Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2275

สรุปบท ตอนที่ 2275 บรรพชนผู้นิพพาน: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอน ตอนที่ 2275 บรรพชนผู้นิพพาน จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 2275 บรรพชนผู้นิพพาน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 2275 บรรพชนผู้นิพพาน

เงาร่างรอชมเรื่องสนุกแออัดแน่นขนัด เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่เป็นประวัติการณ์ ตรอกซอยเต็มไปด้วยผู้คน

เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ พวกเลี่ยนหงซิ่วก็ตระหนักได้เช่นกันว่าการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นนี้ชักใหญ่โตแล้ว

ทว่าพวกเขาไม่ได้สนใจ เมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงนี่เป็นถิ่นของพวกเขาเผ่าจักรพรรดิช่างเทพ!

เพียงแต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาแปลกใจคือ หลินสวินกลับชะงักเท้า ตัดสินใจว่าวันนี้พอแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยไปร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขหนึ่งแห่งนั้น

นี่ทำให้พวกเขาต่างอดตะลึงอึ้งค้างไม่ได้ ยังรู้สึกติดใจไม่หาย ก่อนหน้านี้ติดตามหลินสวินชมสมบัติตลอดทาง หลังผ่านการพูดคุยก็ทำให้พวกเขาได้รับคำชี้แนะบางอย่างไม่มากก็น้อย

เฒ่าดึกดำบรรพ์บางคนยังมีข้อกังขาในใจยังไม่ทันขอคำชี้แนะจากหลินสวิน ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้จะยอมตัดใจปล่อยหลินสวินไปได้อย่างไร

แต่หลินสวินตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ดังนั้นจึงทำได้เพียงหยุดไว้เท่านี้

หลินสวินย้อนกลับโรงเตี๊ยมอย่างเร่งรีบ ตลอดทางมีคนคิดจะสะกดรอยตาม แต่ต้องพบอย่างอึ้งงันว่าเวลาเพียงพริบตาหลินสวินก็ประหนึ่งหายไปจากโลกนี้ ไม่เหลือร่องรอยใดๆ

‘เรื่องในวันนี้ต้องทำให้เผ่าจักรพรรดิช่างเทพแตกตื่นเป็นแน่ พรุ่งนี้ตอนไปร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขหนึ่ง บางทีพวกเขาอาจใจเย็นลงบ้างก็เป็นได้’

ในโรงเตี๊ยมหลินสวินนั่งลงส่งๆ วันนี้เกิดความเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ ต้องให้เวลาเผ่าจักรพรรดิช่างเทพใคร่ครวญและผ่อนคลายลงหน่อย

เมื่อเป็นเช่นนี้ยามพบกันอีกครั้ง เมื่อเอ่ยถึงเรื่อง ‘ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน’ บางอย่างย่อมสะดวกกว่ากันหน่อย

‘แค่ไม่รู้ว่าสถานการณ์ฝั่งลั่วเจียเป็นอย่างไรบ้าง…’

หลินสวินขมวดคิ้ว มีตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งคอยหนุนหลัง อุบายที่พุ่งเป้ามาที่เผ่าหงส์เซียนครั้งนี้ย่อมไม่ใช่เล็กน้อยแน่

และเขายังต้องอาศัยเส้นทางของเผ่าหงส์เซียนย้อนกลับทางเดินโบราณฟ้าดารา ย่อมไม่คาดหวังให้เผ่าหงส์เซียนเกิดเหตุร้ายแรงอะไรอยู่แล้ว

สุดท้ายหลินสวินก็ส่ายหน้าเบาๆ คิดมากไปก็ไร้ประโยชน์ เขาเพิ่งมาถึงเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงได้วันเดียว ไม่เข้าใจข่าวสารข้อมูลอย่างเป็นรูปธรรมสักนิด แม้จะอยากช่วยเผ่าหงส์เซียนก็ไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหน

ในตอนนี้มีแต่ต้องรอข้อมูลมากกว่านี้เท่านั้น

สวบ!

ครู่ต่อมาหลินสวินโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง เงาร่างเด็กชายอายุเจ็ดแปดขวบคนหนึ่งปรากฏ บนตัวสวมชุดคลุมขนนกลายดาว ศีรษะสวมเกี้ยวประดับรุ้งดารา ใบหน้าน้อยบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ดวงตาลึกล้ำใสกระจ่าง ผุดผ่องประดุจวังวนดารา

เป็นวิญญาณค่ายกลที่ถือกำเนิดจากกระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญนั่นเอง!

สิ่งมีชีวิตอย่างวิญญาณค่ายกลนี้ พลังเยี่ยมยอดเลิศล้ำ ใช้พลังแห่งฟ้าดินเป็นแหล่งกำเนิด ใช้แก่นแท้แห่งสรรพสิ่งเป็นตัวนำ สำแดงกระบวนผนึกลายมรรคถึงขีดสูงสุดจึงจะสามารถถือกำเนิดขึ้นมาได้

ฉะนั้นการมีอยู่ของวิญญาณค่ายกลจึงหายากอย่างยิ่งยวด

และเด็กชายตรงหน้าคนนี้ ก็คือวิญญาณค่ายกลที่ติดอันดับห้าค่ายกลสังหารทั่วหล้า!

