ดวงตาดำของหลินสวินเย็นชา กวาดมองไปทั้งที่นั้น “ทั้งอยากรอดชีวิต ทั้งอยากไม่จ่ายค่าตอบแทนด้วย ใต้หล้านี้มีเรื่องสะดวกสบายเช่นนี้เสียที่ไหน”
ทุกคนสีหน้าแปรเปลี่ยนไม่หยุด
ขวับ!
จู่ๆ ลี่โยวก็ผุดลุกขึ้น ขยี้ยันต์มรรคชิ้นหนึ่งให้กระจุย แสงเทพเปล่งประกายสายหนึ่งปกคลุมตัวเขา หายลับไปกลางอากาศ
ห้วงอากาศเคลื่อนที่ และยังเกิดคลื่นพลังขึ้น
แต่ภายใต้พลังยันต์มรรคนี้ที่ปกคลุม ราชันอริยะผู้นี้ก็หายลับไปกลางอากาศด้วย ไม่หลงเหลือร่องรอยใดๆ ไว้ในห้วงอากาศแม้แต่นิดเดียว
“ยันต์ไร้ลับห้วงอากาศ”
มีคนจำได้แล้ว
สมบัติเช่นนี้มีเพียงบุคคลระดับจักรพรรดิถึงหลอมออกมาได้ ขัดขืนการกีดกั้นของกฎเกณฑ์ห้วงอากาศ เป็นดั่งค่ายกลเคลื่อนย้ายขนาดเล็กค่ายหนึ่ง สามารถหายตัวได้ในชั่วพริบตา ไม่ดึงดูดคลื่นพลังใดๆ ล้ำค่าหาใดเทียบ
“นี่เป็นถึงโลกที่ปกคลุมด้วยกระบวนผนึกลายมรรคกระบวนหนึ่ง… หนีพ้นได้หรือ…”
หลินสวินสะบัดแขนเสื้อ
เปรี้ยง!
กลางกระบวนผนึกลายมรรคเป็นชั้นๆ ที่อยู่ไกลออกไปนั้นมีแสงเทพคับฟ้า อักขระฉายวาบ
เสียงร้องโหยหวนเสียงหนึ่งดังตามมาติดๆ…
“ไม่…!”
นั่นคือเสียงคำรามของลี่โยว เต็มไปด้วยความหวาดผวาและสิ้นหวัง แต่ไม่นานนักเสียงก็เงียบลงฉับพลัน ไม่มีการเคลื่อนไหวอีก
ขณะนี้พวกชื่อหลิงจื่อสั่นสะท้านไปทั้งตัว หนาวยะเยือกโดยสมบูรณ์
พวกเขาเพิ่งรู้ว่าหลินสวินไม่เพียงสามารถพุ่งฝ่ากระบวนผนึกลายมรรคหลายชั้นได้อย่างง่ายดาย กลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่มาถึงหน้าตำหนักเทพจักรพรรดิอวี่เป็นคนแรก
เขายังควบคุมกระบวนผนึกลายมรรคที่ปกคลุมที่นี้อยู่หลายชั้นนั้นได้อีกด้วย!
ถ้าอยู่ที่อื่น อาศัยยันต์ไร้ลับห้วงอากาศลี่โยวจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างปลอดภัย แต่ตอนนี้เขากลับประสบเคราะห์แล้ว
ชั่วขณะเดียวทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ไม่มีความคิดว่าจะโชคดีรอดไปได้อีก พากันส่งสมบัติทั้งหมดที่อยู่กับตัวออกมา
“ไม่ทราบว่า… ข้าน้อยจะขอทราบชื่อเสียงเรียงนามของสหายยุทธ์ได้หรือไม่”
ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุ่ยปี้อวิ๋นก็ยังถามออกไปอยู่ดี
หลินสวินเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ทำไมหรือ อยากจำชื่อข้าไว้เพื่อจะได้แก้แค้นให้สาสมในภายหน้าหรือ”
สุ่ยปี้อวิ๋นสีหน้าแข็งทื่อ รีบร้อนส่ายหัว “มิกล้า สหายยุทธ์ใจกว้างให้อภัยพวกข้าได้ เป็นความกรุณาใหญ่เท่าฟ้าแล้ว”
“หลินเต้ายวน”
หลินสวินบอกชื่อมรรคของตนออกไป
เขาไม่ได้กลัวว่าจะถูกคนจดจำความแค้น หลังออกจากแดนลับต้าอวี่เขาก็จะออกไปจากโลกนี้ ถึงตอนนั้นฟ้าดารากว้างใหญ่ไพศาล ต่อให้ขุมอำนาจที่หนุนหลังเจ้าพวกนี้อยากแก้แค้นก็เกรงว่าจะไม่ง่าย
“ที่แท้ก็ไม่ใช่คนผู้นั้น…”
สุ่ยปี้อวิ๋นเหมือนจะอึ้งงันไป และคล้ายผิดหวังอยู่บ้าง
“ใคร”
หลินสวินเอ่ย
“สหายมรรคฝีมือล้ำเลิศ พลังต่อสู้ไร้ผู้ใดเทียบเทียม ก่อนหน้านี้ข้าน้อยเกือบคิดว่าสหายยุทธ์ก็คือหลินสวินที่อยู่อันดับหนึ่งของกระดานมหาอริยะฟ้าดาราในตอนนี้”
สุ่ยปี้อวิ๋นตอบตามความจริง
หลินสวิน!
ชื่อเดียวเท่านั้นกลับทำทุกคนที่อยู่ที่นั่นนัยน์ตาหดรัด นั่นเป็นถึงพวกร้ายกาจไร้ทัดเทียมที่ฆ่าคนจนเลือดไหลเป็นสายน้ำ สังหารผู้สืบทอดหกเรือนมรรคใหญ่และสิบเผ่านักรบใหญ่จนเชิดหน้าขึ้นไม่ได้ที่แหล่งสถานคุนหลุน!
