Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1800

สรุปบท ตอนที่ 1800 ทั้งสำนักคือมหาจักรพรรดิ คืนกำเนิดชั่วนิรันดร์: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอน ตอนที่ 1800 ทั้งสำนักคือมหาจักรพรรดิ คืนกำเนิดชั่วนิรันดร์ จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 1800 ทั้งสำนักคือมหาจักรพรรดิ คืนกำเนิดชั่วนิรันดร์ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

คืนกำเนิด นำนัยมาจาก ‘หมื่นธารากลับคืนสู่ที่มา หมื่นมรรคาคืนกำเนิด’ เต็มไปด้วยความอาจหาญ

แต่จากคำพูดของอวี่ชิงหยาง เรือนมรรคคืนกำเนิดคือหนึ่งในหกเรือนมรรคใหญ่ที่เก็บงำตนเองและลึกลับที่สุด

ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมา เรือนมรรคแห่งนี้แทบจะไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องทางโลก มีผู้สืบทอดออกมาท่องโลกน้อยมาก จนกระทั่งผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่บนโลกในปัจจุบันยังพูดถึงเรือนมรรคนี้น้อยนัก

หลินสวินก็อดประหลาดใจไม่ได้ “เรือนมรรคคืนกำเนิดหายเข้ากลีบเมฆมาหลายปีเช่นนี้ ทำไมถึงยังยืนตระหง่านอยู่ในกลุ่มหกเรือนมรรคใหญ่ได้เล่า”

อวี่ชิงหยางทอดถอนใจ “เพราะมีเพียงระดับจักรพรรดิที่รู้ว่า เรือนมรรคคืนกำเนิดเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งระดับใด”

“เล่าลือว่าในเรือนมรรคคืนกำเนิดมีผู้สืบทอดน้อยมาก แต่ทุกคนล้วนมีพลังปราณระดับจักรพรรดิ!”

ประโยคเดียวเหมือนฟ้าถล่มดินทลาย ทำให้หลินสวินแทบไม่กล้าเชื่อ

อวี่ชิงหยางกล่าว “ทั้งสำนักคือมหาจักรพรรดิ คืนกำเนิดชั่วนิรันดร์! ประโยคนี้ถูกกาลเวลาอันเนิ่นนานพิสูจน์มานานแล้ว”

“น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว…”

หลินสวินสูดหายใจเย็นเยียบ

อวี่ชิงหยางยิ้มกล่าว “บางทีนี่อาจเป็นสาเหตุที่ผู้สืบทอดของเรือนมรรคคืนกำเนิดมีน้อยมาก หากมีผู้สืบทอดเพิ่มขึ้นคงไม่มีทางเป็นระดับจักรพรรดิได้หมดแน่”

หลินสวินบื้อใบ้ไป

“เรือนมรรคคืนกำเนิดนี้ก็อยู่ที่โลกใหญ่หงเหมิงหรือ” เขาอดถามไม่ได้

อวี่ชิงหยางพยักหน้า “ใช่ ต่างจากห้าเรือนมรรคใหญ่อื่นๆ เรือนมรรคคืนกำเนิดแยกตัวออกจากทางโลกมานานแล้ว บนโลกนี้ไม่มีใครรู้สถานที่ตั้งประตูเขาของพวกเขา พูดเปรียบเทียบกันแล้ว เรือนมรรคคืนกำเนิดยังลึกลับกว่าแดนเจินหลงและโลกมืดอยู่บ้าง”

พูดถึงตรงนี้อวี่ชิงหยางก็อดทอดถอนใจไม่ได้ “ทั้งสำนักคือมหาจักรพรรดิ แต่กลับเก็บงำตนเอง ละทางโลกไม่ออกมาเช่นนี้ นี่จึงกลายเป็นปริศนาอย่างหนึ่งบนทางเดินโบราณฟ้าดารา จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าเหตุใดเรือนมรรคคืนกำเนิดถึงทำเช่นนี้”

อวี่ชิงหยางเป็นถึงระดับจักรพรรดิคนหนึ่ง หากแม้แต่เขายังทอดถอนใจเช่นนี้ แค่คิดก็รู้แล้วว่าเรือนมรรคคืนกำเนิดนี้ลึกลับเพียงใด

ทั้งสองคนคุยกันนานมาก หลินสวินก็ค่อยๆ เข้าใจเรื่องบางอย่าง

นับแต่โบราณมาทางเดินโบราณฟ้าดาราแบ่งเป็นสามยุคสมัย

ดึกดำบรรพ์ บรรพกาล ปัจจุบัน!

ก่อนหน้ายุคดึกดำบรรพ์คือยุคหงเหมิงแรกกำเนิด

สมัยดึกดำบรรพ์คงอยู่มาแสนปี หลังจากนั้นก็เป็นสมัยบรรพกาล

และถัดจากสมัยบรรพกาลถึงตอนนี้ก็เป็นยุคปัจจุบัน ได้ผ่านมานานเกือบแสนปีแล้ว…

เมื่อพูดถึงเรื่องเล็กน้อยนี้ อวี่ชิงหยางพลันใจกระตุกกล่าว “เมื่อนานมาแล้ว บุคคลระดับบรรพจารย์มรรคคนหนึ่งในเรือนมรรคโลกาสวรรค์เคยอนุมานว่า ทุกแสนปีใต้หล้านี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกดิน สับเปลี่ยนใหม่เก่า สรรพสิ่งหมุนเวียนเป็นวัฏจักร เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยมีมาก่อน”

“อย่างตอนที่ยุคดึกดำบรรพ์สิ้นสุดก็เคยเกิด ‘ศึกมรรคสิบทิศ’ กระเทือนไปทั่วทางเดินโบราณฟ้าดารา ตั้งแต่นั้นมาก็เข้าสู่สมัยบรรพกาล”

“จริงสิ เหมือนอย่างดินแดนรกร้างโบราณ เดิมทีก็เป็นแดนต้นกำเนิดหมื่นมรรคา แต่ด้วยผ่านศึกมรรคสิบทิศมาจึงตกต่ำลงไปเช่นกัน”

ฟังถึงตรงนี้นัยน์ตาของหลินสวินพลันหดรัด

ศึกมรรคสิบทิศ!

