ยามที่สารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณของหลินสวินคืนสู่ร่างเดิม ก็เหมือนมังกรคืนสมุทร พยัคฆ์คืนป่าเขา ทั้งร่างล้วนต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
เลือดลมอึงอล นัยน์ตาดุจอสนี พลังต้นกำเนิดกำลังกู่ก้องอยู่ในร่าง ทุกท่วงท่าอิริยาบถ สำแดงบารมีแสนผงาดผยองราวกับเทพมาร
ไม่ได้เจอนานเลย…
ในใจหลินสวินทอดถอนใจ
สวบ!
แสงเคลื่อนสายหนึ่งพุ่งออกมา นี่คือดาบบินเล่มหนึ่ง ยาวเจ็ดชุ่น บางเฉียบวาววับ แสงเทพเจิดจ้าบาดตาไหลเวียน
“สมบัติ ข้าก็มี”
แสงเจิดจรัสสายหนึ่งพุ่งออกจากตัวหลินสวินทะยานสู้ฟ้า ประหนึ่งดาวหางที่เหินทะลุสุริยันจันทรา นำพาประกายคมไร้ทัดเทียม ปะทะเข้ากับดาบบิน
เมื่อมองดีๆ นั่นก็คือดาบหัก!
เคร้ง!
ในประกายแสงซ่านเซ็นสี่ทิศ ห้วงอากาศละแวกใกล้เคียงล้วนแตกระเบิดโครมคราม กระแสปราณม้วนตลบไม่ว่างเว้น
ดาบบินนั่นส่งเสียงหึ่งสั่นกึกๆ เกิดรอยแตกทันที
เสียงอุทานตกใจดังขึ้น ชายร่างผอมแห้งที่บังคับดาบบินสีหน้าตกใจ นั่นเป็นถึงศาสตราอริยะบริสุทธิ์ของเขา จวนจะควบรวมออกมาเป็นครรภ์วิญญาณอาวุธ ทว่ากลับเสียหายในการต่อสู้ฟาดฟัน!
แทบจะเวลาเดียวกันพวกชายวัยกลางคนชุดม่วงก็โถมเข้ามาจากต่างทิศ
สวบ!
ประทับอสนีเรียบง่ายสีเขียวอันหนึ่งหมุนโคจรอยู่กลางห้วงอากาศ ชักนำมรสุมอสนีทั่วฟ้า ซัดกระหน่ำลงมา
มอ!
เงามายาวัวขุยแดงเพลิงตัวหนึ่งพุ่งขวิดออกมา ส่งเสียงคำรามสะเทือนฟ้าดิน ดุจดั่งคลื่นเสียงสีเงินที่จับต้องได้แผ่กว้างออกไป
ฉึบ!
ทวนศึกสีทองเล่มหนึ่งกรีดฟ้าดุจดั่งประกายสายฟ้าสีทอง ดุกร้าวถึงที่สุด คล้ายกับสามารถเจาะทะลวงตะวันจันทราภูผานทีได้
การโจมตีสามรูปแบบมาจากระดับกึ่งจักรพรรดิสามคน จู่โจมเข้าใส่หลินสวิน ชั่วพริบตาพื้นที่แถบนี้ล้วนโกลาหลวุ่นวาย ยอดเขาหลายลูกใกล้ๆ พังครืนสนั่นหวั่นไหว กลายเป็นฝุ่นผง
“ทลาย!”
หลินสวินไม่สนใจสักนิด กระตุ้นดาบหักตรงๆ มันกลายเป็นรุ้งยาวสายหนึ่งเข้าปะทะดุเดือดกับประทับอสนีสีเขียว
ส่วนร่างเขากลับสำแดงนัยเร้นลับหุบเหวกลืนกิน รอบกายเขตแดนมรรคขั้นสำเร็จส่วนใหญ่พวยพุ่งออกมา พาดขวางเคลื่อนไปเบื้องหน้า
ตูม!
