วู้ม…
ต้นแบบเขตแดนมรรคที่ประหนึ่งแดนแรกกำเนิดกำลังควบรวมอยู่เบื้องหน้าหลินสวิน บ้างกลายเป็นหุบเหวใหญ่ที่ลึกไร้ก้น บ้างกลายเป็นเตาหลอมจิตที่คงกระพันไม่เสื่อมสูญ…
กฎเกณฑ์มหามรรคไร้ที่เปรียบดุจดั่งสายโซ่เทพก็ไม่ปาน ไหวเคลื่อนพริบวาบอยู่ภายใน
ดับดารากลืนกิน เจินหลง น้ำไฟ ไร้มรณะ ยอดเอกอุ… ปรากฏลักษณ์ประหลาดต่างๆ นานาที่งดงามไร้ระเบียบ ความยิ่งใหญ่ของกลิ่นอายที่แผ่ออกมาถึงขั้นสามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งรุ่นเดียวกันสิ้นหวัง!
ภายในห้อ ถูกหลินสวินวางกระบวนผนึกไว้ตั้งแต่ต้น ฉะนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะถูกรบกวน และไม่อาจถูกสังเกตเห็นจากภายนอกด้วย
ยามนี้เมื่อหลินสวินโคจรพลังปราณ เขตแดนมรรคที่ดุจดั่งแดนแรกกำเนิดแถบหนึ่งเริ่มบังเกิดเสียงอึงอล
ก็เหมือนการหลอมโครงอาวุธอย่างหนึ่ง กำลังผ่านการหลอมและขึ้นรูป!
การหยั่งรู้ทั้งปวงภายในใจหลินสวิน ก็กำลังผสานเข้าสู่เขตแดนมรรคทีละอย่างระหว่างการหลอมนี้
ก็เห็นว่า…
เขตแดนมรรคของเขากลายเป็นเมืองเซียนแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่กลางเวิ้งฟ้าฉับพลัน ชโลมด้วยประกายศักดิ์สิทธิ์ หอกำแพงสูงตระง่าน เรืองรองไม่เสื่อมสลาย
จากนั้นไม่นานก็กลายเป็นเงากระบี่มากมาย ทับซ้อนหนาแน่น แน่นขนัดราวกับไร้สิ้นสุด
จากนั้นที่ตามมาติดๆ คือกลายเป็นโลกบงกชสามสิบหกชั้น กลีบบัวแต่ละกลีบล้วนปรากฏสภาพประหนึ่งแดนพิสุทธิ์อริยเทพ…
สภาพแต่ละแบบถึงกับเป็น ‘เขตแดนกระบี่เมืองจักรพรรดิขาว’ ‘เงากระบี่มหาสหัส’ ‘โลกบงกชสามสิบหกชั้น’!
และต่อมา เขตแดนมรรคของหลินสวินก็ปรากฏรูปร่างต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่นม่านกระบี่ธุลีเพลิง ทางนรกไร้หวนเป็นต้น
สุดท้ายลักษณ์ประหลาดแต่ละแบบที่ปรากฏมานี้ ล้วนคืนสู่สภาพแรกกำเนิดอีกครั้ง
และก็ในเวลานี้เอง ต้นแบบเขตแดนมรรคที่ประหนึ่งแดนแรกกำเนิดพลันจมสู่ความเงียบสุดขั้วอย่างหนึ่ง ลอยอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง
‘โอม!’
และภายในใจหลินสวิน การหยั่งรู้ทั้งปวงราวกับระเบิดปะทุอย่างสิ้นเชิง แทบจะอยู่เหนือการควบคุมของสัญชาตญาณ เสียงสายหนึ่งดังก้องขึ้นในใจของเขา
ตูม!
ต้นแบบเขตแดนมรรคที่จมสู่ความเงียบงันยิ่งยวดเริ่มบังเกิดการเปลี่ยนแปลงน่าทึ่ง กลายเป็นหุบเหวใหญ่ลึกล้ำรางๆ
มีความยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต ลึกไร้สิ้นสุด คล้ายสามารถกลืนกินเวิ้งฟ้าหมื่นกาล!
แต่เมื่อพินิจดูดีๆ หุบเหวใหญ่นี้กลับปรากฏรูปร่างเตาหลอมออกมา คละคลุ้งด้วยกลิ่นอายเคร่งขรึมที่ไม่เสื่อมสลาย ประหนึ่งชั่วนิรันดร์
คล้ายเตาหลอมแต่ก็ไม่ใช่ เหมือนหุบเหวแต่ก็ไม่เชิง!
เสมือนว่าทุกอย่างล้วนคืนสู่จุดเริ่มต้น แต่ความรู้สึกที่มอบให้แก่ผู้คนกลับเป็นกลิ่นอายที่สมบูรณ์ คล้ายเป็นธรรมชาติโดยสมบูรณ์!
