หนีไปยิ่งไกลก็ยิ่งดี!
ในสายตาของจักรพรรดิกระบี่เยือกแข็ง ซีในตอนนี้ก็เหมือนนายเหนือหัวสูงสุดที่ควบคุมความเป็นตาย ทำให้ในใจเขาอดสั่นไหวและหวาดกลัวไม่ได้
ฟุ่บ!
แทบจะเพราะสัญชาตญาณการเอาตัวรอด จักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งหนีอย่างไม่ลังเล ความเร็วน่าตกตะลึง
ซีไม่ได้ตาม
นางยื่นมือหยกที่ขาวผ่องเรียวยาวข้างหนึ่งออกมา บีบกลางอากาศเบาๆ
ในห้วงอากาศว่างเปล่าอันไกลโพ้น จักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งที่กำลังเคลื่อนย้ายถูกจับตัวมาเหมือนหนอนตัวหนึ่ง
เขาสีหน้าหวาดกลัว ดิ้นรนสุดชีวิต แต่ก็ไม่มีประโยชน์
ปัง!
สุดท้ายพร้อมกับการออกแรงที่ฝ่ามือของซี ร่างของจักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งระเบิดออกทุกกระเบียด เหมือนหนอนตัวหนึ่งถูกบีบจนตัวแตก…
เลือดสดสาดกระเซ็นราวกับน้ำตก ฟ้าดินแดงฉาน
จักรพรรดิกระบี่เยือกแข็ง ระดับจักรพรรดิชั้นหกที่ปิดด่านมาสามหมื่นเก้าพันปี หลบการประชันหมากครั้งใหญ่มาได้ แต่กลับหนีชะตาการร่วงหล่นไม่พ้น!
ผู้แข็งแกร่งทุกคนที่เห็นภาพนี้ต่างสูดหายใจสะท้านอย่างไม่มีข้อยกเว้น มือเท้าเย็นเฉียบ
ซีแข็งแกร่งเกินไป ระหว่างที่ยกมือก็ตัดสินความเป็นความตาย!
ในที่นั้นเงียบจนกดดัน ผู้แข็งแกร่งที่มาจากขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ เหมือนตกใจจนอึ้งค้าง แม้เป็นระดับจักรพรรดิก็นิ่งงันราวกับรูปปั้น
ครั้งนี้พวกเขาระมัดระวังและรอบคอบพอแล้ว ตอนที่สัมผัสได้ว่าเย่จื่อที่อยู่ข้างกายหลินสวินรับมือยากมาก ก็เลือกขอความช่วยเหลืออย่างไม่ลังเล
จนกระทั่งจักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งมาเยือน พวกเขาถึงได้มั่นใจ คิดว่าการตามฆ่าที่ยิ่งใหญ่นี้กำลังจะจบลงแล้ว
แต่ใครจะคิดว่าสิ่งที่รอพวกเขากลับเป็นความคราวเคราะห์!
นอกจากวิญญาณกระบี่เย่จื่อ ข้างกายหลินสวินยังมีบุคคลที่น่ากลัวยิ่งกว่า พาให้คนสิ้นหวังได้มากยิ่งกว่าซุ่มซ่อนอยู่!
“พวกข้าสำนึกผิดแล้ว ยังหวังให้สหายยุทธ์ยั้งมือ”
ระดับจักรพรรดิคนหนึ่งพูดอย่างสั่นๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ท่าทีที่เป็นฝ่ายยอมแพ้เช่นนี้ เมื่อปรากฏบนตัวระดับจักรพรรดิคนหนึ่งเห็นได้ชัดว่าน่าอายมาก แต่ตอนนี้ใครจะห่วงเรื่องพวกนี้กัน
แค่ยกมือก็สามารถสังหารระดับจักรพรรดิชั้นหกได้ หากจะสังหารพวกเขา ย่อมเป็นเรื่องที่ง่ายราวกับพลิกฝ่ามือไม่ใช่หรือ
“กว่าข้าจะมีโอกาสออกมาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พวกเจ้า… จะยอมแพ้ได้อย่างไร”
ซีสายตาเย็นชา ความหมายในคำพูดน่าขนลุก ระดับจักรพรรดิบางส่วนมีลางสังหรณ์ไม่ดี เลือกที่จะหนีโดยตรง
“ไป!”
“หนีเร็ว!”
