ในแดนมกุฎเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้
หลังจากหลินสวินเข้าไปในเขตต้องห้ามแม่น้ำนรก เขาเคยพบสตรีที่พิเศษไม่เหมือนใครคนหนึ่ง
กลางฟ้าดินคือหมอกควันสีเลือด เนินเขาลูกเล็กที่ก่อจากโครงกระดูกตั้งตระหง่านอยู่ในนั้น น้ำเลือดและหมอกโลหิตหลั่งชโลมออกจากโครงกระดูกแน่นขนัด
บนยอดเขาเงาร่างงดงามสายหนึ่งนั่งอยู่ตรงนั้น สวมชุดกระโปรงที่ถูกเลือดย้อมเป็นสีแดง
นางเหมือนกำลังแต่งตัวอยู่ตรงหน้าแม่น้ำ สองมือทำท่าเหมือนหวีผม
แต่สิ่งที่พาให้คนหนาวสะท้านในใจคือ บนลำคอของนางว่างเปล่า ไม่มีศีรษะ!
ยามจากมาหลินสวินได้ยินเสียงถอนหายใจหนึ่งดังขึ้นรางๆ แฝงความอ้างว้างวังเวงไร้สิ้นสุด…
‘พวกเจ้าไปหมดแล้ว ใครจะจำข้าอู๋ยางได้…’
และเป็นเวลานั้นที่หลินสวินได้ยินว่าสมัยบรรพกาลเคยมีจักรพรรดิสงครามอู๋ยางที่พรสวรรค์โดดเด่น เบื้องบนทะยานเก้าสวรรค์ เบื้องล่างรบสยบเก้านรก เป็นหนึ่งในช่วงระยะเวลาหนึ่ง คนในรุ่นเดียวกันล้วนมืดมนอับแสง!
ผู้หญิงคนหนึ่งสามารถโดดเด่นในบรรดาคนรุ่นเดียวกัน ได้ชื่อว่านายเหนือหัวในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เดิมก็เหมือนเป็นดั่งตำนานอยู่แล้ว สามารถทำให้ทุกคนตะลึง!
นั่นเป็นครั้งแรกที่หลินสวินได้ยินชื่อของ ‘จักรพรรดิสงครามอู๋ยาง’
ต่อมายามเข้าไปในแม่น้ำนรก หลินสวินเข้าสู่แดนพิสุทธิ์ที่เต็มไปด้วยไผ่ม่วงเสียงอสนีแห่งหนึ่ง
ที่นั่นหลินสวินได้พบเงาร่างงามทรงสง่านั้นอีกครั้ง
นางในตอนนั้นชุดสะอาดดุจหิมะไม่มีรอยเลือดแม้แต่น้อย แม้เงาร่างจะเหมือนมายาพร่ามัว แต่ก็ยังสามารถมองเห็นว่าผมสีดำราวน้ำตกของนางพลิ้วไหว ศีรษะยังคงอยู่!
นางสนทนากับหลินสวินในป่าไผ่ม่วง มองหลินสวินเป็น ‘สหายยุทธ์’ และพูดถึงเรื่องมากมาย
มีประตูสวรรค์ มีสงครามแห่งมหายุค มีหนทางแห่งมกุฎ… น้ำเสียงดูซึมเซา เลือนราง และเยียบเย็น
ต่อมานางบอกหลินสวินว่านางฝึกปราณมาสามพันปี โลดแล่นสันโดษในใต้หล้า สังหารศัตรูนับไม่ถ้วน ในหมู่คนรุ่นเดียวกันไม่มีใครเทียบได้ ตลอดชีวิตเรียนรู้วิชาเรือนพันเรือนหมื่น
แต่ต่อมาเหลือเพียงวิชากระบี่เดียวนามว่า ‘ไปไร้หวน’!
นี่คือยอดมรดกมรรคกระบี่ที่ควบรวมมาจากชั่วชีวิตของนาง เคยสร้างความตื่นตาในอดีตกาล และก็เป็นตอนนั้นที่นางถ่ายทอดวิชาให้หลินสวินโดยไม่เก็บงำแม้แต่น้อย
ตอนนั้นหลินสวินเคยถามว่าเหตุใดสหายยุทธ์ถึงแสดงตนด้วยร่าง ‘ไร้หัว’
อู๋ยางตอบว่าปีนั้นยามห้ำหั่นกับคู่ต่อสู้แปดดินแดนอื่น ถูกคนเด็ดเอาไป ความอัปยศเช่นนี้วันหน้าต้องเอาคืน
ตั้งแต่นั้นมาทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับจักรพรรดิสงครามอู๋ยาง หยั่งรากลึกในก้นบึ้งจิตใจของหลินสวินเหมือนปริศนา
จวบจนทุกวันนี้เขาเป็นมกุฎมหาจักรพรรดิระดับจักรพรรดิขั้นสี่แล้ว แต่ยามนึกถึงจักรพรรดิสงครามอู๋ยางและไปไร้หวน ในใจก็ยังรู้สึกตกตะลึงไม่หยุด
จักรพรรดิหญิงคนหนึ่ง ปกครองหนึ่งช่วงสมัย เจิดจรัสระดับใด
แต่ตอนนี้เมื่อยืนอยู่บนแท่นมรรคหมื่นจั้งนี่ พอเห็นรูปร่างของสตรีที่ปกคลุมด้วยหมอกควันนั้น หลินสวินก็อึ้งไป
ด้วยนางคือจักรพรรดิสงครามอู๋ยางนั่นเอง!
