Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2361

สรุปบท ตอนที่ 2361 ลูกผู้ชายมีน้ำตา: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2361 ลูกผู้ชายมีน้ำตา – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บท ตอนที่ 2361 ลูกผู้ชายมีน้ำตา ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 2361 ลูกผู้ชายมีน้ำตา

ในลานเรือน

ตะเกียงสลัวดวงหนึ่งแขวนอยู่บนกิ่งไม้ โปรยแสงเงาเป็นลายพร้อย

ชายชราสันหลังโก่งงอคนหนึ่งกำลังใช้แรงทั้งหมดตักน้ำอยู่หน้าบ่อแห่งหนึ่ง

เขาร่างผอมกะหร่อง ผมเผ้าหนวดเครารุงรังราวกับพงหญ้า เสื้อผ้าเก่าคร่ำคร่า แค่ตักน้ำถังหนึ่งกลับดูเกินกำลังหาใดเปรียบ เงาร่างส่ายไปมา สองมือกำเชือกแน่น เส้นเลือดเขียวบนหลังมือปูดโปน หน้าผากมีเหงื่อไหลย้อย

ฝีเท้าเขาโงนเงน เชือกในมือร่วงลงไปอย่างรวดเร็ว

ถังน้ำที่ถูกเชือกพันไว้ตกสู่ก้นบ่อใหม่อีกครั้งดังตูม

ทั้งตัวเขากลับล้มลงข้างบ่อ น่าอเนจอนาถหาใดเปรียบ

ฮู่ว… ฮู่ว…

ทรวงอกเขากระเพื่อมไหวฮวบฮาบ ออกแรงยันตัวเองให้ลุกขึ้น ยามกำลังจะตักน้ำใหม่อีกครั้งก็ได้ยินเสียงเยียบเย็นหนึ่งดังขึ้น

“ข้าได้ยินว่าเจ้าไม่เชื่องอีกแล้ว ครั้งนี้คิดเล่นลูกไม้อะไรอีก ฆ่าตัวตาย? หรือว่าอดอาหาร?”

ชายชราตัวแข็งทื่อ ไม่ได้หันกลับไป กล่าวด้วยเสียงแหบพร่า “ทำไม เจ้าฉือฉางเหมยมาหัวเราะเยาะข้าอีกแล้วหรือ”

ฉือฉางเหมยยืนห่างออกไป แววตาเยียบเย็นราวกับดาบ “เจ้าเป็นแค่สวะที่เสียพลังปราณคนหนึ่งเท่านั้น มีอะไรให้หัวเราะเยาะ หากไม่ใช่ว่ายังมีคุณค่าอยู่บ้าง เจ้าคิดว่า… เจ้ายังรอดมาได้ถึงตอนนี้หรือ”

ชายชราเงียบไป ไม่เอ่ยวาจา กำเชือกเตรียมตักน้ำต่อ

ฉือฉางเหมยกล่าว “เจ้าฉลาดมาก เกรงว่าคงเดาได้แล้ว ช่วงนี้น้ำแร่ในบ่อนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง มีไอวิญญาณอันอุดมเพิ่มขึ้นมา หากดื่มตลอดไม่เพียงแต่ยืดเวลาต่ออายุให้เจ้า ยังชะล้างปราณสกปรกบนตัวลูกสาวสุดที่รักคนนั้นของเจ้าได้อีก ไม่แน่ว่า… ยังสามารถช่วยนางหลอมรากฐานในการฝึกปราณได้ด้วย”

ชายชรามือสั่น คล้ายตระหนักถึงอะไรได้ กล่าวว่า “ครั้งนี้เจ้ามาด้วยคิดจะทำอะไรกันแน่”

ฉือฉางเหมยสีหน้าเรียบเฉย “ลูกสาวของเจ้าห้าขวบแล้ว ข้าคิดจะพานางไป ช่วยนางชำระล้างแกนจิตและสิ่งปฏิกูลทั้งตัว จากนั้นก็สอนนางฝึกปราณ ภายหน้ามีโอกาสค่อยกราบเป็นศิษย์ฝึกตนในสำนักแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ”