คลื่นเสียงสีเงินที่โถมเข้ามานั่นแตกระเบิด ถูกเขตแดนมรรคที่ประหนึ่งหุบเหวใหญ่กลืนกิน แม้แต่เงามายาวัวขุยแดงเพลิงตัวนั้นก็ยังถูกกระแทกเข้าหนัก เกือบแตกสลายกลางห้วงอากาศ
และพร้อมกันนั้นปราณกระบี่ไท่เสวียนไร้สิ้นสุดพลันทะยานออกมา ปราณกระบี่แต่ละสายล้วนใส่ทวนศึกสีทองที่ทะลวงฆ่าเข้ามาได้อย่างแม่นยำ
เคร้งๆๆ!
เสียงปะทะต่อเนื่องดังบาดหู
สุดท้ายทวนศึกสีทองรวมถึงเจ้าของมันล้วนถูกปราณกระบี่ที่โหมซัดฟันเฉือนอย่างจัง เงาร่างซวนเซ ย่ำแย่จนแทบกระอักเลือด
“ฟันอีก!”
นัยน์ตาหลินสวินเยียบเย็นดุจอสนี โบกแขนเสื้อคราหนึ่ง
อานุภาพดาบหักเร่งเร้าจนถึงขีดสุด ปล่อยแสงสว่างจ้ากลางห้วงอากาศ ประกายคมของมันทำให้ฟ้าดินภูผาธาราล้วนหม่นแสง
ชายวัยกลางคนชุดม่วงที่ควบคุมประทับทอสนีสีเขียวนัยน์ตาหดรัด ทำมุทราโดยพลัน
เห็นแต่กลางมือเขาดุจดั่งดอกบัวแย้มบานก็ไม่ปาน สิบนิ้วควบรวมออกมาเป็นวิชาประทับคลุมเครือเป็นชั้นๆ ก็เห็นบนประทับอสนีสีเขียวที่ดูเหมือนพายุฝนนั้นโหมกระหน่ำ เผยกลิ่นอายทำลายล้าง น่าสะพรึงยิ่งยวดออกมา
ฉัวะ!
เพียงแต่แม้ประกายสายฟ้าสีเขียวนี้จะน่าสะพรึง แต่กลับต้านดาบหักได้เพียงชั่วครู่เท่านั้นก็ถูกฟันจนสูญสลายไปทั้งอย่างนั้น
ยามดาบหักฟันใส่ประทับสายฟ้าสีเขียวนั่น ชายวัยกลางคนชุดม่วงพลันหน้าซีด ถอยกรูดออกมาหลายก้าวทันใด ภายในใจหวาดผวา
‘ประทับฟ้าครามผสานนภาของข้าใช้วิชาลับกระตุ้น แต่กลับต้านการโจมตีของมกุฎราชันอริยะคนหนึ่งไม่ได้ พลังของเขาน่าสะพรึงปานนี้ได้อย่างไรกัน’
ชายวัยกลางคนชุดม่วงเป็นถึงสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับกึ่งจักรพรรดิ อานุภาพดุจมหาสมุทร อยู่เหนือเหล่าอริยะ แค่การโจมตีก่อนหน้านี้ ต่อให้เป็นกึ่งจักรพรรดิยังไม่อาจสลายได้อย่างง่ายดาย ทว่าเวลานี้กลับถูกหลินสวินทำลาย ในใจเขาจะไม่ตกใจได้อย่างไร
แต่การโจมตีนี้ก็เพื่อคว้าจังหวะให้คนอื่นๆ
“ไป!”
ชายร่างผอมแห้งชักดาบศึกขาวสว่างออกมา เหยียบย่างห้วงอากาศทะยานขึ้นไป แล้วฟันลงมาอย่างหนักหน่วง
ฉัวะ!
แสงดาบดุจอสนี แหวกออกเป็นรอยพร่างพราวสายหนึ่งกลางห้วงอากาศ
ความอหังการของดาบนี้แทบจะไม่อาจหาถ้อยคำมาบรรยายได้ ปราณดาบเจิดจรัสนั่นพาดขวางกลางอากาศแปดร้อยจั้ง แน่นขนัดหาใดเปรียบ ดุจดั่งธารดาราสว่างไสวพลิกตลบ
ฟ้าดินแห่งนี้ล้วนเสมือนถูกดาบนี้ตัดออกเป็นสองส่วน ประกายดาบยังไม่ทันมาถึง กลิ่นอายเข่นฆ่าอันน่าสะพรึงก็ตลบม้วนมาเยือนแล้ว
ความผงาดผยองในมรรคดาบ ล้ำเลิศยิ่งยวดถึงขีดสุด!
