Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2143

สรุปบท ตอนที่ 2143 ข่าวเรื่องงานถกกระบี่เขาปู้เอ้อร์: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 2143 ข่าวเรื่องงานถกกระบี่เขาปู้เอ้อร์ จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 2143 ข่าวเรื่องงานถกกระบี่เขาปู้เอ้อร์ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 2143 ข่าวเรื่องงานถกกระบี่เขาปู้เอ้อร์

ไม่นานหลินสวินก็รู้จากปากศิษย์พี่รอง ว่าบุตรนรกอาศัยพลังของจูคงถึงได้มีโอกาสเข้าสู่นรกอำพราง

อีกทั้ง ทางเข้ายังอยู่ที่ชั้นสิบแปดของนรกอำพราง

“ก่อนจูคงไปได้ทิ้งมรรคกระบี่ของเขาเอาไว้ นี่ทำให้ข้าประหลาดใจมาก แต่ภายหลังคิดดูแล้ว กลับเดาความลึกลับบางอย่างออกรางๆ”

จ้งชิวพูดถึงจูคงอีกครั้ง

“ตอนนั้นหลังจากเผชิญเคราะห์จ่อมจมครั้งแรก จูคงประสบแผลมรรคที่รุนแรงหาใดเทียบ สามารถยืนหยัดได้ถึงวันนี้ก็ไม่ง่ายเลย”

“ครั้งนี้เพื่อช่วยบุตรนรกคนนั้น จูคงไม่เสียดายที่จะใช้พลังทั้งหมด ก้าวข้ามกฎระเบียบของนรกอำพราง หากข้าเดาไม่ผิด อีกไม่นานเขาก็จะกายสิ้นมรรคสลายแล้ว”

พูดถึงตรงนี้เสียงของจ้งชิวต่ำลึกเล็กน้อย ราวกับรู้สึกเสียดาย

ในใจหลินสวินเองก็ไม่สงบอย่างมาก เพื่อช่วยบุตรนรก สูญเสียขนาดนี้คุ้มหรือ

ก็ได้ยินจ้งชิวพูดต่อว่า “ทั้งชีวิตของจูคง ไม่เคยแต่งงาน ไม่เคยรับศิษย์ เดินบนเส้นทางมหามรรคด้วยตัวคนเดียว มรรคกระบี่ทั้งชีวิตของเขามีคุณสมบัติเปิดสำนักแห่งหนึ่งได้นานแล้ว”

“ตอนนี้เขาคาดว่าความตายกำลังจะมาเยือน ย่อมไม่อยากเห็นมรรคกระบี่ที่ตนเสาะแสวงมาทั้งชีวิตขาดการสืบทอดต่อ ฉะนั้นเขาจึงเลือกเจ้า”

สายตาของจ้งชิวจับจ้องหลินสวิน “นอกจากเหตุผลนี้ ที่สำคัญกว่าคือ เจ้าสืบทอดมรดกของจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียน นี่จึงเป็นเหตุที่จูคงยอมยกมรรคกระบี่ทั้งชีวิตให้กับเจ้า”

“ผู้อาวุโสไท่เสวียน?” หลินสวินประหลาดใจเล็กน้อย

“ใช่ ไท่เสวียนเรียกได้ว่าเป็นจักรพรรดิกระบี่อันดับหนึ่งในยุคดึกดำบรรพ์ หนึ่งกระบี่กำราบทั่วฟ้า ในบรรดายักษ์ใหญ่มรรคกระบี่ในยุคเดียวกัน นอกจากจูคงก็ไม่มีใครสามารถประชันกับเขาได้แล้ว”

จ้งชิวพูด “ตอนนั้นจูคงถูกเรียกว่าจอมกระบี่อันดับหนึ่งแห่งโลกมืด อานุภาพของมรรคกระบี่สามารถใช้คำว่า ‘กระบี่เดียว สรรพสิ่งสิ้นซาก’ มาเปรียบเทียบได้”