ต่อให้รูปร่างยังเหมือนมายาพร่ามัว แต่บุคลิกเฉพาะตัวที่คลุมเครือและเยียบเย็นเช่นนั้น หลินสวินมีหรือจะลืมเลือน
ทำไม… ทำไมถึงเป็นเช่นนี้!?
หลินสวินอารมณ์ไหวหวั่นปั่นป่วน
ต้องรู้ว่าตอนยังเด็กยามก้าวผ่านทะเลกลืนวิญญาณ เข้ามาในสุสานสมุทรฝังมรรคแห่งนี้เป็นครั้งแรก เขาก็เคยพบอีกฝ่ายแล้ว!
ยังมีภิกษุตาบอดรูปนั้นที่อยู่ข้างกายจักรพรรดิสงครามอู๋ยางด้วย เขาเหมือนจอมมุนีซิงเจียที่เคยเจอในแดนมกุฎ และก็เป็นการพบกันตอนยังเด็ก
แต่หลินสวินคิดไม่ถึงเลยว่า พวกเขาจะเป็นคนที่คุ้นเคยกับตน!
ความจริงที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ทำให้หลินสวินรับมือไม่ทันอย่างอดไม่ได้
“สหายยุทธ์ พวกท่าน… ทำไมถึงปรากฏตัวที่นี่” หลินสวินอดถามไม่ได้
เงาร่างงดงามที่หมอกควันอบอวลนั้นกล่าวเหมือนแปลกใจ “สหายน้อยหมายความว่าอย่างไร”
หลินสวินสูดหายใจลึก สะกดกลั้นความสงสัยในใจ เล่าประสบการณ์ที่ตนพบเจอในแดนมกุฎเมื่อปีนั้นออกมาทั้งหมด
เมื่อหญิงสาวฟังจบจึงเข้าใจกระจ่างพลางกล่าว “ช่างน่าสนใจยิ่งนัก ความอัศจรรย์แห่งโลกหล้า คล้ายบุญทำกรรมแต่งไม่พ้นลิขิตตน ผูกเวรสร้างกรรมต้องมีที่มา”
จากนั้นตามคำอธิบายของนาง ในที่สุดหลินสวินก็เข้าใจเรื่องทุกอย่างนี้
สมัยดึกดำบรรพ์โลกมืดเกิดเคราะห์จ่อมจมเป็นครั้งแรก จักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนพาบุคคลเทียมฟ้าของพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณมากมายมุ่งหน้าฝ่าอันตรายไปด้วยกัน ในที่สุดก็ชิงพลังต้นกำเนิดของโลกที่เดิมเป็นของโลกมืดมาได้
ต้นกำเนิดของโลกนี้ก็คือ ‘แดนมกุฎ’ ที่ปรากฏในดินแดนรกร้างโบราณในภายหลัง
แต่ตอนนั้นยามพวกจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนนำต้นกำเนิดของโลกนี้กลับมาที่ดินแดนรกร้างโบราณ ได้ถูกผู้แข็งแกร่งที่มาจากแปดดินแดนสกัดกั้น ทั้งสองฝ่ายระเบิดศึกนองเลือด
ในการปะทะครั้งนี้ จักรพรรดิสงครามอู๋ยางถูกพวกน่ากลัวมากมายล้อมโจมตี แม้สุดท้ายจะสังหารศัตรูได้ทั้งหมด แต่ศีรษะของนางกลับถูกคนลอบโจมตีและเด็ดเอาไป
สิ่งนี้ถูกจักรพรรดิสงครามอู๋ยางมองว่าเป็นความอัปยศชั่วชีวิต
เหตุการณ์ต่างๆ ที่หลินสวินเจอในแดนมกุฎเมื่อปีนั้น ก็คือร่องรอยของการต่อสู้ที่ศึกนองเลือดนั้นเหลือทิ้งไว้
ส่วนสิ่งที่เหลืออยู่ในป่าไผ่ม่วงเสียงอสนี ก็เป็นแค่พลังเจตจำนงของจักรพรรดิสงครามอู๋ยางเท่านั้น
กระทั่งต่อมา
จักรพรรดิสงครามอู๋ยางบุกไปต่างแดนตัวคนเดียว เหินทะยานเก้าหมื่นลี้ สังหารศัตรูสิบหกคน ไม่มีใครที่ไม่ใช่มหาจักรพรรดิโบราณ ไม่มีใครที่ไม่ใช่บรรพจารย์จักรพรรดิ!
หลังผ่านศึกนี้ก็นับว่าได้แก้แค้นล้างความอัปยศ พวกจักรพรรดิสงครามอู๋ยางและจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนมุ่งหน้าไปฟากฝั่งฟ้าดาราด้วยกัน
กระทั่งจอมจักรพรรดิไร้นามใช้พลังระเบียบต้องห้ามม้วนกลืนทางเดินโบราณฟ้าดารา เหล่าผู้แข็งแกร่งอย่างจักรพรรดิสงครามอู๋ยางและจอมมุนีซิงเจียที่รู้ข่าวก็กลับมาจากฟากฝั่งฟ้าดารา เข้าร่วมใน ‘ศึกมรรคสิบทิศ’ ครั้งนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์