Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1906

ตอนที่ 1906 สามอันดับแรก!
เพลิงดั่งสมุทร กลิ่นอายชำระล้างอันน่ากลัวไร้สิ้นสุดกระจายออกมา คล้ายสามารถชะล้างจักรวาล กำราบสังหารหมื่นมารร้าย!

“เพลิงธรรมชำระโลก! ตั้งแต่ยุคบรรพกาลจนถึงตอนนี้ ในสำนักธรรมคานาอันถึงกับยังมีคนฝึกยอดเพลิงธรรมเช่นนี้!”

คนใหญ่คนโตผู้หนึ่งผุดลุกขึ้น สีหน้ามีแต่ความสั่นสะท้าน

เพลิงธรรมชำระโลก ถูกมองเป็นหนึ่งใน ‘สี่มหาเพลิงเทพ’ ในยุคบรรพกาล จอมจักรพรรดิมรรคพุทธในสำนักธรรมคานาอันผู้หนึ่งเคยใช้เพลิงนี้เผาแดนมารแห่งหนึ่งในคราวเดียว ทำให้ทั่วหล้าต่างสั่นสะเทือน

เพียงแต่ใครก็คิดไม่ถึง ว่าเพลิงเทพที่มีอานุภาพเลิศล้ำเช่นนี้กลับปรากฏขึ้นหลังผ่านกาลเวลายาวนานไร้สิ้นสุด ถูก เหลิ่งซิวเจียสำแดงออกมาในสนามประลองอีกครั้ง!

ตูม!

เพลิงธรรมอันโปร่งแสงแผ่แสงสว่างเหลือคณาออกมา ส่งเสียงอึงอลดั่งมังกรจู่โจมแผลงฤทธิ์

เหลิ่งซิวเจียที่ยืนอยู่ในนั้นก็เหมือนมุนินทร์เดือดคลั่งองค์หนึ่ง!

นัยน์ตาหลินสวินหดรัดลงเล็กน้อย ฝีเท้ายังไม่หยุดลง มีเพียงสารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณภายในร่างของเขาที่โคจรออกมา

ร่างกายดั่งภูผาสูงตระหง่าน จิตดุจผืนพสุธาหนักแน่นกว้างใหญ่

และในจุดชีพจรทั้งร่างเขา มีปราณกระบี่ไท่เสวียนอันพร่างพราวแหลมคมพุ่งผ่านอากาศออกมาเสียงดังวู้มๆ ในชั่วขณะนี้

ปราณกระบี่แต่ละสายล้วนมีประกายแสงเปล่งปลั่งอิ่มเอิบไหววูบ ประทับนัยเร้นลับมหามรรค พอปรากฏอยู่ในห้วงอากาศก็เหมือนม่านฝนกระบี่บดบังฟ้าดิน!

ฝนกระบี่สิบทิศ!

นี่เป็นกระบวนท่าสังหารที่หลินสวินเพิ่งหยั่งรู้และฝึกฝนจากคัมภีร์กระบี่ไท่เสวียนเมื่อไม่นานมานี้

ฝนกระบี่เหมือนผ้าม่าน รวมปราณกระบี่สามแสนหกหมื่นสาย ปกคลุมผืนดินสิบทิศ สำแดงมรรคสังหารไท่เสวียน

และตอนนี้ กระบวนท่านี้ก็ถูกหลินสวินสำแดงด้วยกายมรรคดินเหลือง อานุภาพเช่นนั้นเรียกได้ว่าน่าหวาดหวั่น

วู้มๆๆ!

ก็เห็นว่าลำนำกระบี่ดุจกระแสธาร ซัดสาดเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน ฝนกระบี่ดุจม่านพาดขวางตัดกัน ม้วนตลบออกมาอย่างหนาแน่น เบื้องบนพิฆาตเก้าชั้นฟ้า เบื้องล่างสังหารเก้านรกได้

ภาพเช่นนี้ทำให้ทั้งที่นั้นต่างเผยแววสะท้านสะเทือน

นี่มันมรรคกระบี่ระดับใดกัน

ตูม ครืน!

บนสนามประลอง ปราณกระบี่ดุจสายฝนกระหน่ำ ปะทะเข้ากับเพลิงธรรมชำระโลก ชั่วขณะเดียวปราณกระบี่ไหลวน แสงเพลิงกระเจิดกระเจิง ส่งเสียงดังครั่นครืน ทำให้ทั้งสนามประลองสั่นโคลงขึ้นในทันใด

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

ก่อนหน้านี้ การโจมตีสุดท้ายตอนที่ซูมู่หานกับหลินสวินประลองกันเรียกได้ว่าวิปริตแล้ว แต่เทียบกับการต่อสู้ในตอนนี้ก็ดูหมองลงทันที