หนึ่งดาบนำดารา!
นี่คือการโจมตีชั้นยอดจากวิชามรรคดาบของชายร่างผอมแห้งคนนั้น เคี่ยวกรำคมประกายมาหลายพันปีในกาลเวลาไร้สิ้นสุด ผสานรวมในมรรควิชาแห่งตนนานแล้ว
ดาบก็คือมรรคของเขา มรรคก็คือดาบของเขา!
เปลี่ยนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับอริยะคนอื่น ลำพังแค่เจตดาบเช่นนี้ก็สามารถฉีกทึ้งจิตใจของพวกเขา รับรู้ถึงความสิ้นหวังหาใดเปรียบแล้ว
“เฮอะ!”
หลินสวินเงื้อหมัดที่เจือแสงมรรคเจิดจ้าไร้สิ้นสุด หนึ่งหมัดซัดผ่านห้วงอากาศออกไป
ตูม!
ฟ้าดินสั่นไหว สุริยันจันทราอับแสง
พลังหมัดเรืองรองดุจดั่งสามารถกลืนกินทุกอย่าง หลอมสรรพสิ่ง ซัดเข้ากับดาบนี้อย่างจัง
นี่คือหมัดที่เขตแดนมรรคผสานกับคัมภีร์กลืนกินไร้สิ้นสุด!
ก็เห็นปราณดาบแปดร้อยจั้งนั่นแตกระเบิดเป็นเสี่ยงๆ กลางอากาศ ส่วนพลังหมัดของหลินสวินก็เผยท่าทีบดขยี้ตลอดทาง
ง่ามมือของชายร่างผอมแห้งสะเทือนไหว รู้สึกเพียงว่าดาบนี้ของตนเสมือนฟันใส่ภูผาใหญ่ซึ่งหน้า แม้แต่ตัวดาบก็เกือบถูกซัดกระเด็นไป
‘เขาแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร’
ในใจชายร่างผอมแห้งหวาดผวา
ห่างกันหนึ่งระดับใหญ่ กลับมีพลังต่อสู้พลิกฟ้าปานนี้ นี่ทำให้ชายร่างผอมแห้งในฐานะกึ่งจักรพรรดิยังรู้สึกเหลือเชื่อ
ตูม!
เสียงสนั่นหวั่นไหวดังก้อง
ปราณดาบเจิดจ้านั่นถูกพลังหมัดบดขยี้อย่างสิ้นเชิง แต่พลังหมัดของหลินสวินก็อันตรธานหายไปด้วย ระลอกคลื่อนที่หลงเหลือของปราณดาบและพลังหมัดนับไม่ถ้วนราวกับคลื่นยักษ์ ม้วนตลบไปยังสี่ทิศแปดทาง ภูผาธาราแถบนี้เหมือนมีมรสุมกวาดผ่าน หินผาแหลกกระจุย ต้นไม้โค่นล้ม ฝุ่นควันคลุ้งระฟ้า
การโจมตีนี้เงาร่างของหลินสวินก็ซวนเซด้วย แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ!
เมื่อมองเห็นภาพนี้ทำเอากึ่งจักรพรรดิเหล่านั้นล้วนไม่อาจสงบได้ คนรุ่นเยาว์คนหนึ่ง เริ่มจากฆ่ากึ่งจักรพรรดิฝ่ายพวกเขาไปสองคน จากนั้นก็สู้หนึ่งต่อสี่โดยไม่ตกเป็นรอง พลังต่อสู้ระดับนี้ไม่อาจจินตนาการได้ชัดๆ!
