Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2373

สรุปบท ตอนที่ 2373 ไอแห่งต้นกำเนิดมหามรรค: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 2373 ไอแห่งต้นกำเนิดมหามรรค จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 2373 ไอแห่งต้นกำเนิดมหามรรค คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ท่ามกลางฟ้าดิน วังวนขุ่นมัวหมุนวนช้าๆ ทำให้ห้วงอากาศที่อยู่ใกล้เคียงบิดเบี้ยวพังทลาย

ในวังวนมีช่องทาง ‘รูพรุน‘ เบียดเสียดกันอยู่เป็นร้อย

หลินสวินยืนอยู่เบื้องหน้า ประเมินดูโดยละเอียด

ร่องรอยที่ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณเหล่านั้นทิ้งไว้หายลับไปหลังจากมาถึงที่นี่

แต่เมื่อจำแนกโดยละเอียดก็จะพบว่า ใกล้กับช่องทางรูพรุนแห่งหนึ่งในนั้นยังหลงเหลือกลิ่นอายที่ยังไม่ลบเลือนไปอยู่บ้าง

นี่เป็นร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ เมื่อพลังปราณต้านกับวังวนขุ่นมัวยามท่องทะยาน

‘ดูท่าจะเข้าไปในแดนลับนี้’

ขณะที่หลินสวินใคร่ครวญก็นึกย้อนถึงข้อมูลที่ค้นได้จากจิตวิญญาณของหมิงหยา

หลายปีมานี้หมิงหยาได้เข้าไปสำรวจแดนลับในช่องทางรูพรุนมากมาย เมื่อถูกหลินสวินนำมาพิสูจน์ยามนี้ ไม่นานก็เข้าใจ

ช่องทางรูพรุนที่เคยสำรวจเหล่านั้น ตอนนี้ไม่ได้มีคุณค่าอะไรแล้ว

และยังมีช่องทางรูพรุนที่ถูกหมิงหยาระบุไว้ว่า ‘อันตรายถึงขีดสุด‘ เอาไว้จำนวนหนึ่งด้วย นี่หมายความว่าแม้หมิงหยาจะเข้าไปในนั้น แต่ก็ไม่ได้ดำเนินการสำรวจ

แต่ที่ทำให้หลินสวินประหลาดใจที่สุดก็คือ ช่องทางรูพรุนที่ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณเหล่านั้นเข้าไป มีการระบุไว้ว่าอันตรายถึงขีดสุด!

หลินสวินครุ่นคิดเล็กน้อยก็เข้าใจ

เกรงว่าผู้แข็งแกร่งแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณเหล่านี้จะเดาได้แล้วว่าตัวเองจะต้องถูกไล่ฆ่า จึงตัดใจเลือกที่ที่อันตรายถึงที่สุดแห่งหนึ่งเป็นการตัดสินใจขั้นเด็ดขาด

สวบ!

เงาร่างหลินสวินพริบวาบแล้วพุ่งเข้าไปในช่องทางรูพรุนสายนี้

ที่ที่อันตรายถึงขีดสุดสำหรับหมิงหยา หมายความว่าเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะมีสิ่งมีชีวิตน่าหวาดกลัวที่ไม่อาจล่วงรู้ซุกซ่อนอยู่

หลินสวินก็อยากจะไปเปิดหูเปิดตาเสียหน่อย

หลังจากเคลื่อนตัวเข้าไป ห้วงอากาศเปลี่ยนผัน

หลินสวินปรากฏตัวในแดนลับที่มีเมฆฝนขมุกขมัวไปทั้งแถบแห่งหนึ่ง

ที่นี่ภูผาธาราดั่งภาพเขียน กว้างใหญ่ไพศาล พลังมหามรรคอิ่มเอิบแปลงเป็นหมอกฝนปลิวว่อนเป็นริ้วๆ ระหว่างที่หายใจเข้าออกปลอดโปร่งโล่งสบาย

“เป็นที่ที่ดี!”

ตาดำหลินสวินเปล่งประกายเล็กน้อย พลันนั้นพลังปราณที่ถูกกดข่มไว้ก็คลายลงขนานใหญ่ ฟื้นฟูสู่ระดับจักรพรรดิขั้นสอง!

เห็นได้ชัดว่าแดนลับแห่งนี้น่าจะใกล้กับต้นกำเนิดหมื่นมรรคอย่างยิ่ง

มิหนำซ้ำเมื่อหลินสวินแผ่จิตรับรู้ ก็สัมผัสได้ว่าถ้าวัดกันแค่เรื่องไอวิญญาณหนาแน่นหรือไม่ หากฟ้าดินแห่งนี้อยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดารา ก็เรียกได้ว่าเป็นถ้ำสวรรค์แดนมงคลชั้นหนึ่งแล้ว

ขณะครุ่นคิดหลินสวินก็เยื้องย่างไปในห้วงอากาศไปพลาง

ฝนหมอกล่องลอย ภูผาธาราพร่าเลือน ไม่ทันไรหลินสวินก็จับกลิ่นอายที่ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณเหล่านั้นเหลือไว้ได้