“ความปรารถนาเดียวของจูคง ก็คือประชันสูงต่ำกับจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียน ประลองกันว่ามรรคกระบี่ของใครกันแน่ที่เรียกได้ว่าสุดยอดที่สุดในใต้หล้า”

“ไท่เสวียนเองก็ตอบรับเรื่องนี้อย่างว่องไว ทั้งสองนัดหมายกันว่าจะถกกระบี่ที่เขาปู้เอ้อร์แห่งโลกมืด”

“ตอนนั้นเรื่องนี้ฮือฮาอย่างมาก แม้แต่อาจารย์พอได้ยินเรื่องนี้ก็ยิ้มพูดว่า แม้มรรคกระบี่ที่ทั้งสองเสาะแสวงจะไม่เหมือนกัน แต่ล้วนเรียกได้ว่าเป็นที่สุดในทั่วหล้า ใครแข็งแกร่งและอ่อนแอกว่านั้น ยากจะตัดสินจริงๆ”

“ตอนนั้นข้าอยู่ข้างกายอาจารย์ กำลังสำแดงมหามรรคที่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ เมื่อได้ยินเรื่องนี้เดิมตัดสินใจว่าจะไปชมดูความองอาจของพวกเขาสักหน่อย”

“น่าเสียดายที่เคราะห์จ่อมจมครั้งนั้นปะทุขึ้นอย่างกะทันหันและรวดเร็วเกินไป ทำให้จักรพรรดิกระบี่ชั้นเลิศสองคนที่มีโอกาสประลองกัน สุดท้ายก็ไม่สามารถแข่งขันกันได้อย่างแท้จริง”

พูดถึงตรงนี้จ้งชิวเหมือนเสียดายเล็กน้อย ตบเข่าเบาๆ สีหน้าแฝงความผิดหวัง

ฟังเรื่องราวในอดีตเหล่านี้ ในใจหลินสวินเองก็ล่องลอย ความคิดมากมายเกิดขึ้นในหัว

คนหนึ่งคือไท่เสวียนที่เรียกว่าเป็นจักรพรรดิกระบี่อันดับหนึ่งแห่งยุคดึกดำบรรพ์

อีกคนคือจูคง จอมกระบี่อันดับหนึ่งของโลกมืด

งานถกกระบี่เขาปู้เอ้อร์ที่กำลังจะเกิดขึ้น กลับไม่สามารถเกิดขึ้นได้เพราะเคราะห์จ่อมจมครั้งหนึ่ง น่าเสียดายจริงๆ

“ตอนนี้เจ้าเข้าใจแล้วใช่หรือไม่ จูคงเลือกเจ้า จึงจะเป็นตัวเลือกที่ถูกต้องที่สุด คนอื่นๆ ไม่เข้าตาเขาหรอก”

จ้งชิวพูด “ไม่เช่นนั้นบุตรนรกนั่นคงได้รับมรดกของเขานานแล้ว มรรค ใช่ว่าจะส่งต่อให้กันได้ง่ายๆ แต่ตอนที่ส่งต่อไปให้ ก็จะไม่มีความลับใดๆ เลย”

ว่าแล้วเขายื่นม้วนหยกที่จูคงทิ้งไว้ตอนจากไปให้หลินสวิน

หลินสวินรับมา กลับไม่ได้รีบร้อนที่จะอ่าน แต่ถามว่า “ศิษย์พี่ เช่นนั้นท่านคิดว่า แท้จริงแล้วผู้อาวุโสไท่เสวียนกับผู้อาวุโสจูคง ใครแข็งแกร่งกว่ากัน”

จ้งชิวคิดๆ แล้วส่ายหน้า คำตอบนี้แม้แต่อาจารย์ของพวกเขาเจ้าแห่งคีรีดวงกมลยังไม่สามารถให้ได้ เขาเองก็ไม่อาจวิจารณ์

