างาม ก้าวเดินอยู่ในลมหิมะสีขาว ผมสีดำพลิ้วไหว ใบหน้างดงามไร้ที่ติเผยประกายบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ ราวกับเซียนลงมาเยือนโลก
“งามมาก!”
เลี่ยอวี้ตาเป็นประกาย เผยแววชั่วร้าย เลียริมฝีปากพูด “ไม่ว่าอย่างไรห้ามฆ่านางเด็ดขาด คนสวยเช่นนี้เป็นสินค้าชั้นหนึ่งเชียวนะ พบเจอได้แต่ไม่อาจครอบครอง”
คนอื่นๆ อดหัวเราะไม่ได้
ปี้เจี้ยนฉยงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารับรู้ได้อย่างฉับไวว่าสีหน้าของรั่วอู่นิ่งสงบใจเย็น ดูไม่เหมือนคนโง่ที่กระทำการประหนึ่งแมงเม่าบินเข้ากองไฟเลยสักนิด
นางกล้ามาที่นี่ หรือจะมีที่พึ่ง
ทันใดนั้นปี้เจี้ยนฉยงพลันส่ายหน้าเงียบๆ ในพื้นที่พันลี้นี้เป็นที่ตั้งค่ายทัพใหญ่ของดินแดนโบราณมารโลหิตไปแล้ว
แม้อีกฝ่ายมีที่พึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาไข่ไปกระทบหิน!
ในเวลาเดียวกัน สายตาของมกุฎอริยะทั้งสามอย่างพวกเล่อเทียนเหิงก็เคลื่อนออกจากตัวหลินสวินมาหยุดที่รั่วอู่
ผู้หญิงคนนี้ต่างหากที่เป็นเป้าหมาย ควรค่ากับการให้ความสำคัญของพวกเขา!
กลางฟ้าดินบรรยากาศยิ่งกดดันและเงียบสงัดขึ้นมา แม้แต่เสียงลมซึ่งราวกับภูตผีคร่ำครวญยังเงียบไป
รั่วอู่อึ้ง รับรู้ได้ว่ามีไอสังหารสามสายจับจ้องตน ส่วนหลินสวินกลับกลายเป็นคนที่ไม่มีใครสนใจ
นางอดยิ้มสื่อจิตไม่ได้ ‘ดูเหมือนพวกเขายังไม่รู้เรื่องที่เจ้าบรรลุมกุฎอริยะแล้ว และจนตอนนี้ก็ยังไม่เชื่อว่าพวกเล่อเซวี่ยซิวถูกเจ้าฆ่า’
หลินสวินที่เดินอยู่ข้างหน้าพูดสบายๆ ‘เช่นนี้ย่อมดีกว่ามิใช่หรือ ตลอดทางมานี้มีระยะประมาณสองหมื่นเก้าพันลี้ ระหว่างทางเจ้ากับเสี่ยวอิ๋นรวมถึงเสี่ยวเทียนสังหารไม่หยุด ไม่มีโอกาสให้ข้าลงมือมากนัก ตอนนี้ก็ถึงตาข้าลงมือบ้างแล้ว’
รั่วอู่เหยียดมุมปากขึ้น ‘รีบรบรีบจบ?’
หลินสวินกล่าว ‘ห่างออกไปพันลี้มีตาแก่กลุ่มหนึ่งกำลังชมการต่อสู้ แน่นอนว่าต้องสร้างความประหลาดใจให้พวกเขาถึงจะถูก’
รั่วอู่พยักหน้า ‘เช่นนั้นก็ตามนี้’
ตอนที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้นก็มาถึงยอดภูเขาน้ำแข็งแห่งหนึ่งแล้ว ห่างออกไปสองสามพันจั้งก็คือยอดเขาที่พวกเล่อเทียนเหิงยืนอยู่
ตอนที่สบตากัน เสียงปะทะของพลังขับเคลื่อนอันน่ากลัวราวกับฟ้าร้อง ดังกึกก้องขึ้นในบรรยากาศที่เงียบสงัดนี้
ทันใดนั้นฟ้าดินสะท้าน ภูเขามากมายสั่นเขย่า หิมะดุจพังทลาย พัดถล่มลงมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์