ตอนที่ 2361 ลูกผู้ชายมีน้ำตา
ในลานเรือน
ตะเกียงสลัวดวงหนึ่งแขวนอยู่บนกิ่งไม้ โปรยแสงเงาเป็นลายพร้อย
ชายชราสันหลังโก่งงอคนหนึ่งกำลังใช้แรงทั้งหมดตักน้ำอยู่หน้าบ่อแห่งหนึ่ง
เขาร่างผอมกะหร่อง ผมเผ้าหนวดเครารุงรังราวกับพงหญ้า เสื้อผ้าเก่าคร่ำคร่า แค่ตักน้ำถังหนึ่งกลับดูเกินกำลังหาใดเปรียบ เงาร่างส่ายไปมา สองมือกำเชือกแน่น เส้นเลือดเขียวบนหลังมือปูดโปน หน้าผากมีเหงื่อไหลย้อย
ฝีเท้าเขาโงนเงน เชือกในมือร่วงลงไปอย่างรวดเร็ว
ถังน้ำที่ถูกเชือกพันไว้ตกสู่ก้นบ่อใหม่อีกครั้งดังตูม
ทั้งตัวเขากลับล้มลงข้างบ่อ น่าอเนจอนาถหาใดเปรียบ
ฮู่ว… ฮู่ว…
ทรวงอกเขากระเพื่อมไหวฮวบฮาบ ออกแรงยันตัวเองให้ลุกขึ้น ยามกำลังจะตักน้ำใหม่อีกครั้งก็ได้ยินเสียงเยียบเย็นหนึ่งดังขึ้น
“ข้าได้ยินว่าเจ้าไม่เชื่องอีกแล้ว ครั้งนี้คิดเล่นลูกไม้อะไรอีก ฆ่าตัวตาย? หรือว่าอดอาหาร?”
ชายชราตัวแข็งทื่อ ไม่ได้หันกลับไป กล่าวด้วยเสียงแหบพร่า “ทำไม เจ้าฉือฉางเหมยมาหัวเราะเยาะข้าอีกแล้วหรือ”
ฉือฉางเหมยยืนห่างออกไป แววตาเยียบเย็นราวกับดาบ “เจ้าเป็นแค่สวะที่เสียพลังปราณคนหนึ่งเท่านั้น มีอะไรให้หัวเราะเยาะ หากไม่ใช่ว่ายังมีคุณค่าอยู่บ้าง เจ้าคิดว่า… เจ้ายังรอดมาได้ถึงตอนนี้หรือ”
ชายชราเงียบไป ไม่เอ่ยวาจา กำเชือกเตรียมตักน้ำต่อ
ฉือฉางเหมยกล่าว “เจ้าฉลาดมาก เกรงว่าคงเดาได้แล้ว ช่วงนี้น้ำแร่ในบ่อนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง มีไอวิญญาณอันอุดมเพิ่มขึ้นมา หากดื่มตลอดไม่เพียงแต่ยืดเวลาต่ออายุให้เจ้า ยังชะล้างปราณสกปรกบนตัวลูกสาวสุดที่รักคนนั้นของเจ้าได้อีก ไม่แน่ว่า… ยังสามารถช่วยนางหลอมรากฐานในการฝึกปราณได้ด้วย”
ชายชรามือสั่น คล้ายตระหนักถึงอะไรได้ กล่าวว่า “ครั้งนี้เจ้ามาด้วยคิดจะทำอะไรกันแน่”
ฉือฉางเหมยสีหน้าเรียบเฉย “ลูกสาวของเจ้าห้าขวบแล้ว ข้าคิดจะพานางไป ช่วยนางชำระล้างแกนจิตและสิ่งปฏิกูลทั้งตัว จากนั้นก็สอนนางฝึกปราณ ภายหน้ามีโอกาสค่อยกราบเป็นศิษย์ฝึกตนในสำนักแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ”
“เจ้ากล้า!” ชายชราหมุนตัว สีหน้าโกรธจัด เหี้ยมเกรียมคล้ำเขียว
ฉือฉางเหมยยิ้ม “เจ้าวางใจ ข้าจะไม่ให้ลูกสาวของเจ้ารู้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณก็คือตัวการกำจัดอัครการค้า ทำลายอนาคตทั้งชีวิตของบิดานาง ภายหน้านาง… ต้องมีชีวิตที่ดีมากแน่นอน”
บนโลกนี้เรื่องโหดร้ายที่สุด ไม่มีอะไรเหนือกว่าการยอมรับโจรเป็นพ่อ นับถือศัตรูเป็นอาจารย์!
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ชายชราราวกับถูกฟ้าผ่า ดวงตาคั่งโลหิต พุ่งตัวเข้าไปในห้องที่อยู่ด้านข้างทันที
“ต่อให้ข้าต้องตายก็ไม่ยอมให้เจ้าพาหลินหลางไป!”
เขาแผดเสียงคำรามราวกับคลุ้มคลั่ง
ปึง!
