ตอนที่ 2159 ความริษยาทำให้คนบิดเบี้ยว
ฝีเท้าของหลินสวินชะงัก เอี้ยวหัวมองไปทางหลีชาง ยกมือขึ้นตบไหล่เขาเบาๆ “เจ้าหนุ่ม ความหยิ่งทระนงทำให้คนถดถอย ความริษยาทำให้คนบิดเบี้ยว ทำตัวดีๆ เถอะ”
กล่าวเสร็จเขาก็เดินไปยังลานประลองยอดยุทธ์ที่อยู่ไกลๆ
หลีชางอึ้งงันไป
เจ้าหมอนี่ท่าทางเพิ่งจะอายุสิบสี่สิบห้า ปราณเพิ่งอยู่ในระดับกำลังภายในขั้นแปดเท่านั้น แต่เขากลับกล้าทำท่าเป็นผู้ใหญ่เจนโลกสั่งสอนตนเช่นนี้!?
บ้าไปแล้วหรือ
หลีชางโกรธจัดจนหัวเราะออกมา ข้าหยิ่งทระนง? ข้าริษยา? ไม่หัดดูบ้างว่าเจ้าซูชิงหานนับเป็นตัวอะไร!
เขายิ่งคิดในใจก็ยิ่งหงุดหงิด อึดอัดคล้ายกับกินแมลงวันไม่ผิดเพี้ยน แต่หลินสวินเข้าลานประลองไปแล้ว เขาจึงต้องข่มกลั้นความเดือดดาลในอกเอาไว้
และเวลานี้เฉียนอวี้หลิวเอ่ยร้องรับอยู่ด้านข้าง “เขาพูดถูกแล้ว”
ประโยคเดียวสี่คำ ทำเอาหลีชางโกรธจนแทบกระอักเลือด ทั้งตัวเปลี่ยนเป็นย่ำแย่ รู้สึกได้ว่าโลกใบนี้เปี่ยมด้วยความชั่วร้าย
เขาเอ่ยกล่าวเน้นถ้อยเน้นคำ “องค์หญิงสาม เจ้าหมอนี่ต้องพ่ายแพ้ หาไม่ให้ข้ากินอาจมเลยก็ได้!”
เฉียนอวี้หลิวขมวดคิ้ว กินอาจม คำพูดแบบนี้ยังพูดออกมาได้ เจ้าหมอนี่ถูกทำให้โกรธจนเสียสติไปแล้วหรือ
เวลานี้สายตาทั้งที่นั้นล้วนจับจ้องอยู่ในลานประลองยอดยุทธ์ จ้องมองไปยังร่างของหลินสวินและจ้าวซือคนนั้น
เสียงวิพากษ์วิจารณ์สะท้านฟ้า
ผู้แข็งแกร่งจากราชวงศ์ต้าเฉียนล้วนไม่เข้าใจยิ่ง ซูชิงหานนี่อาศัยอะไรถึงมาเข้าร่วมได้ ไม่กลัวทำให้ต้าเฉียนเสียหน้ายับเยินหรือ
ฝั่งสองราชวงศ์ใหญ่อย่างต้าฉู่ ต้าเว่ย ก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะชั่วร้าย
และบนลานประลองยอดยุทธ์ จ้าวซืออหังการเต็มเปี่ยม ชี้ไปทางหลินสวินแล้วกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง “สหาย เจ้าอย่าหาว่าข้ารังแกเจ้า นี่เป็นบัญจากเทพสวรรค์ ข้า… อยากปฏิเสธก็ไม่ได้”
น้ำเสียงเจือแววล้อเลียน เรียกเสียงหัวเราะผสมโรงระลอกหนึ่งจากในลาน
“ชื่อของเจ้าไม่เลว” หลินสวินเอ่ยปากเนิบนาบ
ผู้คนอึ้งไปก่อนเป็นอย่างแรก จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นแปลกพิกลขึ้นมา จ้าวซือ? จ๋าวสื่อ (รนหาที่ตาย)? ชื่อนี้… มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริงๆ
และใบหน้าของจ้าวซือก็แดงก่ำ ตวาดลั่น “ซือที่มาจากแข็งแกร่งยิ่งใหญ่เพียงนี้! ไม่ใช่สื่อที่มาจากรนหาที่ตาย!”
หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่ง กล่าวว่า “ฟังดูแล้วไม่เห็นแตกต่างกันเท่าไหร่”
หน้าผากจ้าวซือเส้นเลือดปูดโปน ส่งเสียงคำรามคราหนึ่งแล้วพุ่งโถมมาทางหลินสวิน
ตูม!
เงาร่างสูงกำยำของเขาพัดกระแสปราณเปลวเพลิงแถบหนึ่งขึ้นมา อานุภาพไต่ทะยานถึงขีดสุดในพริบตา ดุจดั่งภูเขาไฟปะทุลูกหนึ่งก็ไม่ปาน
พร้อมๆ กับเขาหวดหมัดโจมตีออกไป พลังหมัดดุจกลองใหญ่ไหวสะท้าน พาให้อากาศสะเทือนแตกเป็นเสี่ยง ส่งเสียงกระหึ่มสนั่น
ในลานพลันเกิดเสียงโห่ร้อง เสียงอุทานตกใจ เสียงกรีดร้องลั่นระลอกหนึ่ง
หลีชางยังอดฮึกเหิมขึ้นมาไม่ได้ เจ้าคนน่ารังเกียจคนนี้ในที่สุดก็ถูกบดขยี้แล้ว!