ดินแดนรกร้างโบราณที่กว้างใหญ่นั้น ถึงกับตกต่ำลงไปด้วยศึกนี้หรือ

หลินสวินนึกถึง ‘สามด่านเคราะห์ต้องห้าม’ ที่ปกคลุมอยู่บนดินแดนรกร้างโบราณนั้นขึ้นมาในชั่วพริบตา

เคราะห์พิฆาตมรรค ทำให้สรรพชีวิตในดินแดนรกร้างโบราณเสียโอกาสที่จะแจ้งมรรคกลายเป็นจักรพรรดิ

เคราะห์กักขัง ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในดินแดนรกร้างโบราณไร้หนทางไปสู่โลกภายนอก ทั้งดินแดนรกร้างโบราณประหนึ่งกลายเป็นกรงขัง

เคราะห์ตัดขาด ทำให้ดินแดนรกร้างโบราณสูญเสียมกุฎมรรคาไป!

สามด่านเคราะห์ต้องห้าม ก็เหมือนเครื่องพันธนาการที่ทบเป็นชั้นๆ ครอบคลุมอยู่เหนือดินแดนรกร้างโบราณมาตั้งแต่สมัยบรรพกาลถึงปัจจุบัน!

ต่อมาตอนที่อยู่ในป่าต้นหม่อน หลินสวินเคยคุยเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสามด่านเคราะห์ต้องห้ามกับชายหนุ่มจักจั่นทอง

จากคำพูดของศิษย์พี่เก่ออวี้ผู นี่คือ ‘การต่อสู้ของสำนัก’ เรื่องภายในนั้นซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง

ถึงตอนนี้ในที่สุดหลินสวินก็รู้ชัดว่าสามยุคสมัยใหญ่อย่างดึกดำบรรพ์ บรรพกาล ปัจจุบันแบ่งกันอย่างไร ก่อนที่แต่ละยุคจะปิดฉาก ล้วนผ่านการเคลื่อนคล้อยของเวลาหนึ่งแสนปี ล้วนปิดฉากด้วยศึกมรรคที่กระเทือนทั้งใต้หล้า

ศึกมรรคสิบทิศแห่งดึกดำบรรพ์!

ศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิแห่งบรรพกาล!

“ผู้อาวุโส เมื่อครู่ท่านบอกว่าทุกหนึ่งแสนปีใต้หล้านี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกดิน สรรพสิ่งหมุนเวียนเป็นวัฏจักร สับเปลี่ยนใหม่เก่าหรือ”

หลินสวินใจกระตุกเล็กน้อย

อวี่ชิงหยางพยักหน้า สีหน้าเผยแววลึกลับ “ไม่ผิด ในช่วงปัจจุบันมาถึงวันนี้ อย่างมากก็อีกไม่เกินหนึ่งพันปีจะครบแสนปีแล้ว… สหายน้อยคิดว่าเมื่อวันนั้นมาถึง จะเกิดศึกใหญ่ที่เหมือนศึกมรรคสิบทิศ และศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิหรือไม่”

ในใจหลินสวินสั่นสะท้าน สีหน้าดูซับซ้อน

หลังจากนี้หนึ่งพันปี ยุคปัจจุบันจะคงอยู่ครบแสนปี?

“แน่นอนว่านี่เป็นแค่การคาดเดาบางส่วนของข้าเท่านั้น จะเกิดเหตุการณ์อย่างที่บรรพจารย์มรรคของเรือนมรรคโลกาสวรรค์คนนั้นอนุมานไว้หรือไม่ ทุกอย่างล้วนยังพูดลำบาก”

อวี่ชิงหยางกล่าวเนิบช้า

เขาพูดพลางยกจอกสุรา ร่วมดื่มกับหลินสวินอีกครั้ง

เมื่อคุยเรื่องความลับพวกนี้จบ อวี่ชิงหยางเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ “สหายน้อย ในเมื่อเจ้ามาแล้วก็อยู่ต่ออีกหน่อยเถอะ ข้าเห็นว่าเจ้าใกล้จะทะลวงปราณแล้ว ตอนนี้มีวาสนาอย่างหนึ่งที่เหมาะกับเจ้ามาก”

หลินสวินชะงักไป “วาสนาหรือ”

อวี่ชิงหยางกล่าว “อีกไม่ถึงหนึ่งเดือนแดนลับต้าอวี่ก็จะเปิดออก ถึงตอนนั้นยอดบุคคลของเก้าโลกใหญ่ในเขตแดนดาราจื่อเหิงนี้จะมาเข้าร่วมกันหมด ทั้งหมดก็เพื่อแย่งชิงวาสนาอย่างหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการสร้าง ‘ฐานมรรคของราชันอริยะ’ ที่อยู่ในแดนลับต้าอวี่”

…………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์