“คุยกันหน่อย” หลินสวินมองสำรวจเด็กชาย

เด็กชายสีหน้าขุ่นเคือง “จะคุยอะไร มีอะไรให้น่าคุยนัก”

หลินสวินยกมือขึ้นเขกหน้าผากเด็กชายจนเด็กชายแยกเขี้ยวยิงฟัน กล่าวอย่างโมโห “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังคิดพิเรนทร์อะไรอยู่ คงอยากให้ข้ายอมศิโรราบ มองเจ้าเป็นเจ้านาย แต่ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ไม่มีวันซะหรอก!”

หลินสวินอึ้งไป กล่าวอย่างแปลกใจ “เจ้าเด็กดื้อเอาเรื่องใช้ได้นี่ แต่เจ้าวางใจได้ ข้าคนแซ่หลินคร้านจะให้เด็กดื้ออย่างเจ้าติดตามอยู่ข้างกาย”

เด็กชายหงุดหงิด “ใครคือเจ้าเด็กดื้อ ถ้าพูดถึงอายุ ข้าเป็นบรรพชนของบรรพชนเจ้าได้แล้ว!”

โป๊ก!

หน้าผากของเด็กชายถูกเขกอีกครั้ง เจ็บจนน้ำตาแทบเล็ด

หลินสวินยิ้มน้อยๆ อย่างชอบใจ กล่าวว่า “ขืนพูดจาไม่มีหูรูดอีก ระวังข้าจะให้ต้าหวงกินเจ้าซะ เด็กจ้ำม่ำตัวขาวนุ่มนิ่มอย่างเจ้า ต้าหวงหมายตาไว้นานแล้ว”

เด็กชายสั่นเทิ้มไปทั้งตัว นึกถึงหมาต้าหวงตัวนั้นที่เอาแต่จ้องตนจนน้ำลายไหลทั้งวันตอนถูกสยบอยู่ในเจดีย์ไร้สิ้นสุดก่อนหน้านี้ ในใจก็หนาวสั่นครั่นคร้าม

“เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่” เด็กชายอดเอ่ยถามไม่ได้

“ง่ายมาก ผ่านช่วงนี้ไปข้าอาจจะวางกระบวนค่ายกลหลอมอาวุธ เจ้าก็มาเป็นลูกมือให้ข้าเป็นอย่างไร” หลินสวินกล่าวลวกๆ

เด็กชายอึ้งไป ดวงตาบริสุทธิ์ไร้เดียงสากะพริบปริบๆ “หลอมอาวุธหรือ ข้าไม่เข้าใจหรอก”

โป๊ก!

หน้าผากของเขาถูกเขกอีกครั้ง เจ็บจนแทบร้องลั่น

หลินสวินกล่าว “ข้าหลอมอาวุธ เจ้าวางกระบวนค่ายกล ขืนยังกล้ามาเล่นลวดลายกับข้าอีก ข้ารับรองว่าจะให้เจ้าได้เห็นความอยากอาหารของต้าหวงว่ามันหิวกระหายแค่ไหน”

วิญญาณค่ายกลที่อยู่มาไม่รู้กี่กาลเวลาคนหนึ่ง หากมองเขาเป็นเด็กบริสุทธิ์ไร้เดียงสาจริงๆ เช่นนั้นก็โง่เง่าสิ้นดี

เด็กชายพลันเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา พยักหน้าอย่างว่าง่าย

“นับแต่วันนี้ไปเจ้าก็ชื่อ…” หลินสวินตั้งท่าจะตั้งชื่อให้อีกฝ่าย

“อย่า ข้ามีชื่อ!” เด็กชายรีบโพล่ง

“อยู่กับข้า เจ้าต้องฟังข้า” หลินสวินกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อไปเจ้าก็ชื่อเสี่ยวอู่” กล่าวจบ เจ้าตัวรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก

วิญญาณอาวุธค่ายกลสังหารลำดับที่ห้าทั่วหล้า ให้ชื่อว่าเสี่ยวอู่เหมาะสมที่สุด (อู่ หมายถึง ห้า)

เด็กชาย “…”

นี่มันชื่อบ้าอะไรเนี่ย

ดีชั่วตนก็อยู่มานานนับกาลเวลาไม่ถ้วน พิทักษ์เผ่าเจินหลงตราบจนปัจจุบัน ยามโคจรกระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญยิ่งสามารถสังหารจักรพรรดิทำลายบรรพจารย์ได้ อานุภาพเกรียงไกรขนาดไหน จะให้ถูกเรียกว่า… เสี่ยวอู่ได้อย่างไรกัน!?

