ในหลายวันหลังจากนั้น หลินสวินเดินไปทั่วภูเขาแม่น้ำบริเวณนั้น เดินๆ หยุดๆ ราวกับกำลังค้นหาอะไร
ระหว่างทางก็เก็บวัตถุดิบเทพและโอสถเทพได้ไม่น้อย
เจอวิญญาณเซียนเหินเป็นครั้งคราว แต่หลินสวินเพียงหนีห่างไปไกลไม่ได้ลงมือ ท่าทางดูระมัดระวังอย่างที่สุด
และในที่มืด จู๋อิ้งคงถือคันฉ่องสำริดติดตามความเคลื่อนไหวของหลินสวินอยู่ตลอด มองเขาโลดแล่นกลางภูเขาแม่น้ำ มองเขาเก็บโอสถเทพ…
“เจ้าหมอนี่ถือว่าระมัดระวังมาก กังวลว่าจะแหวกหญ้าให้งูตื่น แม้ระหว่างทางจะเจอวิญญาณเซียนเหินก็อดทนไม่ลงมือ”
“น่าเสียดาย จนถึงตอนนี้เขายังคงไม่รู้ตัวว่าได้เดินเข้าหลุมพรางที่ข้าวางไว้นานแล้ว แม้ค้นหาต่อไปก็ไม่มีทางเจอร่องรอยของพวกเรา”
จู๋อิ้งคงพูดเนิบๆ
เดิมทีเขายังเกรงกลัวความสามารถด้านรอยสลักวิญญาณของหลินสวิน กังวลว่าหลินสวินจะจับกระบวนผนึกที่ตนวางไว้ได้
ทว่าผ่านการสังเกตมาหลายวันเขาก็ค่อยๆ วางใจลง
“ระวังหน่อย เจ้าหมอนี่แม้จะบ้าระห่ำอย่างที่สุด แต่ไม่ใช่คนโง่แน่นอน พอเขาสังเกตถึงความผิดปกติก็จะถอนตัวทันที”
เซวี่ยชิงอีเตือน
ในหลายวันมานี้พวกเขามกุฎอริยะแปดดินแดนรวมตัวกัน เคลื่อนไหวพร้อมกัน ไม่ได้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรอีก
อีกทั้งจำนวนวิญญาณเซียนเหินที่จับได้ ขาดอีกเพียงเล็กน้อยก็สามารถให้จู๋อิ้งคงใช้ขับเคลื่อน ‘ค่ายกลใหญ่พันผี’ ได้แล้ว
“เจ้าหมอนั่นเข้าแหแล้ว แม้อยากหนี ติดปีกก็หนีไม่รอดแล้ว!”
จู๋อิ้งคงเอ่ยอย่างครุ่นคิด “แต่ว่าเพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดคิดใดๆ ขอเพียงแค่วันนี้สามารถรวบรวมวิญญาณเซียนเหินให้ครบได้ พรุ่งนี้ก็ได้เวลาเก็บแหแล้ว”
“เช่นนั้นก็เคลื่อนไหวต่อ”
คุนเซ่าอวี่พูดอย่างเด็ดขาด
ครั้งนี้พวกเขาทุ่มเทความพยายามอย่างที่สุด เตรียมความพร้อมอย่างดี สถานการณ์อยู่ในการควบคุมของพวกเขาโดยสมบูรณ์
นี่ทำให้ทุกคนพึงพอใจมาก
“ไป!”
แค่คิดว่าพรุ่งนี้จะสามารถเก็บแหกักขังสังหารหลินสวิน ชืออู๋ซู่ก็แทบจะกดไอสังหารในใจไม่อยู่แล้ว
ไม่เพียงแค่เขา บุคคลพลิกฟ้าอย่างพวกสือพั่วไห่ ฮว่าหงเซียวที่ชิงชังหลินสวินเข้ากระดูก ล้วนอยากรีบสังหารหลินสวินโดยเร็วที่สุดเพื่อระบายความแค้นในใจ
“รวบรวมกองกำลังชั้นยอดของทั้งแปดดินแดนเพียงเพื่อเล่นงานหลินสวินคนเดียว… ครั้งนี้หากเจ้าหมอนั่นยังไม่ตาย แปดดินแดนของพวกเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนในครั้งนี้ ดินแดนรกร้างโบราณก็จะเป็นผู้ชนะมิใช่หรือ”
ระหว่างเคลื่อนไหวเลี่ยเฉียอดถอนหายใจไม่ได้
หลินสวิน!
เจ้าคนตัวเล็กๆ ที่ถูกพวกเขามองข้ามในตอนแรก กลับประหนึ่งม้ามืด ผงาดในสมรภูมิเก้าดินแดนแห่งนี้อย่างแข็งกร้าว
จนกระทั่งตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเหมือนนายเหนือหัวคนหนึ่ง กลายเป็นมหาศัตรูที่ทำให้แปดดินแดนของพวกเขาเกลียดจนกัดฟัน!
เมื่อก่อนนี้นี่คือเรื่องที่ไม่กล้าจินตนาการสักนิด
“ไม่ ครั้งนี้ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณก็ยังต้องพ่ายแพ้!”
เซวี่ยชิงอีพูดอย่างเด็ดขาด ดวงตาแดงเปล่งประกาย “ทุกคนอย่าลืมว่าเมืองอารักษ์มรรคของโลกรกร้างโบราณในตอนนี้… ก็ถูกขุมอำนาจแปดดินแดนของพวกเราล้อมเอาไว้แล้ว!”