“เจ้ากล้า!” ชายชราหมุนตัว สีหน้าโกรธจัด เหี้ยมเกรียมคล้ำเขียว

ฉือฉางเหมยยิ้ม “เจ้าวางใจ ข้าจะไม่ให้ลูกสาวของเจ้ารู้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณก็คือตัวการกำจัดอัครการค้า ทำลายอนาคตทั้งชีวิตของบิดานาง ภายหน้านาง… ต้องมีชีวิตที่ดีมากแน่นอน”

บนโลกนี้เรื่องโหดร้ายที่สุด ไม่มีอะไรเหนือกว่าการยอมรับโจรเป็นพ่อ นับถือศัตรูเป็นอาจารย์!

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ชายชราราวกับถูกฟ้าผ่า ดวงตาคั่งโลหิต พุ่งตัวเข้าไปในห้องที่อยู่ด้านข้างทันที

“ต่อให้ข้าต้องตายก็ไม่ยอมให้เจ้าพาหลินหลางไป!”

เขาแผดเสียงคำรามราวกับคลุ้มคลั่ง

ปึง!

ฉือฉางเหมยเตะเขาจนร่วงคะมำไปอยู่ด้านข้าง เดินตรงเข้าไปในห้อง เมื่อก้าวออกมาจากห้องก็อุ้มเด็กหญิงวัยห้าหกขวบที่เหมือนหลับสนิทคนหนึ่งไว้ในอ้อมกอดแล้ว

แม้ว่าเสื้อผ้ามอมแมม แต่ยังคงมองออกว่าเด็กหญิงคนนี้หน้าตาจิ้มลิ้ม ผิวขาวดุจหิมะ สวยน่ารักเป็นอย่างยิ่ง

“สือหลินหลาง… อืม วันหน้านางก็แซ่ฉือแล้ว” ฉือฉางเหมยพูดพลางเดินออกไปนอกเรือน

ใจของชายชราราวถูกมีดเฉือน ตะเกียกตะกายกล่าวด้วยเสียงร่ำไห้คร่ำครวญ “ฉือฉางเหมย เจ้ามีอะไรให้มาลงที่ข้า มาลงที่ข้าสิ…”

ฉือฉางเหมยยิ้ม “วางใจเถอะ ข้าบอกแล้วว่าเจ้ายังมีคุณค่า ไม่ช้าก็เร็วต้องมีเวลาที่ได้ใช้เจ้า”

พูดจบนางก็อุ้มเด็กหญิงเดินออกไปนอกเรือน

เบื้องหลังชายชราโทสะจู่โจมจิตใจ โกรธจนดวงตาแทบถลนตะเบ็งเสียงลั่น “ฉือฉางเหมย ไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวันที่ข้าจะกำจัดตระกูลฉือของเจ้าให้สิ้นซาก!”

“งั้นรึ”

ฉือฉางเหมยเผยรอยยิ้มหยันอย่างดูถูก ไม่ใส่ใจอย่างสิ้นเชิง

แต่เมื่อนางเปิดประตูรั้วออกก็กลับอึ้งงันอยู่ตรงนั้น

นอกประตูรั้ว ไม่รู้ว่ามีเงาร่างสูงตระหง่านหนึ่งยืนอยู่โดยไร้สุ้มเสียงตั้งแต่เมื่อไหร่

แต่เมื่อเห็นรูปร่างของเงาร่างสายนี้ ฉือฉางเหมยอึ้งไปเป็นอันดับแรก จากนั้นก็พลันหน้าเปลี่ยนสี ฝ่ามือนางบีบคอเด็กหญิงในอ้อมกอดทันที แทบจะเป็นไปตามสัญชาตญาณยามเผชิญหน้ากับอันตรายสุดขีด

จากนั้นนางถึงจ้องมองเงาร่างนั้นด้วยแววตาตื่นตระหนก “เจ้า… ทำไมถึงปรากฏตัวที่นี่ได้”

จากครั้งก่อน คนผู้นี้หายไปเกือบห้าสิบปีแล้ว!

