Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1807

สรุปบท ตอนที่ 1807 มกุฎราชันอริยะเฟิงหรูเสวี่ย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปตอน ตอนที่ 1807 มกุฎราชันอริยะเฟิงหรูเสวี่ย – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

ตอน ตอนที่ 1807 มกุฎราชันอริยะเฟิงหรูเสวี่ย ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ดวงตาดำของหลินสวินเย็นชา กวาดมองไปทั้งที่นั้น “ทั้งอยากรอดชีวิต ทั้งอยากไม่จ่ายค่าตอบแทนด้วย ใต้หล้านี้มีเรื่องสะดวกสบายเช่นนี้เสียที่ไหน”

ทุกคนสีหน้าแปรเปลี่ยนไม่หยุด

ขวับ!

จู่ๆ ลี่โยวก็ผุดลุกขึ้น ขยี้ยันต์มรรคชิ้นหนึ่งให้กระจุย แสงเทพเปล่งประกายสายหนึ่งปกคลุมตัวเขา หายลับไปกลางอากาศ

ห้วงอากาศเคลื่อนที่ และยังเกิดคลื่นพลังขึ้น

แต่ภายใต้พลังยันต์มรรคนี้ที่ปกคลุม ราชันอริยะผู้นี้ก็หายลับไปกลางอากาศด้วย ไม่หลงเหลือร่องรอยใดๆ ไว้ในห้วงอากาศแม้แต่นิดเดียว

“ยันต์ไร้ลับห้วงอากาศ”

มีคนจำได้แล้ว

สมบัติเช่นนี้มีเพียงบุคคลระดับจักรพรรดิถึงหลอมออกมาได้ ขัดขืนการกีดกั้นของกฎเกณฑ์ห้วงอากาศ เป็นดั่งค่ายกลเคลื่อนย้ายขนาดเล็กค่ายหนึ่ง สามารถหายตัวได้ในชั่วพริบตา ไม่ดึงดูดคลื่นพลังใดๆ ล้ำค่าหาใดเทียบ

“นี่เป็นถึงโลกที่ปกคลุมด้วยกระบวนผนึกลายมรรคกระบวนหนึ่ง… หนีพ้นได้หรือ…”

หลินสวินสะบัดแขนเสื้อ

เปรี้ยง!

กลางกระบวนผนึกลายมรรคเป็นชั้นๆ ที่อยู่ไกลออกไปนั้นมีแสงเทพคับฟ้า อักขระฉายวาบ

เสียงร้องโหยหวนเสียงหนึ่งดังตามมาติดๆ…

“ไม่…!”

นั่นคือเสียงคำรามของลี่โยว เต็มไปด้วยความหวาดผวาและสิ้นหวัง แต่ไม่นานนักเสียงก็เงียบลงฉับพลัน ไม่มีการเคลื่อนไหวอีก

ขณะนี้พวกชื่อหลิงจื่อสั่นสะท้านไปทั้งตัว หนาวยะเยือกโดยสมบูรณ์

พวกเขาเพิ่งรู้ว่าหลินสวินไม่เพียงสามารถพุ่งฝ่ากระบวนผนึกลายมรรคหลายชั้นได้อย่างง่ายดาย กลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่มาถึงหน้าตำหนักเทพจักรพรรดิอวี่เป็นคนแรก

เขายังควบคุมกระบวนผนึกลายมรรคที่ปกคลุมที่นี้อยู่หลายชั้นนั้นได้อีกด้วย!

ถ้าอยู่ที่อื่น อาศัยยันต์ไร้ลับห้วงอากาศลี่โยวจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างปลอดภัย แต่ตอนนี้เขากลับประสบเคราะห์แล้ว

ชั่วขณะเดียวทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ไม่มีความคิดว่าจะโชคดีรอดไปได้อีก พากันส่งสมบัติทั้งหมดที่อยู่กับตัวออกมา

“ไม่ทราบว่า… ข้าน้อยจะขอทราบชื่อเสียงเรียงนามของสหายยุทธ์ได้หรือไม่”

ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุ่ยปี้อวิ๋นก็ยังถามออกไปอยู่ดี

หลินสวินเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ทำไมหรือ อยากจำชื่อข้าไว้เพื่อจะได้แก้แค้นให้สาสมในภายหน้าหรือ”

สุ่ยปี้อวิ๋นสีหน้าแข็งทื่อ รีบร้อนส่ายหัว “มิกล้า สหายยุทธ์ใจกว้างให้อภัยพวกข้าได้ เป็นความกรุณาใหญ่เท่าฟ้าแล้ว”

“หลินเต้ายวน”

หลินสวินบอกชื่อมรรคของตนออกไป

เขาไม่ได้กลัวว่าจะถูกคนจดจำความแค้น หลังออกจากแดนลับต้าอวี่เขาก็จะออกไปจากโลกนี้ ถึงตอนนั้นฟ้าดารากว้างใหญ่ไพศาล ต่อให้ขุมอำนาจที่หนุนหลังเจ้าพวกนี้อยากแก้แค้นก็เกรงว่าจะไม่ง่าย

“ที่แท้ก็ไม่ใช่คนผู้นั้น…”

สุ่ยปี้อวิ๋นเหมือนจะอึ้งงันไป และคล้ายผิดหวังอยู่บ้าง

“ใคร”

หลินสวินเอ่ย

“สหายมรรคฝีมือล้ำเลิศ พลังต่อสู้ไร้ผู้ใดเทียบเทียม ก่อนหน้านี้ข้าน้อยเกือบคิดว่าสหายยุทธ์ก็คือหลินสวินที่อยู่อันดับหนึ่งของกระดานมหาอริยะฟ้าดาราในตอนนี้”

สุ่ยปี้อวิ๋นตอบตามความจริง

หลินสวิน!

ชื่อเดียวเท่านั้นกลับทำทุกคนที่อยู่ที่นั่นนัยน์ตาหดรัด นั่นเป็นถึงพวกร้ายกาจไร้ทัดเทียมที่ฆ่าคนจนเลือดไหลเป็นสายน้ำ สังหารผู้สืบทอดหกเรือนมรรคใหญ่และสิบเผ่านักรบใหญ่จนเชิดหน้าขึ้นไม่ได้ที่แหล่งสถานคุนหลุน!

บนทางเดินโบราณฟ้าดาราตอนนี้ ใครไม่รู้จักชื่อเสียงอันดุร้ายของหลินสวินบ้าง

เพียงแต่พวกเขาไม่คิดว่าหลินสวินนั่นจะแข็งแกร่งเท่าหลินเต้ายวนที่อยู่ตรงหน้า ถึงอย่างไรต่อให้หลินสวินแข็งแกร่งเพียงไหน ที่ฆ่าได้ก็เป็นเพียงมกุฎมหาอริยะ

แต่หลินเต้ายวนคนนี้ สังหารราชันอริยะยังง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ!

การรับรู้ไปตามจิตใต้สำนึกเช่นนี้ทำให้ตั้งแต่เริ่มจนจบ ใครก็ไม่โยงหลินสวินกับหลินเต้ายวนไว้ด้วยกัน

มีเพียงตัวหลินสวินเองที่รู้สึกแปลกอยู่ในใจไปครู่หนึ่ง

สุดท้ายหลินสวินก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนลำบากใจ ชี้ไปไกลๆ ให้พวกเขาออกไป

พวกชื่อหลิงจื่อเหมือนได้รับอภัยโทษ ล้วนรีบลากร่างกายที่บาดเจ็บสาหัสจากไป คล้ายกลัวว่าหลินสวินจะเปลี่ยนใจ

จนกระทั่งเงาร่างของพวกเขาหายลับไป หลินสวินถึงหันหลังมองไปยังตำหนักเทพจักรพรรดิอวี่แล้วเอ่ยว่า “ยังนิ่งอึ้งหาอะไร รีบหยั่งรู้เข้าสิ”

พวกอวี่อวิ๋นเหอที่เดิมสั่นสะท้านอยู่ต่างเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน พยักหน้าอย่างต่อเนื่องแล้วเริ่มเคลื่อนไหว