ใบหน้าน้อยของเด็กชายดำมืดปานก้นหม้อ ไร้แรงจะท้วงติงแล้ว

ทว่าตั้งแต่เกิดเรื่องของลั่วชิงสวินขึ้น ความสัมพันธ์สองขุมอำนาจแตกหัก ทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลงไป

ทว่าคนแซ่ลั่วในเผ่าหงส์เซียนเหล่านั้นก็ไม่ได้พลอยเดือดร้อนอะไรด้วย เพราะพวกเขาใช้ชีวิตอยู่เผ่าหงส์เซียนตั้งแต่เด็ก ไม่ได้มีความทรงจำดีๆ อะไรต่อตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งด้วยซ้ำ

ยิ่งกว่านั้นที่เผ่าหงส์เซียนและตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งแตกหักกัน สาเหตุเป็นเพราะลั่วชิงสวิน ฉะนั้นสำหรับชาวเผ่าที่มีสายเลือดตระกูลลั่วส่วนหนึ่งไหลเวียนอยู่เหล่านั้น ในใจพวกเขายอมรับเพียงเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์และทายาทของเขาเท่านั้น แต่ไม่ยอมรับตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งในปัจจุบันนี้

จุดนี้ย่อมมีความแตกต่างอย่างชัดแจ้ง

ลั่วฉางเฟิงก็คือชาวเผ่าในกลุ่มนี้ ซ้ำยังกุมอำนาจบางส่วนในเผ่า ถือว่าเป็นคนระดับอาวุโสคนหนึ่ง

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น” บนบัลลังก์หวงชางเทียนขมวดคิ้ว

ลั่วฉางเฟิงสูดหายใจลึก ข่มความสะท้านไหวในใจก่อนกล่าวขึ้น “เรื่องนี้ลั่วเจียลูกสาวข้าประสบมากับตัว ให้นางเป็นคนบอกจะเหมาะสมที่สุด”

หวงชางเทียนพยักหน้าน้อยๆ กล่าวว่า “เช่นนั้นก็เรียกแม่หนูลั่วเจียเข้ามาในโถง”

ไม่นานลั่วเจียก็เดินเข้ามา หลังค้อมกายคารวะแล้วจึงบอกเล่าเรื่องราวที่ตนประสบมาก่อนหน้านี้ให้ฟังทั้งหมด

โดยเฉพาะหลังจากได้รู้ว่าเบื้องหลังของสองเผ่าอย่างเสือขาวและเต่าดำยังมีตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งคอยหนุนอยู่ คนใหญ่คนโตทั้งกลุ่มในโถงใหญ่ต่างก็โมโหเดือดดาล

“แผนชั่ว! นี่ต้องเป็นแผนชั่วแน่ๆ!”

มีคนเดือดดาล

“กล่าวเช่นนี้ กำลังพลของเสือขาว เต่าดำสองเผ่าก็เริ่มแทรกซึมเข้ามาในอาณาเขตของพวกเราเผ่าหงส์เซียนอย่างลับๆ แล้วหรือ”

มีคนตกใจ

“สามเดือนให้หลังตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งยังจะส่งคนใหญ่คนโตคนหนึ่งมาด้วย… นี่พวกเขาคิดจะทำอะไร เหตุใดต้องเลือกขัดแข้งขัดขาพวกเราเผ่าหงส์เซียนในเวลานี้ให้ได้ด้วย”

“หรือว่า… มีใครปล่อยข่าวเรื่องที่ใต้เท้าบรรพชนของเผ่าเราใกล้จะตื่น”

ชั่วขณะเดียวในโถงใหญ่ต่างอึงอล บรรดาเฒ่าดึกดำบรรพ์เผ่าหงส์เซียนแต่ละคนสีหน้าเขียวคล้ำไม่น่าดู

บนบัลลังก์หวงชางเทียนสีหน้าเปลี่ยนไปมา เนิ่นนานกว่าจะกล่าวพึมพำ “มิน่าหมู่นี้ข้ามักรู้สึกใจคอไม่ดีอยู่บ่อยๆ ที่แท้… คลื่นลมก็ใกล้มาเยือนจริงๆ สินะ…”

จากนั้นสีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเยือกเย็นทันที กวาดมองทั่วโถงด้วยสายตาดุจเปลวไฟ สุดท้ายก็มองไปยังลั่วเจีย กล่าวว่า “แม่หนู หลินสวินนั่นเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์จากที่ใด”

ลั่วเจียไม่กล้าปิดบัง บอกเล่าที่มาของหลินสวินให้ฟังทั้งหมด เพียงแต่ตอนนี้ลั่วเจียก็ยังไม่รู้เรื่องที่มารดาของหลินสวินคือลั่วชิงสวิน

ทว่ายามได้รู้ว่าหลินสวินถึงกับสังหารระดับจักรพรรดิขั้นแปดเผ่าเสือขาวคนหนึ่งในกระบี่เดียว ในที่นั้นต่างเกิดเสียงสูดหายใจสะท้านระลอกหนึ่งอย่างควบคุมไม่ได้

“ที่แท้ก็มาจากเผ่าเจินหลง”

หวงชางเทียนครุ่นคิดครู่หนึ่ง พูดกับลั่วเจียว่า “แม่หนู เจ้าไปบอกสหายคนนี้แทนข้าได้ที บอกว่ารอหลังจากจัดการคลื่นลมครั้งนี้แล้ว ข้าย่อมจะเปิดเส้นทางให้ ส่งเขากลับทางเดินโบราณฟ้าดาราด้วยตนเอง”

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์