อวี่อวิ๋นเหอสีหน้าประหลาดใจ “พี่หลิน หลอมอาวุธกับวางกระบวนค่ายกลล้วนเกี่ยวข้องกับวิชาสลักวิญญาณ หรือเจ้ายังเป็นนักสลักลายมรรคคนหนึ่งด้วย”
หลินสวินไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธ เอ่ยว่า “รีบลงมือเถอะ”
อวี่อวิ๋นเหอรู้สึกประหลาดอยู่ตลอด เจ้าคนที่ร้ายกาจจนกำราบระดับราชันอริยะได้อย่างง่ายดายคนหนึ่ง ถึงกับยังสลักวิญญาณเป็นด้วยหรือ
แต่แม้ในใจกังขา อวี่อวิ๋นเหอก็ยังเคลื่อนไหวอย่างว่าง่าย
“คุณชายคิดจะรับภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการหลอมอาวุธและวางกระบวนค่ายกลทั้งหมดในห้องภารกิจไปหรือ”
ผู้ที่รับผิดชอบงานในห้องภารกิจเป็นชายชราผอมกะหร่องที่มีเคราแพะคนหนึ่ง บุคลิกน่าเกรงขาม เมื่อได้รู้จุดประสงค์ของอวี่อวิ๋นเหอก็พลันชะงักไป
อวี่อวิ๋นเหอสีหมดความอดทน “ทำไมล่ะ ไม่ได้หรือ”
ชายชราเคราแพะมีนามว่าหูหมิง เป็นคนเก่าแก่ของหอสมบัติศิลาเมฆ วัยวุฒิสูงยิ่ง เส้นสายเทียมฟ้า พลังปราณก็ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ควบคุมดูแลที่ห้องภารกิจมาโดยตลอด
แต่หลายปีมานี้เขาเพิ่งได้ยินคำขอที่น่าขันเช่นนี้เป็นครั้งแรก แทบจะสงสัยว่าอวี่อวิ๋นเหอมาหาเรื่องหรือไม่
“คุณชาย ท่านแน่ใจหรือ”
หูหมิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เอ่ยถามอย่างเข้มงวด
“ไร้สาระ เจ้าหูหนวกหรือ ต้องให้ข้าพูดอีกเป็นครั้งที่สองหรือไร”
อวี่อวิ๋นเหอไม่สบอารมณ์ ต่อหน้าหลินสวินเขาดูขี้ขลาดนัก แต่เมื่อปฏิบัติกับคนอื่น ความเย่อหยิ่งอวดดีของทายาทตระกูลชั้นสูงก็เผยออกมาทันที
หูหมิงย่อมดูออกว่าอวี่อวิ๋นเหอที่มาที่ไปไม่ธรรมดา เขายิ้มเจื่อนแล้วเอ่ยว่า “คุณชาย ท่านรู้ไหมว่าภารกิจที่เกี่ยวกับการหลอมอาวุธและวางกระบวนค่ายกลมีจำนวนนับพัน ในนั้นมีภารกิจบางอย่างที่หลายพันปีมานี้ยังไม่มีใครทำให้เสร็จสิ้นได้…”
ไม่ทันพูดจบอวี่อวิ๋นเหอก็ชักสีหน้าเอ่ยว่า “เจ้าเฒ่า เจ้าพูดจาไร้สาระเยอะจริงนะ คนอื่นทำไม่ได้แล้วเกี่ยวบ้าอะไรกับข้า! หรือจะบอกว่าเจ้าดูถูกข้า”
หูหมิงเห็นดังนี้ก็รู้ว่าปรามไม่ได้ จึงเอ่ยพึมพำว่า “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ข้าจะเตรียมภารกิจหลอมอาวุธกับวางกระบวนค่ายกลบางอย่างให้ก่อน ถ้าคุณชายทำสำเร็จ ข้าจะไม่ขัดขวางอีกแม้แต่นิดเดียว”
อวี่อวิ๋นเหอนิ่งคิด สายตามองหาหลินสวิน เห็นว่าฝ่ายหลังพยักหน้าแล้วจึงยิ้มเหี้ยมพูดกับหูหมิงว่า “ยังอึ้งหาอะไรล่ะ รีบไปเตรียมสิ”
หูหมิงมุมปากกระตุก ในใจโมโห แต่ปากกลับพูดว่า “คุณชายรอสักครู่”
เขาครุ่นคิดเล็กน้อยก็เลือกภารกิจจากจอแสงขนาดมหึมานั้นออกมาสองสามอย่างอย่างต่อเนื่อง ล้วนไม่ถือว่ายาก แต่ก็ไม่ได้ง่าย
จุดประสงค์นั้นก็ง่ายดาย คือเพื่อดูตื้นลึกหนาบางของอวี่อวิ๋นเหอ ทันทีที่ภารกิจล้มเหลว คนที่จะเสียหน้าก็ไม่ใช่หูหมิง!
ไม่นานนักบรรทัดหยกกองหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือหูหมิง เขาส่งให้อวี่อวิ๋นเหอแล้วเอ่ยว่า “ภารกิจแต่ละอย่างของคุณชายต้องมีค่าใช้จ่ายสิบผลึกมรรค ถ้าภารกิจล้มเหลวก็จะไม่คืนผลึกมรรค ขอให้ท่านรับทราบไว้ด้วย”
ความหยิ่งทระนงของอวี่อวิ๋นเหอพลันหายไปทันที ผลึกมรรคที่อยู่กับตัวเขาถูกหลินสวินเอาไปเป็นทรัพย์หลังศึกแล้วหมดแล้ว
หลินสวินเดินมาจ่ายค่ารับภารกิจให้หูหมิง
หูหมิงเอ่ยชม “ข้ารับใช้ผู้นี้ของคุณชายพอจะตามีแววอยู่บ้าง”
อวี่อวิ๋นเหิงทำตัวไม่ถูกไปครู่หนึ่ง ข้ารับใช้หรือ เจ้าหมอนี่เป็นนายท่านของระดับราชันอริยะยังได้เลย!
หลินสวินยิ้มให้ ไม่ได้อธิบายอะไร
เขารับบรรทัดหยกเหล่านั้นไป จิตรับรู้แผ่เข้าไปในบรรทัดหยกเล่มหนึ่ง
นี่เป็นภารกิจหลอมอาวุธอย่างหนึ่ง เป็นนักหลอมอาวุธคนหนึ่งประกาศไว้ว่าต้องการหลอมกระบี่บินหนึ่งเล่ม วางกระบวนผนึกลายมรรคสามพันสามร้อยชั้นบนนั้น
แต่ติดปัญหายาก วัสดุทำกระบี่บินมีพอแล้ว แต่ตอนวางกระบวนค่ายกลกลับล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในบรรทัดหยกยังกล่าวถึงชื่อกระบวนผนึกลายมรรคทั้งสามพันสามร้อยชั้นนี้มาอย่างละเอียด
เงื่อนไขของภารกิจง่ายนัก ถ้าสามารถเสนอวิธีแก้ปัญหาได้ก็จะมอบผลึกมรรคห้าร้อยก้อนเป็นค่าตอบแทน
หลินสวินมองดูแค่คร่าวๆ ก็มีหลายสิบวิธีปรากฏขึ้นในสมองในชั่วพริบตา แต่ละวิธีสามารถแก้ปัญหานี้ได้ง่ายดายทั้งนั้น
ในขณะเดียวกันหูหมิงก็เอ่ยอย่างตกใจว่า “คุณชาย ข้ารับใช้ของท่านผู้นี้รู้วิชาสลักรอยวิญญาณด้วยหรือ”
อวี่อวิ๋นเหอยิ่งทำตัวไม่ถูกไปหมด เขาจะไปกล้าเป็นเจ้านายของหลินสวินได้อย่างไร
เขาฝืนยิ้ม ไม่พูดสักแอะ
และในตอนนี้เอง หูหมิงก็สังเกตเห็นว่าพอหลินสวินมองดูบรรทัดหยกเล่มที่สอง เขาก็ยิ้มขึ้นทันทีแล้วเอ่ยว่า “บรรทัดหยกเล่มแรกเป็นประกาศของผู้อาวุโสสำนักปราณศิลาเมฆคนหนึ่ง ต้องการวางผนึกสามพันสามร้อยชั้นลงบนกระบี่บินเล่มหนึ่ง คงยากอยู่บ้าง”
เขาคิดไปตามจิตใต้สำนึกว่าหลินสวินไม่มีทางแก้ภารกิจนี้ได้