ด้านหลินสวินถือโอกาสนี้พักผ่อน จัดการทรัพย์หลังศึกที่เพิ่งได้มาเมื่อกี้

สมบัติอริยะที่มีคุณลักษณะแตกต่างกันไปหลายสิบชิ้น เช่นโอสถเทพกับวัตถุดิบเทพที่กองเป็นภูเขาลูกย่อมๆ ยาลูกกลอนหลายไหหลายขวด และสมบัติมหัศจรรย์ที่ส่องแสงสดใสต่างๆ…

ปริมาณและราคาของสิ่งที่ได้มายากประเมินได้แล้ว

ของเก็บเกี่ยวที่เป็นรูปธรรมที่สุดย่อมเป็นจำนวนของผลึกมรรค รวมกันมีมากกว่าสามล้านก้อน ทำให้หลินสวินทอดถอนใจไปครู่หนึ่ง คนเราถ้าไม่มีรายได้ที่เหนือความคาดหมายเข้ามาย่อมไม่มีทางร่ำรวยจริงๆ นะ…

แต่พอคิดดูก็ต้องปล่อยวาง เพราะพวกชื่อหลิงจื่อล้วนเป็นผู้กล้าของโลกหนึ่ง ฐานะสูงส่ง พื้นฐานครอบครัวก็ย่อมร่ำรวยเหลือกินเหลือใช้

“หยั่งถึงแล้ว ข้าหยั่งถึงแล้ว!”

ทันใดนั้นอวี่อวิ๋นเหอก็ร้องเสียงดัง สีหน้าตื่นเต้นระริกระรี้ “ที่แท้สิ่งที่จักรพรรดิอวี่ซ่อนไว้ในแผนภาพเก้ากระถางป้องกันน้ำก็คือมรดกที่บรรพบุรุษตระกูลข้าทิ้งไว้!”

ข้างๆ กันอวี่อวิ๋นเฟิงกับอวี่อวิ๋นหลงต่างลืมตาขึ้น สีหน้าผิดหวังและอิจฉายากปิดบัง

เป็นทายาทตระกูลอวี่เหมือนกัน แต่มรดกต้นตระกูลเช่นนี้กลับไม่มีวาสนากับพวกเขา…

หลินสวินยังประหลาดใจอย่างอดไม่ได้

“พี่หลิน จะชักช้าไม่ได้ พวกเราเข้าไปในตำหนักด้วยกันเถอะ”

อวี่อวิ๋นเหอเอ่ย

“ได้”

หลินสวินพยักหน้า ทุกคนเคลื่อนไหว ผลักประตูเบาๆ ประตูใหญ่ของตำหนักสูงตระหง่านเก่าแก่นั้นก็เปิดออกช้าๆ ต่อหน้าพวกเขา

……

นอกเทือกเขาเก้ากระถาง

“ไพร่พลบาดเจ็บล้มตาย คว้าน้ำเหลวกลับมา คราวนี้… เสียซ้ำเสียซ้อนจริงๆ…”

พวกชื่อหลิงจื่อ สุ่ยปี้อวิ๋นสบตากัน ต่างเห็นแววขมขื่นในดวงตาของอีกฝ่าย

ความรู้สึกเสียใจ โกรธเกรี้ยวและแค้นเคืองเหมือนแผ่ขยายเดือดพล่านในใจพวกเขา ทำให้สีหน้าของพวกเขาแปรผันไม่ว่างเว้น

เดิมนึกว่าเป็นการชิงชัยของเหล่าผู้กล้าชั้นยอดของเก้าโลกใหญ่ ใครจะคิดได้ว่าดันมีพวกร้ายกาจอย่างหลินสวินโผล่มาด้วย!

จะลงมือเพราะเรื่องเล็กแค่นี้หรือ

เว้นแต่ว่าหลินสวินเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขา ถึงอาจจะดึงดูดให้บุคคลระดับจักรพรรดิหมายตาและลงมือ

เมื่อเห็นว่าหนานชิวยังกระวนกระวาย อวี่ชิงหยางก็หัวเราะอย่างอดไม่ได้ สายตามองไปที่เวิ้งฟ้าไกลออกไป เอ่ยเบาๆ ว่า “อีกอย่าง ไม่ใช่ยังมีข้าอยู่หรือ…”

ประโยคอันผ่อนคลายสบายใจ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นพูดออกมาอาจจะไม่หนักแน่นเท่าไร

แต่เมื่อคำพูดนี้มาจาก ‘จักรพรรดิดาบชิงหยาง’ ที่เคยสะเทือนฟ้าดารา กดข่มโลกมาแปดพันปี น้ำหนักย่อมเพียงพอจะทำให้ทั้งโลกสั่นสะเทือนได้!

