Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2146

สรุปบท ตอนที่ 2146 วัฏจักรและตื่นรู้: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2146 วัฏจักรและตื่นรู้ – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บท ตอนที่ 2146 วัฏจักรและตื่นรู้ ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 2146 วัฏจักรและตื่นรู้

มองตนเป็นน้องชาย

หลินสวินซาบซึ้งในอย่างอดไม่ได้อยู่บ้าง ในสมองยังมีใบหน้างามล้ำในชุดเขียว ร่มสีเลือด มีเสน่ห์นั้นของชิงอิงปรากฏขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่

“ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว”

จ้งชิวนั่งลงกับพื้น “บทสนทนาระหว่างพวกเจ้าเมื่อครู่ข้าได้ยินหมดแล้ว อยากบอกเจ้าแค่ประโยคเดียว”

หลินสวินก็นั่งตามลงไป เผยสีหน้ารับฟัง

“ข้าปกครองโลกมืดมาไม่รู้กี่ปี สิ่งที่รอก็มีแต่แดนปรินิพพานนี้ อยากดูเสียหน่อยว่าใครจะได้เป็นหนึ่งบัวเบ่งบานในคำพูดของอาจารย์ดอกนั้น”

“ข้าหวังว่าจะเป็นเจ้า แต่ก็ทำได้แค่หวัง”

เสียงจ้งชิวดังก้องในโถงอันเงียบเชียบแห่งนี้

“ถ้าไม่ใช่ข้าล่ะ” หลินสวินถาม

จ้งชิวคิดๆ แล้วเอ่ยว่า “ก็คงผิดหวังอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ใครให้เจ้าเป็นศิษย์น้องเล็กของข้าจ้งชิวเล่า”

พูดจบก็ยิ้มออกมาอย่างอดไม่อยู่

ดูคล้ายเป็นคำพูดล้อเล่น แต่ในใจหลินสวินกลับปั่นป่วนไม่ว่างเว้น

เขารู้ดีว่าเพื่อปกป้องตน แรงกดดันที่ศิษย์พี่รองจ้งชิวกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ใหญ่โตขนาดไหน นั่นคืออันตรายที่ถูกทั่วหล้าร่วมกันมองว่าเป็นศัตรู!

จ้งชิวชำเลืองมองหลินสวินครั้งหนึ่ง คล้ายอ่านความคิดเขาออก “เจ้าไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้หรือรู้สึกว่าติดค้างอะไรข้านักหรอก”

“คราวนี้ไม่ว่าแดนปรินิพพานจะปิดฉากลงด้วยวิธีใด ข้าก็จะไม่อยู่ในโลกมืดนี้อีก ดังนั้นต่อให้เป็นศัตรูกับทั้งโลกข้าก็ไม่กลัว”

“หอวิหคทองแดงเล่า” หลินสวินเอ่ยอย่างอดไม่ได้

หอวิหคทองแดงเป็นหนึ่งในสามยักษ์ใหญ่ของโลกมืด อิทธิพลแผ่ขยายไปทั่วหล้าฟ้าดารานานแล้ว ศิษย์พี่รองซึ่งมีฐานะเป็นผู้สร้างหอวิหคทองแดง จะไม่กังวลว่าหอวิหคทองแดงจะถูกโจมตีจนวอดวายหรือ

จ้งชิวยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ขอเพียงข้าไม่ตาย ใครก็ไม่กล้าทำลายหอวิหคทองแดงให้ราบคาบหรอก เว้นแต่พวกเขาไม่อยากอยู่แล้ว”

หลินสวินเชื่อคำพูดนี้

ศักยภาพของศิษย์พี่รองย่อมแข็งแกร่งอย่างไร้ข้อกังขา มองไปทั่วหล้ายังเรียกได้ว่าเป็นยอดบุคคลที่มีเพียงหยิบมือ

ถ้าเขาตั้งใจแน่วแน่ว่าจะล้างแค้นใคร จะมีสำนักไหนไม่กลัวได้

“จักรพรรดิสวรรค์ดำรงล่ะ” หลินสวินเอ่ย นี่จึงจะเป็นสิ่งที่เขากังวลที่สุด

จ้งชิวนิ่วหน้าอย่างอดไม่ได้ พูดว่า “ศิษย์น้อง เจ้าว่าศิษย์พี่รองของเจ้าสู้ศิษย์พี่ใหญ่ไม่ได้หรือ”

หลินสวินยิ้มเจื่อน “ข้าจะกล้าได้อย่างไร”

จ้งชิวพูด “เช่นนั้นก็พอแล้ว จักรพรรดิไร้นามคนก่อนถูกศิษย์พี่ใหญ่กำราบไป จักรพรรดิสวรรค์ดำรงคนนี้… ย่อมต้องให้ข้ามาสะสาง”

เสียงเรื่อยเปื่อยแต่เผยให้เห็นความโอหังอย่างหมดจด

“ข้ามาคราวนี้ไม่ได้มาคุยกับเจ้าเรื่องนี้”