บนทางเดินโบราณฟ้าดาราตอนนี้ ใครไม่รู้จักชื่อเสียงอันดุร้ายของหลินสวินบ้าง
เพียงแต่พวกเขาไม่คิดว่าหลินสวินนั่นจะแข็งแกร่งเท่าหลินเต้ายวนที่อยู่ตรงหน้า ถึงอย่างไรต่อให้หลินสวินแข็งแกร่งเพียงไหน ที่ฆ่าได้ก็เป็นเพียงมกุฎมหาอริยะ
แต่หลินเต้ายวนคนนี้ สังหารราชันอริยะยังง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ!
การรับรู้ไปตามจิตใต้สำนึกเช่นนี้ทำให้ตั้งแต่เริ่มจนจบ ใครก็ไม่โยงหลินสวินกับหลินเต้ายวนไว้ด้วยกัน
มีเพียงตัวหลินสวินเองที่รู้สึกแปลกอยู่ในใจไปครู่หนึ่ง
สุดท้ายหลินสวินก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนลำบากใจ ชี้ไปไกลๆ ให้พวกเขาออกไป
พวกชื่อหลิงจื่อเหมือนได้รับอภัยโทษ ล้วนรีบลากร่างกายที่บาดเจ็บสาหัสจากไป คล้ายกลัวว่าหลินสวินจะเปลี่ยนใจ
จนกระทั่งเงาร่างของพวกเขาหายลับไป หลินสวินถึงหันหลังมองไปยังตำหนักเทพจักรพรรดิอวี่แล้วเอ่ยว่า “ยังนิ่งอึ้งหาอะไร รีบหยั่งรู้เข้าสิ”
พวกอวี่อวิ๋นเหอที่เดิมสั่นสะท้านอยู่ต่างเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน พยักหน้าอย่างต่อเนื่องแล้วเริ่มเคลื่อนไหว
ด้านหลินสวินถือโอกาสนี้พักผ่อน จัดการทรัพย์หลังศึกที่เพิ่งได้มาเมื่อกี้
สมบัติอริยะที่มีคุณลักษณะแตกต่างกันไปหลายสิบชิ้น เช่นโอสถเทพกับวัตถุดิบเทพที่กองเป็นภูเขาลูกย่อมๆ ยาลูกกลอนหลายไหหลายขวด และสมบัติมหัศจรรย์ที่ส่องแสงสดใสต่างๆ…
ปริมาณและราคาของสิ่งที่ได้มายากประเมินได้แล้ว
ของเก็บเกี่ยวที่เป็นรูปธรรมที่สุดย่อมเป็นจำนวนของผลึกมรรค รวมกันมีมากกว่าสามล้านก้อน ทำให้หลินสวินทอดถอนใจไปครู่หนึ่ง คนเราถ้าไม่มีรายได้ที่เหนือความคาดหมายเข้ามาย่อมไม่มีทางร่ำรวยจริงๆ นะ…
แต่พอคิดดูก็ต้องปล่อยวาง เพราะพวกชื่อหลิงจื่อล้วนเป็นผู้กล้าของโลกหนึ่ง ฐานะสูงส่ง พื้นฐานครอบครัวก็ย่อมร่ำรวยเหลือกินเหลือใช้
“หยั่งถึงแล้ว ข้าหยั่งถึงแล้ว!”
ทันใดนั้นอวี่อวิ๋นเหอก็ร้องเสียงดัง สีหน้าตื่นเต้นระริกระรี้ “ที่แท้สิ่งที่จักรพรรดิอวี่ซ่อนไว้ในแผนภาพเก้ากระถางป้องกันน้ำก็คือมรดกที่บรรพบุรุษตระกูลข้าทิ้งไว้!”
ข้างๆ กันอวี่อวิ๋นเฟิงกับอวี่อวิ๋นหลงต่างลืมตาขึ้น สีหน้าผิดหวังและอิจฉายากปิดบัง
เป็นทายาทตระกูลอวี่เหมือนกัน แต่มรดกต้นตระกูลเช่นนี้กลับไม่มีวาสนากับพวกเขา…
หลินสวินยังประหลาดใจอย่างอดไม่ได้
“พี่หลิน จะชักช้าไม่ได้ พวกเราเข้าไปในตำหนักด้วยกันเถอะ”
อวี่อวิ๋นเหอเอ่ย
“ได้”
หลินสวินพยักหน้า ทุกคนเคลื่อนไหว ผลักประตูเบาๆ ประตูใหญ่ของตำหนักสูงตระหง่านเก่าแก่นั้นก็เปิดออกช้าๆ ต่อหน้าพวกเขา
……
นอกเทือกเขาเก้ากระถาง
“ไพร่พลบาดเจ็บล้มตาย คว้าน้ำเหลวกลับมา คราวนี้… เสียซ้ำเสียซ้อนจริงๆ…”
พวกชื่อหลิงจื่อ สุ่ยปี้อวิ๋นสบตากัน ต่างเห็นแววขมขื่นในดวงตาของอีกฝ่าย
ความรู้สึกเสียใจ โกรธเกรี้ยวและแค้นเคืองเหมือนแผ่ขยายเดือดพล่านในใจพวกเขา ทำให้สีหน้าของพวกเขาแปรผันไม่ว่างเว้น
เดิมนึกว่าเป็นการชิงชัยของเหล่าผู้กล้าชั้นยอดของเก้าโลกใหญ่ ใครจะคิดได้ว่าดันมีพวกร้ายกาจอย่างหลินสวินโผล่มาด้วย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์