ทันใดนั้นในที่นั้นวุ่นวาย ผู้แข็งแกร่งที่มาจากขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ หนีกระเจิงราวกับนกตื่นธนู
เย่จื่อกำลังจะลงมือก็ถูกหลินสวินห้ามเอาไว้ “ให้นางระบายอารมณ์สักหน่อย จะได้ไม่อัดอั้นเกินไป”
อัดอั้นเกินไป…
จู่ๆ ซีที่อยู่ไกลๆ ก็มองมา ราวกับดาบคมอย่างไรอย่างนั้น ทำเอาหลินสวินเสียวสันหลัง อดเผยยิ้มขื่นไม่ได้
หรือเขาพูดผิดไปแล้ว
“ข้าจะต้องระบายอารมณ์ให้ดีจริงๆ”
ซีพูดเองเออเองพลางสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง กฎเกณฑ์ระเบียบที่ราวกับรุ้งเทพมากมายทะยานออกมา
มองจากไกลๆ ราวกับทวนพิพากษาที่มาจากสวรรค์ กลายเป็นอานุภาพบดบังท้องฟ้าทะลวงอากาศพุ่งไปทั่วทิศ
ปัง!
กลางป่าที่อยู่ไกลๆ ระดับจักรพรรดิคนหนึ่งถูกแทงทะลุ ร่างกายพลันกลายเป็นฝุ่นผงสลายไปในทันที
ตูม!
เทือกเขาที่เรียงรายเป็นคลื่นถูกตัดขาดตรงกลาง ระดับจักรพรรดิที่หลบอยู่ในเขาคนหนึ่งก็ถูกฟันไปด้วย ร่างกายกระจัดกระจาย…
กึ่งจักรพรรดิกลุ่มหนึ่งกำลังหนี แต่กลับรู้สึกว่าภาพตรงหน้ามืดมิดไป ถูกพลังกฎเกณฑ์ที่ราวกับระเบียบท่วมท้น ร่างกายและจิตวิญญาณดับสิ้น
อีกด้าน…
การเข่นฆ่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นแทบจะในชั่วพริบตา เร็วจนถึงขั้นน่าตกตะลึง
ไม่ว่าศัตรูจะเป็นใคร ไม่ว่าพลังปราณจะสูงต่ำ และไม่ว่าหนีไปถึงไหน ก็พบเจอการเข่นฆ่าที่อันตรายถึงชีวิตแทบจะในขณะเดียวกัน!
พูดสั้นๆ ก็คือ ทันทีที่การโจมตีนี้ของซีอุบัติขึ้น
กลางฟ้าดิน ผู้แข็งแกร่งที่มาจากขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ ล้วนถูกสังหารคาที่!
เลือดแดงฉานข้นคลั่ก ย้อมภูผาธาราที่ไม่เหลือสภาพนานแล้วแห่งนี้เป็นสีแดง ราวกับนรกสีเลือดปรากฏในโลกมนุษย์
หลินสวินอึ้งงันอยู่ตรงนั้น ความสะท้านสะเทือนที่พวยพุ่งในใจราวกับพลิกแม่น้ำคว่ำสมุทร
การโจมตีเดียว สังหารศัตรูทั้งหมด!
ภาพเช่นนั้นหากไม่เห็นกับตาคงไม่กล้าเชื่อ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่แม้แต่ระดับจักรพรรดิยังอ่อนแอถึงเพียงนี้
เย่จื่อก็อึ้งไปเช่นกัน อดมองไปทางซีไม่ได้ เอ่ยว่า “เจ้าร้ายกาจกว่าข้ามากเกินไปแล้ว”
ซียกมือขึ้นจับเย่จื่อไว้ในฝ่ามือ ใช้ปลายนิ้วลูบศีรษะเล็กของเขาอย่างระมัดระวัง พูดด้วยเสียงอ่อนโยน “รอบาดแผลเจ้าฟื้นตัวก็จะแข็งแกร่งเช่นนี้ได้”
จากนั้นสายตาของนางมองไปยังหลินสวิน “รู้สึกอย่างไร”
หลินสวินตอบไปตามจิตใต้สำนึก “แข็งแกร่ง แข็งแกร่งจนเหลือเชื่อ”
“เทียบกับพวกศิษย์พี่ของเจ้าแล้วเป็นอย่างไร”
ประโยคเดียวทำเอาหลินสวินได้สติจากความตะลึงทันที เขามองไปยังซี ฝ่ายหลังเงาร่างสง่างาม ละอองแสงไหลเวียน ราวกับเซียนที่เย็นชาว่างเปล่า แต่ไม่ว่าจะพยายามเพียงใดก็เห็นใบหน้าของนางไม่ชัด แน่นอนว่ามองสีหน้าในตอนนี้ของนางไม่ได้เช่นกัน
“ต่างคนต่างถนัดในทางของตน”
หลินสวินให้คำตอบที่คลุมเครือ
ซีขานรับว่าอ้อแล้วกล่าว “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะเป็นเป้ามีชีวิตให้กับเจ้า แลกเปลี่ยนฝีมือกับเจ้า เช่นนี้เจ้าจะยิ่งเข้าใจ ว่าข้ากับเหล่าศิษย์พี่ของเจ้าใครแข็งแกร่งกว่า”
นี่ไม่ใช่คำถาม แต่เป็นการตัดสินอย่างหนึ่ง แม้เสียงจะเรียบเฉยแต่กลับไม่เปิดโอกาสให้สงสัย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์