เฮ่อเหลียนฉีที่เฝ้าดูอยู่ไกลๆ มาตลอดหนังหัวชาหนึบ หน้าเปลี่ยนสีอย่างสิ้นเชิง
เมื่อเทียบกับฝีมือตอนศึกถกมรรคแคว้นเมฆา จินตู๋อีในยามนี้แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง น่าสะพรึงจนทำให้ผู้คนแทบกลั้นหายใจ!
“รีบบุกเต็มกำลัง!”
ชายวัยกลางคนชุดม่วงตวาดลั่น กระตุ้นประทับอสนีสีเขียว อานุภาพยิ่งกร้าวแกร่งขึ้น
วู้ม!
เจ้าของทวนศึกสีทองทั่วร่างดุจดั่งลุกโชน ราวกับอาทิตย์สีทองดวงใหญ่ที่เคลื่อนขวาง บุกเข้ามาจากไกลๆ
อีกด้านหนึ่งมีคนเรียกมุกวิญญาณเป็นประกายงดงามออกมาเม็ดหนึ่ง โรยร่วงมาจากฟ้าพร้อมแสงมรรคทรงพลังชวนตกใจ
และมีคนชี้ห้วงอากาศ ปรากฏเขตแดนมรรคออกมา กลายเป็นโลกเพลิงแห่งหนึ่ง ในนั้นมีดอกบัวเพลิงนับพันหมื่นโบกพลิ้วไหวเอน บัวเพลิงแต่ละดอกล้วนอุบัติเงามายาเพลิงสายแล้วสายเล่า มีนกโผผินสัตว์เดินท่อง และมีภูตผีจิตวิญญาณ…
โลกบัวเพลิง!
“เปิดได้ดี”
หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง จิตต่อสู้ในใจเขาถูกจุดขึ้นแล้ว
พลังที่ซัดสาดในร่างเวลานี้ล้วนถูกสำแดงถึงขีดสุด ทั้งร่างดุจดั่งกลายเป็นหุบเหวใหญ่ เคลื่อนขวางกลางฟ้าดิน
“ทลาย!”
เขายืดกายพุ่งขึ้นหน้า
เขตแดนมรรคที่คล้ายเตาหลอมก็ไม่ใช่ คล้ายหุบเหวก็ไม่เชิงแผ่กว้างออกมา ครอบฟ้าบดบังสุริยัน พลังนัยเร้นลับมหามรรคทั้งปวงรวมอยู่ภายในนั้น ไหลทะลักดุจดั่งแดนแรกกำเนิด
มีคนข่มขู่เยียบเย็น
“เหอะๆ”
หลินสวินเผยความเยาะหยัน ยืดตัวขึ้น ทั้งร่างแผ่อานุภาพผงาดกร้าวประหนึ่งไร้ศัตรูจากภายในสู่ภายนอก
“หากข้าโจมตีเต็มกำลัง พวกเจ้าจะมีใครบ้างที่ต้านไหว”
ประโยคเดียวก้องไปทั่วชั้นฟ้า
“หัวรั้นไม่เลิก!”
ชายร่างผอมแห้งคนนั้นแค่นเสียงเย็น
“อย่างนั้นหรือ”
หลินสวินเงาร่างขยับไหว เคลื่อนย้ายออกไป เร็วจนเกือบไม่สามารถมองตามทัน
เขาในเวลานี้ก็ไม่เก็บงำใดๆ แล้ว เปิดฉากสังหารแล้ว
ลงมือเต็มกำลังเป็นเรื่องหนึ่ง ตัดสินใจฆ่าอย่างแท้จริงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง นี่คือการเปลี่ยนแปลงในสภาวะจิตและเจตจำนงอย่างหนึ่ง
หลินสวินที่หมายมั่นจะเข่นฆ่าอย่างแท้จริงน่าสะพรึงปานใด ไม่ทันไรทุกคนล้วนได้รับรู้
สวบ!