อีกทั้งทุกคนในที่นั้นก็เพิ่งเคยเห็นหลินสวินสำแดงพลังมรรคกระบี่เป็นครั้งแรก และยังได้รู้เป็นครั้งแรกว่าที่แท้ม้ามืดที่ทะยานออกมาคนนี้ถึงกับมีความช่ำชองในมรรคกระบี่ที่น่ากลัวปานนี้ด้วย

นี่ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกเหลือเชื่อ

พอฝุ่นควันกระจายตัว เปลวไฟกับปราณกระบี่ถดถอยไป ก็เห็นว่าบนสนามประลองเงาร่างเหลิ่งซิวเจียแข็งทื่ออยู่เช่นนั้นเหมือนรูปปั้นดิน ไม่กล้ากระดิกแม้แต่นิดเดียว

นัยน์ตาเขาขยายออก หน้าผากผ่องใสเต็มไปด้วยเหงื่อกาฬ ใบหน้ามีแต่ความซีดเผือด

เพราะโดยรอบๆ ร่างเขามีปราณกระบี่แหลมคมวับวาวโปร่งแสงเป็นสายๆ จ่ออยู่ตรงนั้น คมกระบี่แต่ละสายอยู่ห่างจากผิวหนังเพียงหนึ่งชุ่น!

เมื่อมองโดยละเอียด เหลิ่งซิวเจียขนลุกเกรียวไปทั้งตัว!

และไกลออกไปหลินสวินยืนมือไพล่หลัง สันโดษละโลกีย์

พอได้เห็นภาพนี้ทั้งที่นั้นก็เงียบสงัด ไม่มีใครไม่หวาดหวั่น

เพลิงธรรมชำระโลกยังต้านการโจมตีจากจินตู๋อีไม่ได้!

ไม่ว่าใครต่างรู้ชัดว่าในตอนท้ายถ้าไม่ใช่จินตู๋อีหยุดมือทันเวลา เป็นไปได้สูงที่เหลิ่งซิวเจียจะถูกกระบี่มากมายแทงทะลุ ตายคาที่ไปแล้ว

“ที่แท้นี่จึงจะเป็นฝีมือต่อสู้ที่แท้จริงของพี่จิน…”

ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบเชียบ เหลิ่งซิวเจียเอ่ยปากเบาๆ สีหน้าเต็มไปด้วยแววทอดถอนใจ ทั้งผิดหวัง หวาดผวา และชื่นชม

“ข้าแพ้แล้ว”

พอเหลิ่งซิวเจียยอมแพ้ ปราณกระบี่ไท่เสวียนนับไม่ถ้วนที่ปกคลุมเหนือร่างเขาหนึ่งชุ่นกลายเป็นละอองแสงอย่างรวดเร็ว พุ่งหายเข้าไปในร่างหลินสวิน

“ออมมือแล้ว”

หลินสวินพูดจบก็หันหลังจากไป

เมื่อเห็นเขาเดินลงมาจากสนามประลองด้วยท่าทางของผู้ชนะอีกครั้งหนึ่ง คนใหญ่คนโตที่อยู่ที่นั่นต่างเผยสีหน้าซับซ้อน

จินตู๋อีคนนี้… จะเก็บงำล้ำลึกเกินไปแล้ว!

ก่อนหน้านี้ ใครจะคาดว่าเขาจะมีมรรคกระบี่ที่น่ากลัวดุดันปานนี้ด้วย

ปราณกระบี่ดั่งสายฝน มาเยือนเป็นผืนม่าน!

เมื่อนึกถึงภาพเมื่อกี้ก็ทำเอาทุกคนขนลุกเกรียว ศีรษะชาหนึบ

ความจริงแล้วปราณกระบี่เช่นนั้นไม่เพียงมีจำนวนมหาศาล พลังที่มียังน่ากลัวเกินจินตนาการ

“ถึงตอนนี้จินตู๋อีคนนี้ก็รักษาตำแหน่งสามอันดับแรกเอาไว้มั่น ผลลัพธ์นี้… ก่อนหน้านี้ใครจะคาดถึง”

มีคนใหญ่คนโตทอดถอนใจ

คนอื่นต่างก็คิดเช่นนี้

ส่วนเหลิ่งซิวเจีย ในตอนนี้ก็ทำได้เพียงยุติการประลองอย่างเงียบเชียบ

เขาแข็งแกร่งแค่ไหน น่าตื่นตาเพียงใด แต่สุดท้ายก็ยังหยุดอยู่ที่ก่อนสามอันดับแรกอยู่ดี

‘เจ้าหมอนี่ เป็นศัตรูตัวฉกาจ’

ลู่ตู๋ปู้สีหน้าเคร่งขรึม

ตอนแรกยามได้ยินชื่อจินตู๋อีที่หลินสวินสวมรอยอยู่ เขาเพียงแค่ระวังนิดหน่อย ไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าไร

จนกระทั่งในการคัดเลือกรอบที่สอง ถูกหลินสวินแซงหน้า เขาถึงเริ่มให้ความสำคัญกับม้ามืดที่มาจากเขตเข้าร่วมต่อสู้เมืองหลิงเฟิงคนนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์