แต่เขายังคงเอ่ยพูดว่า “ศิษย์น้อง ข้าบอกเจ้าได้เพียงว่า ไปถึงระดับอย่างพวกเขา อยากจะวัดความสูงต่ำกันนั้นยากมากจริงๆ นอกเสียจากมีพลังกำราบอย่างเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นต่อให้อยากโจมตีอีกฝ่ายให้พ่ายแพ้ ก็ยากมากที่จะทำได้”

“ศิษย์พี่ แล้วท่านล่ะ” หลินสวินถาม

จ้งชิวอึ้ง พลันยิ้มพูดว่า “ต่อหน้าเจ้า ข้าจะคุยโวโอ้อวดไม่ได้ แต่ข้าสามารถบอกเจ้าได้ว่า ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน สิ่งเดียวที่ทำให้ข้าก้มหัวไม่ใช่มหามรรค ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นอาจารย์ของพวกเรา และมีเพียงอยู่ต่อหน้าอาจารย์เท่านั้น ข้าจึงจะยินดีก้มหัวให้”

ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดก็คือ นอกจากเจ้าแห่งคีรีดวงกมล บนโลกนี้ไม่มีใครสามารถทำให้เขาจ้งชิวก้มหัวได้!

“ศิษย์พี่ใหญ่ก็ไม่ได้หรือ” หลินสวินอดถามไม่ได้

จ้งชิวราวกับคาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้วว่าหลินสวินจะถามเช่นนี้ เอ่ยโดยไม่หยุดคิด “ไม่ได้”

คำสั้นๆ เพียงสองคำ สมเหตุสมผลถึงเพียงนั้น

หลินสวินเองยังอดอึ้งไม่ได้ เพิ่งจะตระหนักได้ว่ามุมมองและจิตใจของศิษย์พี่รองคนนี้ของตนเหนือกว่าที่ตนจินตนาการมาก

เงียบไปครู่หนึ่งจ้งชิวก็กล่าวว่า “มรรคของศิษย์พี่ใหญ่ ต่อสู้ไม่มีสิ้นสุด ไม่เคยพ่ายแพ้ แต่ข้าแค่อยากดูว่ามหามรรคทั่วหล้าทั้งบนล่างนี้ มีที่สิ้นสุดหรือไม่กันแน่…”

พูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืนพร้อมเอ่ยว่า “ยังมีเวลาอีกระยะก่อนเคราะห์จ่อมจมครั้งที่สามมาเยือน ศิษย์น้องอยากออกไปหรืออยากฝึกต่อ”

หลินสวินคิดๆ แล้วเลือกที่จะอยู่ต่อ

จ้งชิวพยักหน้า “ที่แห่งนี้ปกคลุมด้วยเพลิงอสนีคุนอู๋ ในบ่ออสนีใกล้ๆ ล้วนมีน้ำอสนีคุนอู๋ ถือว่าเหมาะกับการฝึกปราณอย่างมาก รอตอนที่แดนปรินิพพานมาเยือนข้าจะมาอีก”

พูดจบเขาก็ก้าวออกไปก้าวหนึ่ง และหายไปจากที่เดิมทันที

……

บ่ออสนีพลุ่งพล่าน แสงอสนีพร่างพราวบาดตา ระเบียบอสนีที่ปกคลุมฟ้าดินผืนนี้ราวกับฟื้นตื่นจากความเงียบสงบ แผ่กลิ่นอายปานทำลายล้างออกมา

หลินสวินนั่งอยู่เพียงลำพัง จิตใจกระเพื่อมไหว

การมาฝึกที่นรกอำพรางครั้งนี้ไม่ถึงกับมีอุปสรรคมากอะไร ทว่าระหว่างทางกลับเจอเรื่องราวมากมาย

“ตื่นได้แล้ว”

หลินสวินเดินไปเตะต้นทองแดงเฒ่าที่สลบอยู่ให้ตื่น

“หา?” ต้นทองแดงเฒ่าราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน ใบหน้างุนงง ครู่ใหญ่ถึงรับรู้ว่าพวกน่ากลัวจนทำให้มันสิ้นหวังเหล่านั้นได้จากไปแล้ว

“เจ้าคิดจะหลอมพลังอยู่ที่นี่หรือจากไป” หลินสวินถาม ระหว่างทางนี้ต้นทองแดงเฒ่าถือว่าทำได้ดี หลินสวินจึงไม่ถือสาที่จะให้โอกาสมันสักครั้ง

“แน่นอนว่าอยู่ต่อ!”