หลังเขาไล่ตามกลิ่นอายเหล่านี้ไปหนึ่งเค่อ

เทือกเขาใหญ่ไพศาลยืดยาวสูงต่ำสลับกัน สีโลหิตไปทั้งแถบปรากฏขึ้นในสายตาของหลินสวิน มองจากไกลๆ ก็เหมือนมังกรโลหิตดึกดำบรรพ์ตัวหนึ่งขดตัวอยู่บนพื้นดิน

นัยน์ตาดำหลินสวินหดรัด

ในสัมผัสของเขา พลังมหามรรคที่อบอวลในแดนลับแห่งนี้ เกือบครึ่งหนึ่งถูกเทือกเขาสีเลือดนั้นช่วงชิงไป

การช่วงชิงเช่นนี้เงียบเชียบ ถ้าไม่ใช่พลังปราณของเขาเทียมฟ้าก็ยากที่จะสังเกตเห็น

‘ตอนนั้นเพราะหมิงหยาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตรายยิ่งยวดที่นี่ ถึงได้จากไปอย่างไม่ลังเล…’

‘เช่นนี้ถ้าแดนลับแห่งนี้มีสิ่งมีชีวิตน่าหวาดกลัวซ่อนอยู่จริง เกรงว่าก็คงอยู่ในเทือกเขาสีเลือดนี้แล้ว’

ขณะที่หลินสวินครุ่นคิดก็ย่างเท้าก้าวเดินเข้าไปใกล้

“หืม?”

เพียงครู่เดียวเท่านั้นในจิตรับรู้ของหลินสวินก็ตรึงอยู่ที่หุบเขาแห่งหนึ่ง ในหุบเขาต้นหญ้าก้อนหินต่างมีสีแดงดุจเลือด พิสดารน่าหวาดหวั่น

บนพื้น เศษซากสมบัติจำนวนหนึ่งเหลือทิ้งไว้ ในอากาศยังหลงเหลือกลิ่นคาวเลือด

เงาร่างหลินสวินลงมาอย่างรวดเร็ว สงบใจสัมผัสอยู่ครู่หนึ่งดวงตาก็ฉายแววประหลาดอย่างอดไม่ได้

จากการสังเกต เขาคาดเดาได้ว่าหลังจากผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณเหล่านั้นหลบหนีมาถึงหุบเขาแห่งนี้ก็ถูกฆ่าตายเงียบๆ ขนาดเลือดเนื้อและศพยังถูกกลืนกินจนเกลี้ยง

ถ้าตนมาช้าไปก้าวหนึ่ง ร่องรอยบางส่วนที่หลงเหลืออยู่ในหุบเขาแห่งนี้ก็จะหายไปอย่างรวดเร็ว

‘ที่นี่ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ นี่พิสูจน์ได้ว่าผู้แข็งแกร่งแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณพวกนั้นไม่มีพลังต้านท้านสักนิด ถูกสังหารราบคาบทั้งหมด และที่ทำได้ถึงขั้นนี้…’

หลินสวินสองมือไพล่หลัง กำลังใคร่ครวญ

จู่ๆ หมอกฝนที่อบอวลฟ้าดินแห่งนั้นพลันเปล่งสีเลือดที่คล้ายมีคล้ายไม่มีเงียบๆ ยามเข้าใกล้หลินสวิน หมอกฝนเป็นริ้วๆ นี้ก็แปลงเป็นศีรษะดุร้ายคล้ายมารร้ายใบหน้าแล้วใบหน้าเล่ากลืนกินลงมา

เหตุไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้เกรงว่าจะไม่อยู่ในขอบเขตการป้องกันของใครเลย

แต่มาได้ครึ่งทาง ศีรษะมารร้ายสีเลือดเหล่านี้ต่างดับสลายไป เหมือนถูกหุบเหวไร้รูปร่างบดขยี้

หลินสวินยืนนิ่ง ไม่ได้เหลือบมองแต่อย่างใด ทำเพียงออกแรงที่เท้าโดยพลัน

ตูม!

ผืนดินระเบิดพัง แยกออกเป็นโกรกธารสีเลือดขนาดมหึมาสายหนึ่ง

เงาร่างที่ประดุจมารอสูรสีเลือดนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ กลิ่นอายก็ดุร้ายน่ากลัวหาใดเทียบ กลิ่นอายแต่ละสายล้วนไม่ด้อยไปกว่ากึ่งจักรพรรดิ ที่แกร่งกล้าบางสายยังมีอานุภาพระดับกึ่งจักรพรรดิด่านสาม

ชั่วพริบตานั้นถึงกับมีอานุภาพมืดฟ้ามัวดิน!