ดูเหมือนไม่ใช่เวลาที่เนิ่นนาน แต่โลกชั้นล่างนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงจนพัฒนาอย่างรวดเร็วไปแล้ว ทำให้นางเชื่อมั่นว่าคนผู้นั้นน่าจะไม่มีทางปรากฏตัวบนโลกอีก

แต่กลับไม่เคยคิดว่าจะเจออีกฝ่ายในเวลานี้!

คนที่ยืนอยู่นอกประตูใหญ่ แน่นอนว่าคือหลินสวิน

หลินสวินกล่าวด้วยแววตาเฉยชา “หากข้าไม่กลับมา มีหรือจะรู้ว่าตระกูลฉือที่อ้อนวอนขอข้าให้อภัยเหมือนหมาตายในปีนั้น ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นหมาชั่วที่ใช้วิธีต่ำทรามตัวหนึ่งแล้ว”

สีหน้าฉือฉางเหมยเผยแววคับแค้นอับอาย จากนั้นก็กล่าวเสียงเย็นเยียบ “หลินสวิน โลกชั้นล่างนี้เปลี่ยนไปนานแล้ว บางทีเจ้าในตอนนั้นอาจครองอำนาจทั่วหล้า ไม่มีใครเทียบได้ แต่ตอนนี้ผู้คนบนโลกยังมีใครเห็นเจ้าอยู่ในสายตาอีก”

นางเว้นช่วงไปก่อนกล่าวเหมือนมั่นใจเต็มเปี่ยม “ข้าขอเตือนเจ้าให้ใจเย็นลงหน่อยจะดีที่สุด ตอนนี้ตระกูลฉือของข้าเป็นขุมอำนาจหนึ่งที่มีความสำคัญต่อแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณแล้ว หากล่วงเกินพวกเราต้องมีภัยร้ายมาเยือนแน่!”

หลินสวินเหลือบมองนางพลางกล่าว “เดิมข้าคิดว่าหลังจากปล่อยพวกเจ้าตระกูลฉือไปในปีนั้น ต่อให้พวกเจ้าไม่ยอมกลับเนื้อกลับตัว แต่ก็น่าจะรู้ชัดว่าเรื่องอะไรควรทำ เรื่องอะไรไม่ควรทำ น่าเสียดาย การแสดงออกของเจ้าทำให้ข้าผิดหวังมาก”

เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว

“เจ้าคิดจะทำอะไร เชื่อไหมว่าข้าจะบีบคอเด็กผู้หญิงคนนี้ซะ นางเป็นถึงบุตรสาวของสืออวี่สหายรักของเจ้า!”

ร้องไห้อย่างคร่ำครวญ!

ราวกับนักโทษสิ้นหวังซึ่งโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งคว้าความหวังเสี้ยวหนึ่งไว้แน่น ระบายความเจ็บปวดในใจออกมาในเวลานี้

หลินสวินเริ่มคัดจมูกทันที

ลูกผู้ชายไม่เสียน้ำตาง่ายๆ หากไม่เจอเรื่องชอกช้ำใจจริงๆ

เขาคาดไม่ถึงว่าไม่เจอกันห้าสิบปี สืออวี่ที่งามสง่าในตอนนั้นกลับตกต่ำถึงขั้นนี้ แม้แต่ขอทานยังเทียบไม่ได้!

“หลินสวิน เป็นเจ้าจริงๆ… เป็นเจ้าจริงๆ…”

เนิ่นนานสืออวี่จึงใจเย็นลงไม่น้อย ริมฝีปากสั่นระริก ยิ้มยิงฟันขึ้นมา ในแววตาที่มืดมนนั้นแฝงความยินดีจากใจ

โดยเฉพาะเมื่อเห็นเด็กหญิงที่หลินสวินโอบกอดในอ้อมแขน ทั้งตัวเขาล้วนตื่นเต้นขึ้นมา “ฮ่าๆๆ หลินหลางก็อยู่ หลินหลางก็อยู่ด้วย!”