เงาร่างของเขาปรากฏอยู่เบื้องหน้าชายร่างผอมแห้งโดยพลัน
ชายร่างผอมแห้งโบกดาบฟันฉับ ดาบศึกขาวสว่างชักนำแสงศักดิ์สิทธิ์สะท้านโลกออกมา พลังกฎเกณฑ์ไร้ทัดเทียมหอบม้วนออกมาจากคมดาบ
หลินสวินไม่เลี่ยงไม่หลบ เขตแดนมรรคพวยพุ่งจากรอบกายเข้าปิดครอบชายร่างผอมแห้ง รวมถึงดาบที่เขาฟันออกมาเอาไว้ภายในนั้นในพริบตา
ภายในเขตแดนมรรค ดาบที่ชายร่างผอมแห้งฟันออกมาก็ราวกับฟันเข้ากลางหุบเหวลึก อันตรธานหายลับไปอย่างไร้สุ้มเสียง ไม่อาจสร้างระลอกคลื่นได้แม้แต่เสี้ยวเดียว
และทั้งตัวเขาก็ราวกับถูกพลังไร้ทัดเทียมกดทับ ร่วงหล่นไปทางหุบเหวใหญ่ไร้สิ้นสุด รู้สึกไร้เรี่ยวแรงดิ้นรนขัดขืน
แย่แล้ว!
เขาดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งทว่ากลับไม่เป็นผล พลังที่ปลดปล่อยออกมาล้วนถูกกลืนกิน หายลับอย่างเงียบงัน…
ไม่รอให้เขาตอบสนอง เขตแดนมรรคที่คล้ายหุบเหวใหญ่นั้นพลันแปรเปลี่ยน กลายเป็นเตาหลอมปั่นป่วนโลกหล้า สยบเขาเอาไว้ภายในนั้นและหลอมอย่างดุเดือด
“ไม่…!”
เขาตกใจกลัวในที่สุด ส่งเสียงร้องลั่นออกมา
ร่างกายเลือดเนื้อของเขาเริ่มหลอมละลายไปทีละกระเบียด สารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณแห่งตนแทบจะระเหยไปอย่างรวดเร็ว
เพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น…
ชายร่างผอมแห้งสลายกลายเป็นควัน!
ครืน…
ยามหลินสวินเก็บเขตแดนมรรค ระดับกึ่งจักรพรรดิคนนี้ก็อันตรธานหายไปแล้ว แม้แต่ร่องรอยและกลิ่นอายยังไม่เหลือสักเสี้ยว
“นี่…”
“เป็นไปได้อย่างไร!?”
กึ่งจักรพรรดิสามคนที่เหลืออยู่อย่างพวกชายชุดม่วง แต่ละคนผุดไอเย็นวาบขึ้นกลางใจ ดวงตาแทบถลน
ตูม!
พวกเขาไม่กล้าลังเลอีก บุกโจมตีเต็มกำลัง เกือบจะสู้สุดแรงเกิดแล้ว
ครั้งนี้หลินสวินไม่ได้ฝืนเข้าปะทะอีก เขามีประสบการณ์มาแล้วในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ อาศัยเพียงพลังในยามนี้ของเขา ยังยากจะสังหารระดับกึ่งจักรพรรดิหลายคนพร้อมกันด้วยการเข้าปะทะตรงๆ
ทว่าขอเพียงไม่ปะทะตรงๆ แต่โจมตีทำลายไปทีละคนก็หาใช่เรื่องยาก
สวบ!
เงาร่างเขาขยับไหว เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ เบี่ยงหลบไม่ขาดสาย ไม่เข้าปะทะอย่างแข็งกร้าวกับอีกฝ่ายเลยสักนิด
จนกระทั่งครู่ต่อมา ในที่สุดหลินสวินก็คว้าโอกาสหนึ่งได้ เคลื่อนตัวไปเบื้องหน้าโดยพลัน ปรากฏตัวต่อหน้าผู้แข็งแกร่งกึ่งจักรพรรดิที่มือถือทวนศึกสีทองคนนั้น
และกลางฝ่ามือของเขาปรากฏขวดหยกมันแพะที่สูงไม่กี่ชุ่น ตัวขวดแวววาวโปร่งแสง ปากขวดมีประกายแสงทรงคลุมเครือยากหยั่งถึงไหลเวียน
พุ่งเป้าไปที่คนผู้นี้!
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์