หลินสวินไม่ร้อนรน ยื่นแขนขวาออกไป หุบเหวสายหนึ่งแผ่ออกมาจากฝ่ามือ

ครืน…

ทันใดนั้นมารอสูรสีเลือดเต็มฟ้าเหมือนถูกพายุม้วนตลบ ร่างกายแหลกกระจุย ถูกพลังฝ่ามือของหลินสวินกลืนกินไม่ว่างเว้น

ผ่านไปพักหนึ่ง

ที่ฝ่ามือหลินสวินเหลือเพียงไข่มุกสีชาดเปล่งปลั่งใสกระจ่างเม็ดหนึ่ง ไข่มุกมีขนาดเท่าหัวแม่โป้ง โปร่งแสงแวววาว ภายในนั้นมีสายอสนีเป็นริ้วๆ ไหววูบ

หลินสวินพินิจเล็กน้อยแววประหลาดก็ผุดขึ้นในดวงตา

ไข่มุกนี้ควบรวมขึ้นจากต้นกำเนิดมหามรรคเพลิงแดงกับต้นกำเนิดมหามรรคอสนี กลิ่นอายทั้งสองสายต่างสำแดงลักษณะพิเศษอันดั้งเดิมและจริงแท้

และในสายตาหลินสวิน เงาร่างนี้สำแดงลักษณะพิสดารถึงขีดสุด รูปลักษณ์เปลี่ยนแปลงไม่หยุด บ้างเป็นชายชราผมขาวโพลน บ้างเป็นชายหนุ่มองอาจ บ้างเป็นโฉมสะคราญใบหน้างดงาม กระทั่งยังเปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์นกปีศาจสัตว์เทพ…

ประหนึ่งลักษณ์ ‘หมื่นวิญญาณสรรพชีวิต’!

และกลิ่นอายของเงาร่างนี้ยังแข็งแกร่งถึงที่สุด ราวกับถึงขีดจำกัดที่แดนนี้รับไว้ได้แล้ว…

ระดับจักรพรรดิขั้นสอง!

นี่เป็นคนหรือผี

ดวงตาดำของหลินสวินวาบประกาย ไม่อาจแยกแยะได้สักนิดว่านี่เป็นสัตว์ประหลาดพิสดารเช่นไร

“ตาย!”

เงาร่างสีเลือดเอ่ยปาก สะท้านจักรวาลดั่งสายฟ้ากลองใหญ่

ตูม!

ฟ้าดินปั่นป่วน สายฟ้าเปลวเพลิงพุ่งหวือออกมา ควบรวมเป็นประทับใหญ่สายหนึ่งเข้ากำราบหลินสวิน

ความแกร่งกล้าของอานุภาพคล้ายต้องการทำลายฟ้าดินให้วินาศ!

“หึ!”

หลินสวินหัวเราะหยัน ไม่ลังเลอีก เงาร่างพริบวาบพึ่งเข้าไปโดยพลัน

ตูม!

ประทับมรรคที่สามารถสังหารผู้แข็งแกร่งใต้ระดับจักรพรรดิทั้งปวงได้อย่างง่ายดายนั้นถูกฝ่ามือเดียวของเขาบีบแหลก ละอองแสงสายฟ้าสีแดงเพลิงนับหมื่นพันสาดกระเซ็นออกมา

“ตาย!”

เมื่อเห็นหลินสวินพุ่งเข้ามา เงาร่างสีโลหิตนั้นส่งเสียงคำรามลั่นขึ้นอีก โซ่เทพเปลวเพลิงสายแล้วสายเล่าโฉบพุ่ง โอบล้อมไปสายฟ้าพร่างพราวบาดตา พุ่งหวือออกไป

ขวับ!

หลินสวินสะบัดมือคราหนึ่ง โซ่เทพเพลิงอสนีมากมายเหล่านั้นฉีกกระจุยเป็นผุยผงเหมือนกระดาษเปื่อย พลังแกร่งกล้ายิ่งยวด

ครั้นเห็นท่าไม่ดี เงาร่างสีโลหิตนั้นคล้ายหมายจะหลบหนี

ก็เห็นหลินสวินส่งเสียงหึเย็นชา ยื่นมือคว้าออกไปกลางอากาศแล้ว

ตูม!

เงาร่างสีโลหิตหลบไม่ทัน ถูกคว้าเอาไว้ทันที เมื่อหลินสวินออกแรงที่นิ้ว ร่างของมันก็เกิดเสียงระเบิดกึกก้องฟ้าดิน จากนั้นระเบิดออกทุกกระเบียด

เมื่อมองอย่างละเอียดเห็นมีควันเขียวเป็นริ้วๆ กระจายออกมาด้วย

จนกระทั่งท้ายที่สุด

กลางนิ้วมือหลินสวินเหลือเพียงผลึกเพลิงอสนีขนาดเท่ากำปั้นก้อนหนึ่ง ภายในบรรจุพลังที่เรียกได้ว่าเป็นต้นกำเนิดมหามรรคอันยิ่งใหญ่ สำแดงลักษณะพิเศษของมหามรรคแห่งอัคคีและอสนี

แกร่งกล้ายิ่งกว่าพลังมหามรรคที่อยู่ในผลึกที่หลินสวินเพิ่งหลอมเมื่อครู่นับร้อยนับพันเท่า!

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์