Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1690

เด็กหนุ่มรองเท้าฟางควบคุมตัวเองเป็นอย่างยิ่ง ทั้งประหม่าและว้าวุ้นใจมากเช่นกัน

เขาอยู่ในชุดผ้าทอหยาบ สวมรองเท้าฟางคู่หนึ่ง แต่ทั้งตัวกลับสะอาดหมดจดเป็นอย่างยิ่ง แม้ผิวพรรณจะดูคล้ำอยู่บ้าง แต่ดวงตากลับส่องประกายแวววาว

“นั่งสิ เจ้ากับข้าได้เจอกันถือเป็นวาสนา ลองเล่าชีวิตเมื่อก่อนให้ข้าฟังได้ไหม”

หลินสวินยิ้มกล่าว น้ำเสียงนุ่มนวลอบอุ่น ทำให้ใจของเด็กหนุ่มรองเท้าฟางสงบลงเหมือนอาบไล้ด้วยลมวสันต์ จึงนั่งลงตามคำบอก

เขาคิดไปคิดมาก็เล่าเรื่องในอดีตของตนออกมา เสียงดังฟังชัด มีระเบียบชัดเจน

เด็กหนุ่มมีชื่อว่าซูไป๋ อายุสิบสาม มาจากชนบทที่ห่างไกลแห่งหนึ่งในแดนฐิติประจิม ครอบครัวหาเลี้ยงชีพด้วยการเพาะปลูกมาหลายรุ่น

ช่วงก่อนหน้านี้หมู่บ้านถูกอสูรปีศาจบุกโจมตี บิดามารดาของซูไป๋ก็โชคร้ายประสบเคราะห์ ตายในปากของสัตว์ปีศาจ…

หลังจากรู้เรื่องพวกนี้นัยน์ตาของหลินสวินฉายแววทอดถอนใจเสี้ยวหนึ่ง

ซูไป๋

ชื่อนี้ทำให้เขานึกถึงอวิ๋นชิ่งไป๋อีกครั้ง

ยามนี้เด็กหนุ่มรองเท้าฟางที่ชื่อว่าซูไป๋ตื่นเต้นหาใดเปรียบ เขาเข้าใจได้รางๆ ในแววตาดูเฝ้ารออย่างไม่อาจสงบ

สายตาหลินสวินจ้องมองเด็กหนุ่มกล่าว “ปีนั้นมีคนที่คล้ายเจ้ามากคนหนึ่ง แต่ยามเขาก้าวไปบนหนทางฝึกปราณกลับถูกบีบบังคับมาตลอด ชีวิตของเขาจึงเต็มไปด้วยโศกนาฏกรรมด้วยเหตุนี้”

ซูไป๋ชะงัก อดกล่าวไม่ได้ “ผู้อาวุโส ข้าไม่เหมือนเขา”

หลินสวินกล่าว “เหตุใดจึงไม่เหมือน”

ซูไป๋สูดหายใจลึก กล่าวจริงจัง “ข้า… หากข้าได้ติดตามผู้อาวุโสเพื่อฝึกปราณ จะมีแต่ความยินดีและดีใจ คนอื่นก็ไม่อาจบีบข้าให้ทำอะไรได้เช่นกัน”

หลินสวินยิ้มแล้ว นี่เป็นเด็กหนุ่มที่ฉลาดมากคนหนึ่ง

“ทำไมเจ้าถึงอยากฝึกปราณ”

หลินสวินเอ่ยปากอีกครั้ง “ข้าจะให้โอกาสเจ้าแค่สามครั้ง หากคำตอบทำให้ข้าพอใจ ข้าจะให้โอกาสเจ้ากราบอาจารย์ครั้งหนึ่ง”

ซูไป๋คึกคักขึ้นมาทันที สะท้านไปทั้งตัวด้วยความตื่นเต้นยินดี

แต่ไม่นานเขาก็สูดหายใจลึกสองสามครั้ง พยายามทำให้ตัวเองสงบลง ทั้งไม่รีบร้อนเอ่ยปาก

เขารู้ว่านี่คือการทดสอบของผู้อาวุโสหลินสวิน!

ถ้าตอบได้ดี ตั้งแต่นี้ไปจะได้เป็นมัจฉากระโดดข้ามประตูมังกร ทะยานขึ้นเหนือเมฆ

หากตอบไม่ดี สุดท้ายตัวเขา… จะเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ที่ได้แต่เบิกตามองบิดามารดาประสบเคราะห์ต่อหน้าสัตว์ปีศาจ มีแต่ความเดือดดาลและเพลิงโทสะทั่วท้อง แต่ไม่มีกำลังพอจะทำอะไรได้คนนั้น!