ประโยคเดียวทำให้สายตาของทุกคนต่างวูบไหวขึ้นมา
การต่อสู้ในสมรภูมิเซียนเหินมีเวลาเพียงสิบวันเท่านั้น ตอนนี้ผ่านไปสี่วันแล้ว แม้เมืองอารักษ์มรรคของดินแดนรกร้างโบราณจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่จะต้านการโจมตีของทัพพันธมิตรแปดดินแดนได้อย่างไร
……
ตูม โครม โครม!
นอกเมืองอารักษ์มรรค เสียงตะโกนสังหารปานสะเทือนฟ้า ไอสังหารกลายเป็นกลุ่มควันพุ่งทะลวงฟ้า บดบังท้องฟ้าแปดด้าน
กองกำลังของแปดดินแดนโจมตีเมืองอารักษ์มรรคอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การสั่งการของสัตว์ประหลาดเฒ่าแห่งดินแดนโบราณยอดหยินที่ชำนาญมรรครอยสลักวิญญาณคนหนึ่ง
ก็เห็นวิชามรรคและสมบัติปานกระแสน้ำ ราวกับธารดาราเก้าสวรรค์พุ่งโจมตีต่อเนื่อง อานุภาพยิ่งใหญ่เกรียงไกร ทำเอาฟ้าดินยังเปลี่ยนสี
นี่เป็นวันที่สี่ที่ทัพใหญ่แปดดินแดนโจมตีเมืองแล้ว!
สี่วันมานี้ทัพใหญ่แปดดินแดนแทบจะผลัดกันลงมือ โจมตีเมืองโดยไม่หยุดพักสักนิด วิธีการง่ายมาก การโจมตีก็รุนแรงมาก
นั่นก็คือใช้พลังทลายกระบวนค่ายกล ใช้พลังทำลายเมือง!
สี่วันมานี้เมืองอารักษ์มรรคก็เหมือนแนวปะการังในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ถูกคลื่นอันน่าสะพรึงโหมซัดอย่างต่อเนื่อง แทบจะพังทลายอยู่แล้ว
กระบวนค่ายกลสี่ยอดแปดพิทักษ์ถูกโคจรถึงขีดสุด ทำให้ทั้งเมืองอารักษ์มรรคเปล่งแสงประกายสีทองอร่าม ถึงสกัดการโจมตีระลอกแล้วระลอกเล่าได้
เพียงแต่เหล่ามกุฎอริยะอย่างเซ่าเฮ่า รั่วอู่ จ้าวจิ่งเซวียนที่เฝ้าอยู่ในเมืองอารักษ์มรรคต่างสีหน้าเคร่งเครียดอย่างที่สุดแล้ว
อีกฝ่ายเจ้าเล่ห์มาก ไม่ได้เข้าใกล้เลย นี่ทำให้กระบวนค่ายกลสี่ยอดแปดพิทักษ์ไม่สามารถสำแดงพลังออกมาได้ แน่นอนว่าไม่สามารถทำอันตรายอีกฝ่ายได้เช่นกัน
จนกระทั่งตอนนี้ ทัพใหญ่ของอีกฝ่ายก็ยังสมบูรณ์ไม่มีบุบสลาย!
ย้อนมองเมืองอารักษ์มรรค ในใจผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนล้วนกดดันกระสับกระส่าย หลายวันมานี้หนึ่งวันเนิ่นนานราวกับหนึ่งปี!
ครั้งนี้ทัพใหญ่แปดดินแดนเคลื่อนไหวเต็มกำลัง อานุภาพยิ่งใหญ่ มีผู้แข็งแกร่งดุจพยับเมฆ ทอดสายตามองไปพื้นที่สี่ด้านแปดทิศนอกเมืองเต็มไปด้วยเงาร่างของศัตรูแน่นขนัด
เพียงแค่ภาพทัพใหญ่กดข่มเมืองนี้ ก็นำพาความกดดันอย่างใหญ่หลวงมาให้แล้ว
“ชีพจรปราณวิญญาณใต้กระบวนค่ายกลในเมือง อย่างมากยืนหยัดได้อีกสามวัน หากยังถูกโจมตีเช่นนี้ตลอดเวลา เกรงว่ายังไม่ถึงตอนที่สมรภูมิเซียนเหินสิ้นสุดลงเมืองก็จะถูกตีแตกแล้ว”
รั่วอู่ขมวดคิ้วแน่น กังวลใจอย่างยิ่ง
“นี่ยังไม่เท่าไหร่ ประเด็นคือความฮึกเหิมของค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณของเรากำลังถูกโจมตี บรรยากาศในเมืองกดดันเกินไป ผู้คนไม่น้อยตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว จิตต่อสู้สั่นคลอน”
สภาพจิตใจของจ้าวจิ่งเซวียนเองก็หนักอึ้งไม่น้อย
“ปกป้องเมืองหนึ่งอย่างแข็งขัน ย่อมต้องถูกทำร้ายบ้าง นี่เป็นเรื่องธรรมดามาก แต่ถ้าจิตต่อสู้พังทลาย จะต้องแตกตื่นเสียการควบคุม เช่นนั้นปัญหาก็รุนแรงแล้ว”
เซ่าเฮ่าถอนหายใจเบาๆ
“สถานการณ์เช่นนี้จะต้องเปลี่ยนแปลง! อย่างน้อยต้องทำให้ทุกคนมองเห็นความหวัง มั่นใจแน่วแน่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์