แววตาของต้นทองแดงเฒ่าร้อนระอุ ตอบอย่างมาดมั่น เขตต้องห้ามอสนีนี้เป็นสิ่งที่ต้นไม้เทพคุนอู๋ทิ้งเอาไว้ ตอนนี้ต้นไม้เทพคุนอู๋ไม่อยู่แล้ว สำหรับเขา มีโอกาสที่จะ ‘ยึดครอง’ โดยสมบูรณ์!

หลินสวินไม่ได้ปฏิเสธ ชี้ไปไกลๆ “น้ำอสนีคุนอู๋บ่อนี้มีประโยชน์ต่อข้า…”

ไม่รอพูดจบต้นทองแดงเฒ่าก็พุ่งไปแล้ว “สหายยุทธ์ ข้าช่วยเจ้ารวบรวม”

มันดูเอาใจใส่ มีความสุข กระตือรือร้น ตื่นเต้น จิตต่อสู้ฮึกเหิม

หลินสวินมองภาพนี้เงียบ ในใจลอบพูดว่า ‘หวังว่าต่อไปเจ้าจะสามารถเปลี่ยนเป็นต้นไม้เทพคุนอู๋ที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง’

ตั้งแต่ตอนนี้ไป หลินสวินก็เริ่มปิดด่านในเขตต้องห้ามอสนีผืนนี้

ในทุกวัน นอกจากหยั่งรู้มหามรรค เขาก็จะไปเข่นฆ่าและต่อสู้กับเงามายากฎเกณฑ์ที่พลุ่งพล่านอยู่ในเขตต้องห้ามอสนีแห่งนี้

หนึ่งเดือนหลังจากนั้น

หลินสวินลุกจากการขัดสมาธิ เอามือไหล่หลัง แหงนหน้ามองท้องฟ้า ในดวงตาดำขลับที่ลึกล้ำราวกับเหว มีพอกระบี่อันแหลมคมเสี้ยวหนึ่งพลุ่งพล่านอยู่รางๆ

เงียบอยู่นาน เขาจึงยกมือขวาขึ้น ทำท่าชักกระบี่กลางอากาศ เนิบช้าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ราวกับสิ่งที่ถืออยู่ไม่ได้ว่างเปล่า แต่เป็นกระบี่ที่ปิดผนึกอยู่กลางฟ้าดินผืนนี้

เขตต้องห้ามอสนีแห่งนี้ สั่นไหวอย่างกะทันหัน

ตรงกลางบ่ออสนีในระยะไกล ต้นทองแดงเฒ่าที่หยั่งรากและกำลังฝึกปราณอยู่ภายในสั่นเทิ้มไปทั้งตัว เบิกตาขึ้น กระแสเย็นที่อันตรายยากจะอธิบาย กระตุ้นจนสภาวะจิตของมันสั่นสะท้าน

หลินสวินสีหน้านิ่งสงบและจดจ่อ มือขวาอันว่างเปล่าที่กำอยู่ดึงออกกลางอากาศช้าๆ หนึ่งชุ่น

เคร้ง!

กระบี่ครวญระลอกหนึ่งสนั่นขึ้นมา

ชั่วขณะนี้ กาลเวลาหมื่นโบราณพลันตะลึง ชั้นเก้าของนรกอำพรางนี้ เริ่มสั่นไหวขึ้นมา

คมกระบี่หนึ่งชุ่น ควบรวมระหว่างฝ่ามือ แสงราวกับแสงแรกของพระอาทิตย์!

…………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์