หนานชิวจึงใจชื้นขึ้นเล็กน้อย พ่นลมหายใจออกมา

……

หอกระบี่ดาราเลิศ

สำนักอันดับหนึ่งในโลกต้าอวี่

เรื่องที่เกิดขึ้นในแดนลับต้าอวี่ก็แพร่กระจายมาถึงหอกระบี่ดาราเลิศทันที ชั่วขณะเดียวก็ก่อให้เกิดแรงสะเทือนมากมาย

สาเหตุก็เพราะคราวนี้บุคคลชั้นยอดของเก้าโลกใหญ่ไม่ได้เคลื่อนไหวเพียงลำพัง แต่มีรุ่นอาวุโสในสำนักของพวกเขา หรือผู้อาวุโสในตระกูลประกบไปด้วย

ขณะนี้คนใหญ่คนโตจากยอดขุมอำนาจเก้าโลกใหญ่เหล่านี้ต่างรวมตัวกันอยู่ในหอกระบี่ดาราเลิศ ประชุมกันในโถงใหญ่ห้องหนึ่ง

“หลินเต้ายวนหรือ มกุฎมหาอริยะคนหนึ่งที่สังหารราชันอริยะได้หรือ บนโลกนี้ยังมีคนเย้ยฟ้าปานนี้ด้วยหรือ”

มีคนตกตะลึง

“ไม่ว่าเขาเป็นใคร กล้าลงมืออย่างร้ายกาจกับคนรุ่นเยาว์ที่อยู่ข้างกายพวกเราเช่นนี้ ต้องตาย!”

มีคนโกรธเคือง

“เผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่ว่าอย่างไร”

มีคนนิ่วหน้าพึมพำ

“พวกเขาบอกว่าหลินเต้ายวนคนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลอวี่ ให้พวกเราไม่ต้องเกรงกลัว ลงมือได้เต็มที่เลย…”

เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนี้ คนใหญ่คนโตหลายคนก็ชะงัก

“อะไรนะ”

“ตระกูลอวี่นี่คิดอะไรอยู่ ห่วงว่าพวกเราจะเอาไฟโทสะไประบายกับพวกเขาเลยทิ้งเกวียนรักษาแม่ทัพหรือ”

ชั่วขณะหนึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็เซ็งแซ่

“ทุกท่านค่อยๆ คุยกัน ข้าขอออกไปสักหน่อย”

ทันใดนั้นชายหนุ่มที่เสื้อผ้าและเครื่องหัวขาวปลอด ผมสีขาวโพลนทั้งหัวคนหนึ่งก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องโถง

บรรยากาศในห้องโถงพลันเงียบสงัด เสียงสนทนาหายไป เงียบงันไร้เสียง

เฟิงหรูเสวี่ย!

ระดับมกุฎราชันอริยะซึ่งไม่เป็นสองรองใครในโลกใหญ่คมทอง ทั้งยังเป็นผู้ฝึกกระบี่ชั้นเลิศที่ท่องไปในโลกด้วยกระบี่มาสามพันปี ไม่เคยแพ้แม้แต่ครั้งเดียว!

ไม่ว่าผู้ใดได้พบเขาก็เหมือนได้เห็นกระบี่เทพที่ลอยสูงเหนือเวิ้งฟ้าเล่มหนึ่ง ประกายคมดั่งสุริยัน สาดฉายเจิดจ้าในโลกา

เมื่อเห็นเฟิงหรูเสวี่ยที่แต่งกายชุดขาวทั้งตัวจากไปเพียงลำพัง เหล่าคนใหญ่คนโตที่มาจากเก้าโลกใหญ่ในโถงนั้นก็สีหน้าแตกต่างกันไป

ในใจพวกเขาต่างรู้ดี ว่าเฟิงหรูเสวี่ยเคลื่อนไหวครั้งนี้เพื่อฆ่าคน!

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์