‘ทำไมถึงอยากฝึกปราณ’ ซูไป๋เริ่มใคร่ครวญ แววตาเหม่อลอย นึกถึงเรื่องมากมาย

นึกถึงบิดามารดาที่ลำบากตรากตรำมาตั้งแต่ตอนตนยังเด็ก แต่กลับยังถูกความยากจนข้นแค้นและโรคภัยรุมเร้าให้ใช้ชีวิตอย่างขัดสน

นึกถึงความสามารถเทียมฟ้ามากอิทธิพล ย้ายภูผาถมทะเล ประหนึ่งไม่มีสิ่งใดทำไม่ได้ของผู้ฝึกปราณพวกนั้นซึ่งนักเล่าเรื่องกล่าวถึง

และนึกถึงฝูงอสูรปีศาจนั่นที่ทำให้ตนเจ็บปวดหาใดเปรียบ นึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ถูกเซวียหย่งถากถางบนชายฝั่งทะเลหมากดารา

เซวียหย่งเคยพูดว่า ‘ไม่มีพรสวรรค์ ต่อให้พยายามไปก็เปล่าประโยชน์ บนโลกนี้ไม่เคยขาดพวกอ่อนหัดที่ตั้งปณิธานไว้สูงส่ง แต่ละคนล้วนคิดว่าความขยันสามารถซ่อมเสริมจุดบกพร่อง สวรรค์ย่อมตอบแทนคนหมั่นเพียร แต่สุดท้ายก็ยังดับมอดกลางหมู่ชน ไม่อาจเทียบกับผู้ฝึกปราณคนอื่นได้อยู่โข นี่ก็คือมหามรรค แต่ไหนแต่ไรมาล้วนโหดร้ายเช่นนี้ พวกทึ่มทื่อที่คิดจะพลิกฟ้าเปลี่ยนชะตาชีวิต แน่นอนว่าได้แต่ละเมอเพ้อพก’

แรงกระตุ้นที่เด่นชัดหาใดเปรียบผุดขึ้นในใจของเด็กหนุ่มรองเท้าฟางทันใด อยากจะแสดงภาพความวาดหวังในการฝึกปราณของตนออกมา

แต่เมื่อเห็นแววตาที่นิ่งสงบและล้ำลึกนั้นของหลินสวิน เด็กหนุ่มรองเท้าฟางก็ได้สติทันที สะกดข่มแรงกระตุ้นที่เด่นชัดนั้นลงไป

เหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมานั้นบ้างคับแค้น บ้างเดือดดาล บ้างเป็นทุกข์ และบ้างโศกเศร้า แต่สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้นานแล้ว

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หากภายหน้าตนอยากจะฝึกปราณ ก็ไม่อาจยึดติดอยู่กับอดีตเพียงอย่างเดียว!

นึกถึงตรงนี้ซูไป๋ก็เหงื่อแตกไปทั้งตัว เขารู้ว่าหากเมื่อครู่ตนบุ่มบ่ามเอ่ยคำตอบนั้นออกไป ผู้อาวุโสหลินสวินต้องผิดหวังมากแน่

จากนั้นเด็กหนุ่มรองเท้าฟางคนนี้ก็ตกสู่ห้วงคิดอีกครั้ง

เขายิ่งคิด ความรู้สึกก็ยิ่งสับสน มึนงงเหม่อลอย ไม่รู้สึกถึงความเคลื่อนคล้อยของเวลา

หลินสวินไม่รบกวนเขา ลุกขึ้นจากไปเงียบๆ

“เสี่ยวฉง ทำไมเจ้าถึงนึกอยากมาเจอข้า”

หลินสวินเจอซย่าเสี่ยวฉงบนหน้าผา เด็กสาวที่ใสซื่อไร้เดียงสา บริสุทธิ์ดั่งเครื่องแก้วคนนี้เหมือนไม่โตขึ้นเลย ยังคงมีใบหน้าเหมือนปีนั้น

เพียงแต่เปรียบเทียบกับปีนั้นแล้ว รูปโฉมของเด็กสาวลดความเยาว์วัยไปหลายส่วน และเพิ่มความงามขึ้นมามาก

“หา? ข้านึกขึ้นได้ว่าไม่เจอพี่หลินสวินมานานมากแล้ว ดังนั้นก็เลยมา”

ซย่าเสี่ยวฉงทำหน้างง ในใจคิดว่าคำถามนี้แปลกเกินไปแล้ว

หลินสวินชะงัก อดหัวเราะไม่ได้ ใช่แล้ว อยากมาก็มา ต้องมีจุดประสงค์บางอย่างจึงจะบุกป่าฝ่าดงมาโดยไม่คำนึงถึงอะไรด้วยหรือ

นี่ก็คือซย่าเสี่ยวฉง ถ้าอยากทำอะไรก็ทำตามใจปรารถนา เมื่อจิตใจไม่ด่างพร้อย กลับกลายเป็นว่าเข้าใกล้มหามรรค สอดคล้องกับเจตนารมณ์

“หากข้าไม่มา พี่หลินสวินจะไปหาข้าไหม” ซย่าเสี่ยวฉงเอ่ยถาม

หลินสวินอ้ำอึ้งไปชั่วขณะ แน่นอนว่าเขาจะพูดว่าใช่ก็ย่อมได้ แต่ยามเผชิญหน้ากับเด็กสาวที่ซื่อสัตย์จริงใจอย่างซย่าเสี่ยวฉง เขากลับไม่อยากพูดอย่างขอไปที

คิดไปคิดมาเขาก็ถอนใจกล่าว “แน่นอน แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ก็ไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่ น่าจะราว…”

ซย่าเสี่ยวฉงกล่าวเสียงกังวานอย่างดีใจ “ท่านมาก็พอแล้ว!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์