และในเสียงโห่ร้อง เสียงอุทาน เสียงกรีดร้องลั่นระลอกนี้ หลินสวินยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ไหวติง มีเพียงมือขวายื่นออกไปกดเบาๆ กลางห้วงอากาศคราหนึ่ง
ปึง!
พลังหมัดของจ้าวซือแตกกระจุย จากนั้นทั้งตัวเขาถูกกำราบลงกับพื้นตรงๆ กระแทกจนพื้นลานเกิดเสียงอื้ออึง
เสียงทั่วลานชะงักทันควัน ทุกคนต่างรู้สึกตั้งรับไม่ทัน เหมือนกำลังกินข้าวอย่างมีความสุขเบิกบานใจ จู่ๆ ก็ถูกอุกกาบาตหล่นจากฟ้ากระแทกโต๊ะอาหารเบื้องหน้า
ทั้งยังเหมือนเอาตัวไปอยู่ในมรสุมโหมกระหน่ำกะทันหัน ทั่วร่างปั่นป่วนไปหมด…
กระบวนท่าเดียว จ้าวซือถูกกำราบ!
เนิ่นนานกว่าทุกคนจะค่อยๆ ได้สติจากอาการสะท้านสะเทือนจนมึนตื้อ และยอมรับความจริงข้อนี้ สายตายามมองดูหลินสวินอีกครั้งก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมแล้ว
ส่วนหลีชางตลึงอึ้งค้างเป็นครั้งแรก…
ในลานประลองยอดยุทธ์ จ้าวซือดิ้นรนสุดแรงก็ไม่สามารถหลุดรอด ร้อนรนจนเหงื่อเย็นผุดเต็มหน้าผาก สีหน้าล้วนเปลี่ยนไป
หลินสวินยิ้มน้อยๆ เอ่ยปาก “เจ้าแพ้แล้ว นี่เป็นบัญชาเทพสวรรค์ ข้า… ก็ไม่อาจปฏิเสธเช่นกัน”
จ้าวซืออับอายแกมโกรธ รู้สึกไม่มีที่ให้ยืน
ก่อนหน้านี้เขายังพูดอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า แต่ตอนนี้ถูกคนอื่นหยอกเย้ากลับมาตรงๆ!
นี่เป็นการแหกหน้าเกินไปแล้ว!
สุดท้ายผู้ตัดสินลงสนาม ประกาศว่าการประลองครั้งนี้หลินสวินคว้าชัย และจ้าวซือก็ออกไปอย่างสะบักสะบอม
“เจ้าหมอนี่ ช่างสมชื่อจริงๆ…”
ผู้แข็งแกร่งราชวงศ์ต้าเฉียนเหล่านั้นต่างอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ จ้าวซือ จ๋าวสื่อ (รนหาที่ตาย)!
และยามนี้ผู้แข็งแกร่งในลานต่างก็ตระหนักอย่างสิ้นเชิง หลินสวินเป็นผู้มีปราณระดับกำลังภายในขั้นแปดจริงๆ อย่างไม่ต้องสงสัย แต่เขาเหยียบย่างบนขอบเขตมกุฎของระดับกำลังภายในขั้นแปด!
เมื่อก้าวสู่ขอบเขตมกุฎ นั่นคือผู้ที่เหมือนมังกรเทพบนสวรรค์!
ผู้เข้าแข่งขันสองราชวงศ์ใหญ่อย่างต้าฉู่ ต้าเว่ยต่างเริ่มประเมินความแข็งแกร่งของหลินสวินใหม่ ไม่กล้าดูเบาเหมือนก่อนหน้านี้อีก
ในหมู่คนรุ่นเยาว์ของต้าเฉียนถึงกับปรากฏบุคคลขอบเขตมกุฎอีกคนหนึ่ง นี่ทำให้พวกเขาเองก็คาดไม่ถึงอยู่บ้างเช่นกัน
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าจะกินอะไรนะ” จู่ๆ เฉียนอวี้หลิวก็เอ่ยปากขึ้น
หลีชางที่ตะลึงงันไปแล้วสีหน้ามืดทะมึน กล่าวว่า “องค์หญิงสาม งานประลองยอดยุทธ์นี่ยังไม่สิ้นสุดอย่างสมบูรณ์ เจ้าหมอนั่นก็ใช่ว่าจะไต่ขึ้นสิบอันดับแรกได้เสียหน่อย!”
“กล่าวเช่นนี้ หากพี่ซูไต่ขึ้นสิบอันดับแรกได้ เจ้าก็จะกินอะไรนั่นใช่หรือไม่” เฉียนอวี้หลิวถาม
หลีชางกล่าวอย่างไม่ลังเล “แน่นอน!”
สามราชวงศ์ใหญ่อย่างต้าเฉียน ต้าฉู่ ต้าเว่ย แต่ละราชวงศ์ล้วนมีบุคคลขอบเขตมกุฎสามถึงสี่คน และบุคคลขอบเขตมกุฎเหล่านี้ก็ล้วนมีปราณระดับกำลังภายในขั้นเก้า
และนี่ก็ถูกกำหนดแล้วว่า การช่วงชิงสิบอันดับแรก เป็นไปไม่ได้ที่จะมีที่ยืนของซูชิงหานนั่นเด็ดขาด
เฉียนอวี้หลิวไม่พูดอะไรอีก
ตอนที่คุยเรื่องที่ว่าหลีชางจะกินอะไร นางรู้สึกไม่ดีไปทั้งตัว ช่างน่าขยะแขยงเกินไปแล้ว
เวลาเคลื่อนคล้อย การต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่าปรากฏบนลานประลองยอดยุทธ์ บรรยากาศนอกลานก็เปลี่ยนเป็นยิ่งระอุมากขึ้นเรื่อยๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์