เมื่อความคิดหลินสวินโลดแล่น ในเขตแดนมรรคมหามรรคทั้งปวงผุดเผย สำแดงวิชามรรคไร้ขอบเขตออกมา มีเจินหลงแหงนหน้าคำราม มีน้ำไฟไหลหลั่งกลางจักรวาล มีลักษณ์หยินหยางใสขุ่นโปรยทั่วฟ้าดิน มีไร้มรณะไร้ดับสลาย ท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่คงอยู่ไม่เสื่อคลายแผ่ซ่านออกมา…
กลิ่นอายน่าสะพรึงที่สามารถทำให้เทพผีหวาดผวาก็แผ่ออกมาด้วยเช่นกัน
ตูม!
พลังผนึกที่ปิดครอบรอบห้องล้วนถูกโจมตี เกิดการสั่นไหวรุนแรง คล้ายรับการกดดันของกลิ่นอายน่าสะพรึงนั่นไม่ไหว
และบนใบหน้าหลินสวินก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา
เขตแดนมรรคที่ตอนแรกเป็นสภาพต้นแบบ ยามนี้ได้ก็สำเร็จออกมาช่วงใหญ่แล้ว!
ความแข็งแกร่งในอานุภาพของมัน คุณลักษณะของมัน คนละเรื่องกับที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง
ฮูม…
พอความคิดของหลินสวินขยับไหว เขตแดนมรรคพลันอันตรธานหายไปทันที
‘น่าเสียดาย สุดท้ายยังขาดอีกก้าวหนึ่งถึงจะเสร็จสมบูรณ์…’
หลินสวินครุ่นคิด ‘แต่ก็เพียงพอแล้ว ตอนนั้นที่ฆ่ากึ่งจักรพรรดิชวีเหรา เขตแดนมรรคในสภาพต้นแบบก็สามารถระเบิดอานุภาพระดับนั้นออกมาได้ ยามนี้ควบรวมเขตแดนมรรคสำเร็จช่วงใหญ่ ก็น่าจะสามารถทำให้ไม่ต้องเกรงกลัวการแข่งขันของคนรุ่นเดียวกันแล้ว’
เขตแดนมรรคขั้นสมบูรณ์สูงสุด จนบัดนี้หลินสวินยังไม่เคยพบ และไม่รู้ชัดว่าบนโลกใบนี้ยังมีเขตแดนมรรคซึ่งคล้ายกับที่ตนเสาะแสวงหาหรือไม่
แต่ภายในใจหลินสวินมีลางสังหรณ์ว่า เมื่องานชุมนุมถกมรรคที่หกเรือนมรรคใหญ่จัดขึ้นเปิดม่าน บางทีอาจมีพวกโดดเด่นยิ่งยวดที่ครอบครองเขตแดนมรรคระดับนี้ก็เป็นได้
อย่างไรเสียรากฐานพลังของขุมอำนาจระดับหกเรือนมรรคใหญ่ จะให้ผู้คนประเมินค่าสูงเช่นนี้ก็ไม่เกินจริง
……
ขณะที่หลินสวินฝึกปราณเพียงลำพัง ภายในเมืองหลิงเฟิงก็เข้าสู่ยามราตรี
การคัดเลือกถกมรรคในวันแรกสิ้นสุดลงแล้ว
ในหมู่ผู้เข้าร่วมการต่อสู้นับพัน มีเพียงสามสิบสองคนเท่านั้นที่คว้าชัยชนะสิบครั้งรวด มีคุณสมบัติเข้าร่วมการคัดเลือกรอบที่สองอย่างราบรื่น
ด้วยเหตุนี้แค่คิดก็รู้ว่าการแข่งขันนั้นดุเดือดและโหดร้ายปานใด!
ผู้แพ้ นอกจากได้รับเสียงทอดถอนใจเสียดายนิดหน่อยแล้วก็ไม่มีใครถามไถ่ถึงอีก
ผู้ชนะ ก็กลายเป็นพวกสะดุดตาที่ได้รับการจับตามองที่สุดของเมืองหลิงเฟิงในค่ำคืนนี้
หลินสวิน ฉู่ชิว จั๋วเฟิ่งอิ่ง กู่เจี้ยนสิง เกาหลิงเทียน… แต่ละชื่อเรียกเสียงฮือฮาไม่รู้เท่าไหร่ในเมืองหลิงเฟิงแห่งนี้
หนึ่งในนั้น ชื่อที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดย่อมเป็น ‘จินตู๋อี’ ที่หลินสวินสวมรอยอยู่!
“คนเดียวชนะเก้าสิบเก้าครั้งรวด สู้จนถึงตอนท้ายก็ไม่มีใครกล้าท้าสู้แล้ว! นี่เป็นบารมีที่ไร้ศัตรูอย่างแท้จริง!”
“ฉู่ชิวแข็งแกร่งปานใด กู่เจี้ยนสิงสะดุดตาแค่ไหน แต่ผ่านการต่อสู้ในวันนี้ ก็ได้แต่อับแสงลงเบื้องหน้าจินตู๋อีนั่นเท่านั้น ผลลัพธ์นี้ใครเลยจะคาดคิด”
“ควรบรรยายถึงจินตู๋อีผู้นี้อย่างไรน่ะหรือ คำเดียว มั่นคง! ไม่อาจสั่นคลอน ไร้ศัตรูทัดเทียม มั่นคงจนน่ากลัว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์