จ้งชิวจัดการความคิดความรู้สึกแล้วเอ่ยว่า “อีกหนึ่งเดือนแดนปรินิพพานจะมาเยือน สมบัติและกำลังภายนอกใดๆ ที่ผู้ที่เข้าไปในนั้นพกติดตัวจะถูกผนึกไม่สามารถใช้ได้ทั้งหมด”

“นี่ก็หมายความว่า การประชันในแดนปรินิพพานจะพึ่งได้แต่มรรควิถีของตัวเองเท่านั้น”

ฟังถึงตรงนี้หลินสวินนิ่วหน้าอย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็คลายลงทันที

สมบัติบนตัวเขามีมากมาย อย่างเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด เหล่าศาสตราจักรพรรดิคุนหลุน ต่างเรียกว่าเป็นมหาสมบัติที่ยอดเยี่ยมยิ่งยวด

ต่อให้ไม่พูดถึงสมบัติทั้งหมดนี้ อย่างพวกเย่จื่อ อู้เชวีย วิญญาณดาบหักก็ให้ความช่วยเหลือได้เป็นอย่างยิ่งในเวลาคับขัน

แต่เห็นได้ชัดว่าในแดนปรินิพพาน ไม่ว่าจะเป็นสมบัติเหล่านั้นหรือกำลังของพวกเย่จื่อก็ไม่อาจใช้ได้อีกแล้ว

นี่เท่ากับทำให้หลินสวินสูญเสียไพ่ตายจำนวนหนึ่งไป

แต่เช่นเดียวกัน ผู้แข็งแกร่งที่เข้าสู่แดนปรินิพพานคนอื่นก็ต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้!

จ้งชิวเห็นสีหน้าหลินสวินที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด ลอบพยักหน้าอย่างอดไม่ได้ การชิงชัยในมหามรรคว่ากันถึงแก่นแล้ว สุดท้ายที่ประชันกันก็คือมรรควิถีของตัวเอง

“นอกจากนี้ในแดนปรินิพพาน สิ่งที่ลึกลับและน่ากลัวที่สุดคือพลังของวัฏจักรกาลเวลา พลังระเบียบเช่นนี้เคยปรากฏแค่ในต้นยุคดึกดำบรรพ์เท่านั้น ตามคำพูดของอาจารย์ ภายใต้วัฏจักร ทันทีที่หลงอยู่ในนั้น ต่อให้มรรควิถีของเจ้าจะเทียมฟ้าก็ไม่สามารถควบคุมความเป็นตายได้ แพ้ชนะกลายเป็นว่างเปล่า”

จ้งชิวเอ่ยจริงจัง “ศิษย์น้อง รอเจ้าเข้าไปในนั้น ต้องจำไว้ให้ดีว่าถ้าพบกับวัฏจักร ‘ตื่นรู้’ จึงจะสำคัญที่สุด”

หลินสวินพยักหน้า จู่ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องในอดีตเรื่องหนึ่ง

ตอนนั้นในด่านที่แปดของทางเดินเมฆาหยกห้องโถงมรรคาสวรรค์ เขาเคยเข้าไปในวัฏจักรครั้งหนึ่ง ดำรงอยู่ด้วยอีกตัวตนหนึ่งยี่สิบปี ในที่สุดก็ได้พบตัวตน

วัฏจักรเช่นนี้ กับพลังวัฏจักรที่ศิษย์พี่รองว่าจะเหมือนกันหรือไม่

“อีกอย่าง ที่ต้องระวังก็คือการจู่โจมจากแดนอื่นนั่น”

จ้งชิวเอ่ยปาก ถ้อยคำที่พูดออกมาก็เป็นสิ่งที่หลินสวินอยากถามพอดี

ตามคำพูดของจ้งชิว ภัยคุกคามที่มาจากแดนอื่นนั่น ความจริงแล้วเป็นไปได้สูงยิ่งที่จะมาจากฟากฝั่งฟ้าดารา!

ฟากฝั่งฟ้าดาราเป็นโลกเช่นไร และโลกแห่งนั้นใหญ่โตเพียงไหนกันแน่ จ้งชิวก็ไม่อาจให้คำตอบที่ชัดเจนได้

ที่มั่นใจได้เพียงอย่างเดียวก็คือ ที่ฟากฝั่งฟ้าดารามีระดับมหามรรคที่สูงยิ่งกว่าระดับจักรพรรดิ มีพลังอมตะกับนิรันดร์คงอยู่ ทั้งยังมียอดกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับโชคชะตาและกาลเวลา!

ก่อนหน้านี้เขาคืออันดับหนึ่งในกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ กดข่มคนรุ่นเดียวกันในใต้หล้าตลอดหกร้อยปี แต่พอหลินสวินปรากฎตัว กลับทำลายสถิติอันทรงเกียรติทั้งหมดที่เขาสร้างขึ้น

แม้เป็นเช่นนี้แต่ในใจหมีอู๋หยายังชื่นชมและเลื่อมใสหลินสวินเป็นอย่างยิ่ง ดังคำกล่าวที่ว่ามรรคข้าไม่โดดเดี่ยวก็เป็นเช่นนี้

‘การประชันหมากครั้งใหญ่ครั้งนั้นเขายังไม่กลัวเกรง คราวนี้… เขาจะไปไม่ถึงได้อย่างไร’

ขณะเดียวกันในเมืองหมื่นดารา หลิงหงจวงก็รำพึงในใจ ทั่วหล้าฟ้าดาราตอนนี้ แม้หลินสวินจะถูกจักรพรรดิสวรรค์ดำรงตามฆ่า แต่ไม่ว่าใครพูดถึงเขาก็ไม่กล้าดูถูกและละเลยเขาอย่างแต่ก่อนอีก!

นี่คือความน่าเกรงขามที่ได้จากการเข่นฆ่า เป็นอานุภาพที่มาจากการต่อสู้!

แน่นอนว่าอาจจจะมีหลายคนคิดต่างจากหมีอู๋หยากับหลิงหงจวง ท่าทีที่พวกเขามีต่อหลินสวินมีเพียงอย่างเดียว…

หมายใจให้หลินสวินถูกฆ่า!

“เสวียนเยวี่ย เลิกคิดถึงเขาได้แล้ว เจ้ากับเขา… อยู่คนละโลกกันอยู่แล้ว”

เมืองหนึ่งในโลกมืด

จักรพรรดิกระบี่วายุแห่งเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ตระกูลจินเทียนมองดูจินเทียนเสวียนเยวี่ยที่นั่งเหม่อลอยอยู่ริมหน้าต่าง ในใจเวทนาอย่างอดไม่ได้ ถอนหายใจไม่ว่างเว้น

บนยานลมกรดตอนนั้น ก็เป็นจักรพรรดิกระบี่วายุเสนอให้จินเทียนเสวียนเยวี่ยติดตามหลินสวินไปฝึกปราณ

ทว่าตอนนี้ในใจจักรพรรดิกระบี่วายุกลับรู้สึกซับซ้อนอยู่บ้าง

เพราะจู่ๆ เขาก็พบว่า ทายาทในตระกูลจินเทียนที่เย่อหยิ่งที่สุดของพวกเขาอย่างจินเทียนเสวียนเยวี่ย ผู้ที่ถูกมองเป็นคนงามอันดับหนึ่งแห่งเขตแดนดาราจักรพรรดิขาวถูกกำหนดให้ไร้วาสนากับหลินสวิน

มรรคาของทั้งสองต่างกันลิบลับ

ต่อให้ใช้พลังทั้งหมด เอาทุกอย่างเข้าแลกเพื่อไล่ตาม ก็ยังยิ่งเดินยิ่งห่าง

“ผู้อาวุโส ข้าไม่ได้คิดเกินเลยอะไรกับคุณชาย ข้ารู้ว่าคนอย่างคุณชายภายหน้าจะต้องยิ่งเดินสูงขึ้นและไกลขึ้นบนมหามรรค และไม่ใช่สิ่งที่ข้าไล่ตามได้อยู่แล้ว…”

จินเทียนเสวียนเยวี่ยเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยเบาๆ ว่า “ข้า… เพียงแต่กังวลอยู่บ้าง ทั่วหล้าในตอนนี้ นอกจากหอวิหคทองแดงนั่น ใคร… ยังปล่อยเขาไปได้”

ชุดขาวนางขาวโพลนดั่งหิมะ งามพิสุทธิ์หาใดเทียบ ท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ดั่งเซียนเช่นเคย งามล้ำดั่งรูปวาด

หลังจากการเคลื่อนไหวในเขตต้องห้ามเซียนโบราณเมื่อตอนนั้นปิดฉากลง นางถูกบรรพจารย์จักรพรรดิฉานถู อาจารย์ของหลิงเคอจื่อช่วยไปพร้อมกับเซี่ยอวี่ฮวาและเหลิ่งซิวเจีย

ตั้งแต่นั้นมานางก็แยกกับหลินสวินแล้ว

หลายปีนี้ทุกครั้งที่คิดถึงช่วงเวลาที่ติดตามข้างกายหลินสวินท่องไปในโลกใหญ่หงเหมิง ใจนางก็เหมือนรู้สึกสูญเสีย ทุกข์ใจอย่างบอกไม่ถูก

จักรพรรดิกระบี่วายุถอนใจในใจ โบราณนานมา ผู้ใดรักกว่าย่อมทุกข์กว่า ตาเฒ่าที่มีประสบการณ์มากมายนับไม่ถ้วนอย่างเขาจะอ่านความคิดยายหนูอย่างเสวียนเยวี่ยไม่ออกได้อย่างไร

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์