หลินสวินและป๋อหยาจื่อหวนกลับสำนักยุทธ์เสวียนจีด้วยกันเงียบๆ
ทันทีที่กลับไป หลินสวินก็เริ่มเตรียมการปิดด่านฝึกปราณ
ห่างจากการเปิดม่านงานชุมนุมถกมรรคอีกเพียงครึ่งปี ในช่วงนี้หลินสวินตัดสินใจจะยกระดับศักยภาพของตนไปอีกขั้น!
หน้าถ้ำสวรรค์แดนมงคลในยอดเขาชำระหยก
“เสวียนเยวี่ย ช่วงที่ข้าปิดด่าน รบกวนเจ้าช่วยข้ารวบรวมข่าวที่เกี่ยวข้องกับงานชุมนุมถกมรรคสักหน่อย”
หลินสวินกำชับ
ข้างกายเขาจินเทียนเสวียนเยวี่ยในชุดขาวยิ่งกว่าหิมะ งดงามราวกับเซียนพยักหน้าพูด “คุณชายวางใจเถอะ”
“แน่นอนว่าเจ้าเองก็อย่าละเลยการฝึกปราณ ของสิ่งนี้เจ้าเก็บไว้”
หลินสวินคิดๆ แล้วก็ประทับการหยั่งรู้และใจความในการฝึกปราณของตนไว้ในม้วนหยกก่อนยื่นส่งให้
จินเทียนเสวียนเยวี่ยสังเกตคร่าวๆ แล้วใจเต้นขึ้นมา ความประหลาดใจพวยพุ่งเต็มแน่น!
นางรู้คุณค่าของม้วนหยกนี้เป็นอย่างดี แม้ไม่ใช่วิชายุทธ์และไม่ใช่มรดก แต่ประสบการณ์ฝึกปราณและการหยั่งรู้ภายในกลับเรียกได้ว่าเป็นสมบัติที่ไม่อาจประเมินค่า
ควรรู้ว่าคุณชายของตนแทบจะไร้ศัตรูในระดับอริยะแล้ว ไม่เช่นนั้นไม่มีทางชิงอันดับหนึ่งของศึกถกมรรคแคว้นเมฆามาได้อย่างง่ายดายแน่
“ขอบคุณคุณชายมาก”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยเงยหน้าขึ้น ดวงตาทั้งคู่ทอประกาย
หลินสวินยิ้มน้อยๆ ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้ จากนั้นหมุนตัวเดินเข้าถ้ำสวรรค์แดนมงคล
“ที่ผู้อาวุโสพูดไว้ไม่ผิด ติดตามคุณชายฝึกปราณ แม้เป็นเพียงผู้ติดตามคนหนึ่ง แต่ก็เป็นศุภโชคที่หายาก…”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยพึมพำ
นางมีบุคลิกสง่างาม งดงามเลิศล้ำ เป็นพวกที่เย่อหยิ่งสูงส่งอยู่แล้ว แต่ฝึกปราณมาถึงตอนนี้ ยังไม่เคยมีใครทำให้นางนับถือได้เช่นนี้!
……
ครืน!
ในถ้ำสถิต หลินสวินนั่งขัดสมาธิ รอบตัวเผยปรากฏการณ์ประหลาดที่ยิ่งใหญ่ ประกายศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียน ประกายแสงราวกับพิรุณ เสียงมรรคดังก้อง
ตั้งแต่นั่งยานลมกรดข้ามฟ้าดารามาถึงโลกใหญ่หงเหมิงจนวันนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่หลินสวินปิดด่านอย่างแท้จริง
ทุกอย่างล้วนเพื่อทะลวงระดับ!
ก็เห็นว่ายามหายใจราวกับพายุพัดโหม กระแสอากาศกลายเป็นรูปงู กลืนกินดูดรับ กล้ามเนื้อรอบตัวเปล่งแสงอร่าม ท่วงทำนองมรรคพรูไหล
และภายในร่าง สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณสั่นสะท้านราวกับภูเขาไฟปะทุ ไหลเวียนอยู่ในทุกส่วนของร่างกาย ปลดปล่อยอานุภาพไร้ขอบเขตอันว่างเปล่าชัดเจนดุจดั่งเทพเซียนไปทั่วทั้งตัว!
โชคดีที่อยู่ในถ้ำสวรรค์แดนมงคล มีพลังผนึกหนาแน่นปกคลุม
ไม่เช่นนั้นแค่ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นตอนฝึกปราณของเขา ก็สามารถชักนำปรากฏการณ์ประหลาดจากฟ้า เมฆถาโถมแปดทิศได้แล้ว!
ทุกอย่างล้วนเพราะมรรควิถีที่หลินสวินสั่งสมแข็งแกร่งและทรงพลังเกินไป มรรคาทั้งสามอย่างหลอมกาย หลอมปราณ และหลอมจิตล้วนเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งแห่งยุค
เหมือนที่หลินสวินและเจียงซิงเชวี่ยคุยกันก่อนหน้านี้ อยากจะบรรลุมรรคที่ไม่เคยมีมาก่อน ก็จะต้องฝึกพลังที่ไม่เคยมีมาก่อน!
