แต่เมื่อเห็นภาพที่มหาจักรพรรดิมรรคมารคนนั้นร่วงหล่น ก็ล้วนถูกทำให้ตกตะลึงจนขนพองสยองเกล้า ในใจตื่นตระหนกถึงขีดสุดนานแล้ว
ด้วยเหตุนี้พอหลินสวินพูดว่าจะให้คนที่เคยกล่าวเยาะหยันจ่ายค่าตอบแทน ต่อให้รู้สึกไม่ชอบใจอย่างมาก แต่ยังพากันนำของชดเชยบางส่วนออกมาให้โดยดี
ลูกกลอนโอสถ เจตวัตถุ ของล้ำค่า…
มีครบทุกสิ่งที่ควรมี
หลินสวินก็ไม่เอาความอีก เหลือบมองพวกสือเล่อจื้อที่คุกเข่าอยู่กับพื้นเล็กน้อยพลางกล่าว “อย่าให้ข้าเจอพวกเจ้าอีก”
เขาหันหลังเดินกลับเข้าไปในเรือนพัก
พวกสือเล่อจื้อรู้สึกเหมือนได้รับการอภัยโทษ ไม่มีใครไม่เป่าปากโล่งใจเฮือกใหญ่ ออกจากที่นี่ไปอย่างลุกลี้ลุกลน
…
‘ศิษย์พี่สามบอกแค่ว่าหลังจากข้าไปถึงโลกมืดแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเสาะหาด้วยตนเอง ศิษย์พี่รองก็จะรับรู้ถึงการปรากฏตัวของข้าได้…’
‘ก็ไม่รู้ว่าหากศิษย์พี่รองสังเกตเห็นร่องรอยของข้าจริง จะมาพบข้าหรือไม่’
พอกลับเข้ามาในเรือน หลินสวินนึกถึงจุดประสงค์ของการมาโลกมืดครั้งนี้แล้วก็อดขมวดคิ้วอยู่บ้างไม่ได้
ยังมีถ้อยคำนั้นที่ชายหนุ่มจักจั่นทองพูดไว้ก่อนจากมา บอกแค่ให้ตนไป ‘แก้ปม’ นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีเบาะแสอื่นอีก
นี่ทำให้หลินสวินไม่รู้ว่าควรเริ่มลงมือจากตรงไหน
‘บางทีอาจไปแดนอำพราง ไปเจอแม่นางชิงอิงที่ลึกลับคนนั้นดูสักครั้ง?’
หลินสวินใคร่ครวญ
อิทธิพลของเรือนเร้นหมอกไม่อาจดูหมิ่นได้ง่ายๆ ในทุกเมืองของโลกใหญ่หงเหมิงล้วนมีตลาดมืดใต้ดิน และผู้ดูแลตลาดมืดพวกนี้ก็คือเรือนเร้นหมอก!
ก่อนหน้านี้หลินสวินคิดไม่ถึงเลยว่า ขุมอำนาจที่แผ่ทั่วโลกใหญ่หงเหมิงอย่างเรือนเร้นหมอก จะถึงกับมีแดนต้นกำเนิดอยู่ในโลกมืด
ขณะที่หลินสวินกำลังใคร่ครวญ เสียงของซีพลันดังขึ้น…
‘จอมจักรพรรดิไร้นามคนใหม่ปรากฏตัวแล้ว’
ประโยคเดียวทำให้หลินสวินตัวแข็งทื่อราวกับถูกฟ้าผ่า
ในที่สุด…
ก็มาแล้วหรือ
…
วันนี้ทั่วทางเดินโบราณฟ้าดารา พลังระเบียบต้องห้ามที่เดิมทีเหมือนสิ่งไม่มีเจ้าของพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นแล้ว
ก็เหมือนกรงที่ไร้ผู้ดูแล มีผู้ถือครองคนใหม่ปรากฏตัว
‘ปรากฏตัวแล้ว!’
‘ตั้งแต่วันนี้ไป พวกเราต้องอยู่ภายใต้เงามืดของระเบียบต้องห้ามนั่นอีกครั้งหรือ…’
‘ไม่รู้ว่าใต้หล้านี้จะเปลี่ยนเป็นรูปแบบใดจริงๆ!’
‘เฮ้อ!’
วันนี้เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ที่ฝีมือล้ำเลิศนับไม่ถ้วนล้วนสัมผัสได้ สังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของระเบียบมหามรรคทั่วหล้า ในใจล้วนปรากฏแววอึมครึมโดยพลัน
สำหรับสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่บนทางเดินโบราณฟ้าดารา วันนี้ไม่มีอะไรต่างไปจากอดีต และไม่สังเกตเห็นเลยว่ามีตัวตนที่น่าสะพรึงอย่างที่สุดคนหนึ่ง ก้าวผ่านห้วงอากาศมาจากฟากฝั่งฟ้าดาราแล้ว!