อวี่อวิ๋นเหอมองดูหลินสวินอย่างอดไม่อยู่ พอเห็นว่าฝ่ายหลังสีหน้าราบเรียบไม่มีคลื่นอารมณ์ใด ในใจก็ปลอบตัวเองอย่างห้ามไม่อยู่ ก็ถือเสียว่าเล่นสนุกเป็นเพื่อนเจ้าหมอนี่ เขามีความสุขก็ดีแล้ว ถึงอย่างไรต่อให้สุดท้ายจะล้มเหลว ที่เสียหน้าก็ไม่ใช่ตน…
“ได้แล้ว”
เพียงครู่เดียวเท่านั้นหลินสวินก็ดึงจิตรับรู้กลับมา ทำเอาอวี่อวิ๋นเหอกับหูหมิงต่างงุนงงไปหมด
“พี่หลิน พบปัญหายุ่งยากเข้าหรือไม่”
อวี่อวิ๋นเหอเห็นดังนี้ สายตาก็มองไปทางหูหมิงอย่างชั่วร้าย “เจ้าเฒ่า เจ้าจงใจเอาพวกภารกิจที่รับมือได้ยากออกมา อยากเห็นพวกเราเป็นตัวตลกใช่ไหม”
หูหมิงเอ่ยอย่างไม่ชอบใจ “คุณชาย แม้ภารกิจเหล่านี้จะไม่ง่าย แต่ก็ไม่ถึงกับยากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น คุณชายอย่างลืมสิว่าถ้าข้าไม่ปราม เกรงว่าพวกเจ้าต้องรับภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการหลอมอาวุธกับวางกระบวนค่ายกลไปหมดแน่!”
อวี่อวิ๋นเหอพูดไม่ออกในทันใด
เห็นเขาเงียบไปในใจหูหมิงก็สะใจไม่หยุด ปากยังจงใจยุแหย่ว่า “คุณชาย อย่าลืมล่ะ ผลึกมรรคที่จ่ายมาคืนไม่ได้นะ”
อวี่อวิ๋นเหอพูดอย่างหงุดหงิด “เจ้าคิดว่าคุณชายอย่างข้าขาดเงินเท่านี้หรือไ
หูหมิงยิ้มแต่ไม่พูด
“ใครว่าข้าล้มเหลวแล้วกัน”
หลินสวินเอ่ยปาก รู้สึกขบขันอยู่หน่อยๆ เขายกมือขึ้นโยนบรรทัดหยกเหล่านั้นให้หูหมิง “วิธีแก้ไขบันทึกไว้ในนั้นหมดแล้ว เจ้ารีบยืนยันจะดีที่สุด อีกเดี๋ยวพวกเราจะไปแล้ว”
หูหมิงชะงักไปทั้งอย่างนั้น สีหน้าฉงนไปหมด แทบไม่เชื่อหูตัวเอง เพียงครู่สั้นๆ เท่านั้น ภารกิจสิบกว่าอย่างก็แก้ไขได้หมดแล้วหรือ
อวี่อวิ๋นเหอก็สีหน้างุนงง หรือนี่จะเป็นเรื่องจริง
หูหมิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สังเกตบรรทัดหยกเหล่านั้นคร่าวๆ ก็พบว่าบนภารกิจแต่ละอย่างบันทึกวิธีแก้ไขไว้อย่างละเอียดแล้ว
เขาไม่กล้าร่ำไรรีบเอ่ยว่า “เด็กๆ ใช้ยันต์ส่งข่าวหมื่นลี้แจ้งผู้ประกาศภารกิจเหล่านี้ แล้วยืนยันภารกิจพวกนี้ให้ที”
คนคุ้มกันสองคนเดินเข้ามารับคำสั่งแล้วจากไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์