ตั้งแต่วันนี้ หลินสวินก็จดจ่ออยู่กับการฝึกปราณ เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว
……
หนึ่งเดือนหลังจากนั้น
ในถ้ำสวรรค์แดนมงคลของยอดเขาชำระหยก
เสียงก้องสะท้อนปานจักรวาลแรกกำเนิดดังขึ้นในร่างหลินสวิน ละอองแสงศักดิ์สิทธิ์เป็นประกายพุ่งออกจากร่างเขา พร่างพราวราวกับรุ้ง งดงามเรืองรอง
สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าว่ากลิ่นอายรอบตัวเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เผยลักษณ์มหัศจรรย์มากมาย
มีหุบเหวกลืนกิน มีเตาหลอมโลก มีกฎเกณฑ์แห่งมรรคมากมายสลับทับซ้อนกัน สว่างไสวเป็นประกาย เจิดจ้าสะดุดตา
เสียงมรรคเป็นระลอกดุจเสียงท่องสวดภาวนาของเทพไท้ก้องกังวาน
ชั่วขณะเดียวทั้งตัวเขาปกคลุมด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์น่าเกรงขามชั้นหนึ่ง ราวกับราชันอริยะกำราบโลก คงอยู่ชั่วนิรันดร์
ทะลวงแล้ว!
ครู่ใหญ่ตอนที่ทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบ หลินสวินลืมตาขึ้น ทันใดนั้นราวกับหุบเหวใหญ่คู่หนึ่งปรากฏขึ้น ทุกที่ที่สายตากวาดผ่านห้องอากาศล้วนพังทลาย ประหนึ่งถูกกลืนกินอย่างไรอย่างนั้น
‘ระดับมกุฎราชันอริยะขั้นปลาย…’
เมื่อสัมผัสพลังที่พวยพุ่งอยู่ในตัว ในใจหลินสวินเกิดความพอใจที่อธิบายไม่ถูกตามธรรมชาติ นี่น่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้ฝึกปราณยึดมั่นกับการเสาะแสวงมรรค
การเปลี่ยนแปลงของระดับพลังเช่นนี้ ประหนึ่งว่าคนผู้นี้ได้นิพพานและเกิดใหม่ครั้งหนึ่ง ทั้งกายใจล้วนรู้สึกได้ยกระดับอย่างที่สุด
ความรู้สึกเช่นนั้นมหัศจรรย์ไม่อาจบรรยาย
หลินสวินลุกขึ้นเดินออกจากถ้ำสถิต
ตั้งแต่ยามศึกถกมรรคแคว้นเมฆา พลังปราณของเขาก็ห่างจากการบรรลุขั้นแค่เสี้ยวเดียวแล้ว ตอนนี้ปิดด่านมาหนึ่งเดือน พลังปราณจะเกิดการทะลวงก็เป็นเรื่องปกติ
แต่ตอนนี้หลินสวินอยากลองพลังหลังจากทะลวงขั้นสักหน่อย
เขามังกรขด
ช่วงนี้เหิงเซียวเจ้าสำนักสำนักยุทธ์เสวียนจีพักอยู่บนยอดเขานี้เป็นการชั่วคราว
“ยินดีกับสหายน้อยที่ทะลวงระดับขึ้นไป ใกล้หนทางแห่งมหามรรคขึ้นอีกก้าว!”
ตอนที่เห็นหลินสวินซึ่งปิดด่านมาหนึ่งเดือนปรากฏตัวบนเขามังกรขด เหิงเซียวอึ้งไปก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นเผยสีหน้าตกใจก่อนจะเอ่ยแสดงความยินดี
หนึ่งเดือน!
อาจารย์อาเล็กของบรรพจารย์สำนักตนกลับเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน พลังปราณบรรลุสู่ระดับมกุฎราชันอริยะขั้นปลาย
การเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจนี้ทำให้เหิงเซียวอดพูดไม่ออก นี่มันปีศาจที่เรียกได้ว่าเย้ยฟ้าตัวเป็นๆ คนหนึ่งชัดๆ
“สหายยุทธ์ชมเกินไปแล้ว ข้ามาครั้งนี้เพียงอยากลองมรรควิถีของตนหลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลง”
หลินสวินยิ้มพูด
เหิงเซียวชี้ที่ตัวเอง สายตาประหลาดใจ “เจ้า… คงไม่ได้อยากประลองกับข้าหรอกกระมัง”
หลินสวินพูด “หากท่านยินยอมชี้แนะด้วยตัวเอง นั่นย่อมยิ่งดี”
เหิงเซียวยิ้มขื่น
บนโลกนี้ระดับอริยะคนใดจะกล้าไปประลองกับกึ่งจักรพรรดิง่ายๆ เช่นนี้
ทว่าเหิงเซียวไม่ลืมว่าก่อนที่หลินสวินจะทะลวงขั้น ก็เคยโจมตีสังหารผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิหกคนด้วยพลังของตนเพียงคนเดียวมาแล้ว!
ภาพนองเลือดนั่น ทำให้จนตอนนี้เขานึกถึงแล้วในใจยังสั่นสะท้านระลอกหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์