เรือนมรรคโลกาสวรรค์
ไท่ซูหงที่กำลังนั่งสมาธิพลันใจสะท้าน ตกใจตื่นขึ้นมา
เขาหยัดร่างขึ้น เดินออกมาจากสถานที่หลอมปราณ เมื่อเงยหน้ามองออกไป ก็เห็นว่าบนเวิ้งฟ้าถูกพลังระเบียบต้องห้ามที่ดำสนิทดุจสีหมึกเข้าปกคลุมไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ทันใดนั้นนัยน์ตาไท่ซูหงพลันหดรัด
ตูม!
เวิ้งฟ้าที่ดำสนิทส่งเสียงกัมปนาทราวอสนีครวญ กลิ่นอายทำลายล้างที่เหมือนสิ่งต้องห้ามครอบคลุมเรือนมรรคโลกาสวรรค์ทั้งหมดไว้
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“กลิ่นอายต้องห้าม!”
“สวรรค์!”
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้…”
เวลานี้เสียงร้องอุทานดังขึ้นไม่รู้เท่าไหร่ ผู้สืบทอดทั้งหมดของเรือนมรรคโลกาสวรรค์ล้วนถูกทำให้ตกใจ หยุดการกระทำในมือ มองไปบนเวิ้งฟ้าอย่างตกตะลึงตาค้าง
ความรู้สึกหวาดกลัวและตื่นตระหนกที่ยากจะบรรยายก็แผ่ขยายตามมา
ต่อให้เป็นบุคคลระดับจักรพรรดิ แต่ละคนก็ต่างหวั่นใจ ไม่แน่ใจว่าเหตุใดพลังระเบียบต้องห้ามนี้ถึงมาเยือนเรือนมรรคโลกาสวรรค์ของพวกเขา
“เปิดใช้กระบวนค่ายกลใหญ่คุ้มกันภูเขา ทุกคนรีบถอยเข้ามาในกระบวนค่ายกลใหญ่โดยเร็ว ถ้าไม่มีคำสั่ง ห้ามเคลื่อนไหวตามอำเภอใจ!”
ในบรรยากาศที่กดดันและตื่นตระหนกนี้ เสียงที่น่าเกรงขามและทรงพลังของไท่ซูหงดังขึ้น กระหึ่มอยู่กลางฟ้าดิน
ขณะเดียวกันไท่ซูหงสูดหายใจลึก เงาร่างเคลื่อนที่มายังเขตหวงห้ามหลังภูเขา
ที่นี่ไอขุ่นมัวอบอวล มีสายฟ้าแลบแปลบปลาบอยู่ภายในรางๆ ศิลามรรคโลกาสวรรค์ที่เก่าแก่ลายพร้อยตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น แผ่แสงพร่าเลือนลี้ลับออกมา
เมื่อเห็นศิลามรรคโลกาสวรรค์ ไท่ซูหงจึงแอบเป่าปากโล่งอก
ศิลามรรคโลกาสวรรค์เป็นมหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นหนึ่งที่ถือกำเนิดในแดนปริศนา ครอบครองพลังที่อัศจรรย์เกินคาดเดา สามารถต้านทานและบดบังกลิ่นอายระเบียบต้องห้ามได้
ในช่วงหลายปีที่จอมจักรพรรดิไร้นามคนก่อนครอบครองระเบียบต้องห้ามนั้น สาเหตุที่เรือนมรรคโลกาสวรรค์วางตัวเป็นกลางได้ ไม่ใช่เพราะเชื่อฟังคำสั่งของจอมจักรพรรดิไร้นาม แต่เป็นเพราะการมีอยู่ของศิลามรรคโลกาสวรรค์นี้ต่างหาก!
“เจ้าสำนัก”
ฮูม… ห้วงอากาศไหวกระเพื่อมระลอกหนึ่ง เงาร่างสองสายปรากฏออกมา
ด้านซ้ายนั้นสูงโปร่ง สวมชุดนักพรต ผมเผ้าหนวดเคราสีเทากระเซิงยุ่งเหยิง เป็นบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่นั่นเอง
ตอนนั้นที่งานชุมนุมถกมรรค บรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่เคยปรากฏตัวมาก่อน รู้จักกับรั่วซู่ที่ปรากฏตัวด้วยฐานะผู้สืบทอดของเรือนมรรคคืนกำเนิด
ข้างกายบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่คือชายชุดป่านคนหนึ่ง สีหน้าแข็งกร้าวเยียบเย็น เป็น ‘บรรพจารย์จักรพรรดิเสวี่ยอิง’ ผู้เฒ่าระดับดึกดำบรรพ์คนหนึ่งในเรือนมรรคโลกาสวรรค์นั่นเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์