“อยู่ ภายหน้าก็จะอยู่ไปตลอด”

หลินสวินกล่าวด้วยเสียงอบอุ่น ประคองสืออวี่ขึ้นมาจากพื้น ปัดดินโคลนบนตัวเขา “ยังมีเจ้าด้วย พลังปราณถูกกำจัดก็ไม่เป็นไร ข้าจะช่วยเจ้าสร้างมรรคาขึ้นใหม่ ยังมีความทรมานและเจ็บปวดที่เจ้าได้รับช่วงหลายปีนี้ด้วย ข้าจะช่วยเจ้าเอาคืนทั้งหมดอย่างเช่นกัน…”

เสียงของเขาอ่อนโยนเจือพลังแห่งมหามรรค แทรกซึมจิตใจของสืออวี่ ปลอบประโลมจิตวิญญาณที่ทรมานของเขา

กระทั่งต่อมาแววตาของสืออวี่กลับมาใสกระจ่าง สติฟื้นคืนกลับมาอย่างสมบูรณ์

เขาโผกอดหลินสวินแล้วฉีกยิ้มกว้าง “ข้าแค่รู้ว่าเจ้ากลับมาแล้ว ต่อให้ข้าตายไปลูกสาวของข้าหลินหลางก็จะไม่ไร้ที่พึ่งพิงอีก”

ประโยคเดียวทำให้หลินสวินปวดใจอยู่รางๆ เขาตบหลังสืออวี่พลางกล่าว “วางใจเถอะ หลินหลางกับเจ้าจะอยู่ด้วยกันไปตลอด”

“น่าขัน หากให้ขุมอำนาจใหญ่ของดินแดนรกร้างโบราณในนครต้องห้ามพวกนั้นรู้ว่าเจ้าหลินสวินยังมีชีวิตอยู่ เจ้าลองเดาสิว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร”

ฉือฉางเหมยที่ถูกพันธนาการกับพื้นยิ้มเหี้ยมเอ่ยปากแต่ไกล “ฟังคำเตือนข้าสักประโยค หากเจ้าปล่อยข้าไปตอนนี้ ข้าสามารถตัดสินใจปล่อยเจ้ากับพวกสืออวี่พ่อลูกให้จากไปพร้อมกันได้ ไม่อย่างนั้นต่อให้พวกเจ้าสังหารข้า ก็อย่าหวังว่าจะมีชีวิตรอดต่อไปอีก!”

สืออวี่เดือดจัดขึ้นมาทันที เพิ่งหมายจะพูดอะไร

หลินสวินก็กล่าวว่า “เจ้าไปอาบน้ำก่อน เปลี่ยนเสื้อผ้าให้สะอาดแล้วกินโอสถวิญญาณในขวด ผู้หญิงคนนี้… หนีไม่รอดแล้ว”

วาจาเรื่อยเฉื่อย แต่ความหมายที่เผยออกมาในคำพูดกลับทำให้ฉือฉางเหมยมือเท้าเย็นเยียบ ขนพองสยองเกล้า สภาวะจิตแทบจะพังทลาย

แต่หลินสวินก็ไม่สนใจนางสักนิด ยื่นเสื้อผ้าและลูกกลอนโอสถบางส่วนให้สืออวี่แล้วกล่าวกำชับอย่างละเอียด

“เจ้าถูกทำลายปราณ อาการบาดเจ็บภายในร่างสั่งสม ลูกกลอนโอสถนี้เจ้านำไปแช่น้ำ อย่าดื่มในครั้งเดียว รอร่างกายฟื้นฟูดีแล้วข้าค่อยสร้างฐานมรรคให้เจ้าใหม่…”

ในใจสืออวี่ปั่นป่วน รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เบ้าตารื้นอีกครั้งอย่างอดไม่ได้

…………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์