ฉือฉางเหมยเตะเขาจนร่วงคะมำไปอยู่ด้านข้าง เดินตรงเข้าไปในห้อง เมื่อก้าวออกมาจากห้องก็อุ้มเด็กหญิงวัยห้าหกขวบที่เหมือนหลับสนิทคนหนึ่งไว้ในอ้อมกอดแล้ว
แม้ว่าเสื้อผ้ามอมแมม แต่ยังคงมองออกว่าเด็กหญิงคนนี้หน้าตาจิ้มลิ้ม ผิวขาวดุจหิมะ สวยน่ารักเป็นอย่างยิ่ง
“สือหลินหลาง… อืม วันหน้านางก็แซ่ฉือแล้ว” ฉือฉางเหมยพูดพลางเดินออกไปนอกเรือน
ใจของชายชราราวถูกมีดเฉือน ตะเกียกตะกายกล่าวด้วยเสียงร่ำไห้คร่ำครวญ “ฉือฉางเหมย เจ้ามีอะไรให้มาลงที่ข้า มาลงที่ข้าสิ…”
ฉือฉางเหมยยิ้ม “วางใจเถอะ ข้าบอกแล้วว่าเจ้ายังมีคุณค่า ไม่ช้าก็เร็วต้องมีเวลาที่ได้ใช้เจ้า”
พูดจบนางก็อุ้มเด็กหญิงเดินออกไปนอกเรือน
เบื้องหลังชายชราโทสะจู่โจมจิตใจ โกรธจนดวงตาแทบถลนตะเบ็งเสียงลั่น “ฉือฉางเหมย ไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวันที่ข้าจะกำจัดตระกูลฉือของเจ้าให้สิ้นซาก!”
“งั้นรึ”
ฉือฉางเหมยเผยรอยยิ้มหยันอย่างดูถูก ไม่ใส่ใจอย่างสิ้นเชิง
แต่เมื่อนางเปิดประตูรั้วออกก็กลับอึ้งงันอยู่ตรงนั้น
นอกประตูรั้ว ไม่รู้ว่ามีเงาร่างสูงตระหง่านหนึ่งยืนอยู่โดยไร้สุ้มเสียงตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่เมื่อเห็นรูปร่างของเงาร่างสายนี้ ฉือฉางเหมยอึ้งไปเป็นอันดับแรก จากนั้นก็พลันหน้าเปลี่ยนสี ฝ่ามือนางบีบคอเด็กหญิงในอ้อมกอดทันที แทบจะเป็นไปตามสัญชาตญาณยามเผชิญหน้ากับอันตรายสุดขีด
จากนั้นนางถึงจ้องมองเงาร่างนั้นด้วยแววตาตื่นตระหนก “เจ้า… ทำไมถึงปรากฏตัวที่นี่ได้”
จากครั้งก่อน คนผู้นี้หายไปเกือบห้าสิบปีแล้ว!
ดูเหมือนไม่ใช่เวลาที่เนิ่นนาน แต่โลกชั้นล่างนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงจนพัฒนาอย่างรวดเร็วไปแล้ว ทำให้นางเชื่อมั่นว่าคนผู้นั้นน่าจะไม่มีทางปรากฏตัวบนโลกอีก
แต่กลับไม่เคยคิดว่าจะเจออีกฝ่ายในเวลานี้!
คนที่ยืนอยู่นอกประตูใหญ่ แน่นอนว่าคือหลินสวิน
หลินสวินกล่าวด้วยแววตาเฉยชา “หากข้าไม่กลับมา มีหรือจะรู้ว่าตระกูลฉือที่อ้อนวอนขอข้าให้อภัยเหมือนหมาตายในปีนั้น ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นหมาชั่วที่ใช้วิธีต่ำทรามตัวหนึ่งแล้ว”
สีหน้าฉือฉางเหมยเผยแววคับแค้นอับอาย จากนั้นก็กล่าวเสียงเย็นเยียบ “หลินสวิน โลกชั้นล่างนี้เปลี่ยนไปนานแล้ว บางทีเจ้าในตอนนั้นอาจครองอำนาจทั่วหล้า ไม่มีใครเทียบได้ แต่ตอนนี้ผู้คนบนโลกยังมีใครเห็นเจ้าอยู่ในสายตาอีก”
นางเว้นช่วงไปก่อนกล่าวเหมือนมั่นใจเต็มเปี่ยม “ข้าขอเตือนเจ้าให้ใจเย็นลงหน่อยจะดีที่สุด ตอนนี้ตระกูลฉือของข้าเป็นขุมอำนาจหนึ่งที่มีความสำคัญต่อแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณแล้ว หากล่วงเกินพวกเราต้องมีภัยร้ายมาเยือนแน่!”
หลินสวินเหลือบมองนางพลางกล่าว “เดิมข้าคิดว่าหลังจากปล่อยพวกเจ้าตระกูลฉือไปในปีนั้น ต่อให้พวกเจ้าไม่ยอมกลับเนื้อกลับตัว แต่ก็น่าจะรู้ชัดว่าเรื่องอะไรควรทำ เรื่องอะไรไม่ควรทำ น่าเสียดาย การแสดงออกของเจ้าทำให้ข้าผิดหวังมาก”
เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
“เจ้าคิดจะทำอะไร เชื่อไหมว่าข้าจะบีบคอเด็กผู้หญิงคนนี้ซะ นางเป็นถึงบุตรสาวของสืออวี่สหายรักของเจ้า!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์