ตอนที่ 2380 ต้นกำเนิดหมื่นมรรค
“นายน้อย… เป็นท่านจริงๆ รึ”
บรรยากาศเงียบสงัดถูกเสียงสั่นเทาตื่นเต้นทำลายลง
ผู้ที่เอ่ยปากคือหลินจง ครั้งแรกที่หลินสวินเข้าสู่ภูเขาชำระจิตในนครต้องห้ามตอนเด็กๆ ก็ได้รับการดูแลอย่างไม่ขาดตกบกพร่องจากหลินจง
เพียงแต่ผ่านมาหลายปี หลินสวินไม่ใช่เด็กน้อยอย่างเมื่อตอนนั้นอีกแล้ว
และจอนผมทั้งสองของหลินจงก็เป็นสีดอกเลาจนหมด สีหน้าแต่งแต้มลมฝน ทั่วร่างของเขาสั่นเทิ้ม พุ่งไปข้างหน้าสองก้าวแล้วพลันลังเลอยู่เล็กน้อย คล้ายกลัวจะจาบจ้วง
หลินสวินเป็นฝ่ายเดินเข้าหา โอบไหล่ของหลินจงกล่าวว่า “ลุงจง ข้ากลับมาแล้ว!”
หลินจงตื่นเต้นจนพยักหน้าหงึกๆ “กลับมาก็ดี กลับมาก็ดีแล้ว…”
คราวนี้บรรดาคนในโถงใหญ่ต่างตื่นเต้นดีใจ
จ้าวไท่ไหล่ จ้าวซิงเย่ หลินไหวหย่วนและคนอื่นๆ ไม่มีใครที่ไม่ใช่ผู้อาวุโสที่มองดูหลินสวินผงาดขึ้นเมื่อปีนั้น หลายปีผ่านไปได้พบหลินสวินอีกครั้ง ทำให้พวกเขาเองก็รู้สึกซาบซึ้งใจเต้นจนยากจะคุมตัวเองได้
“จิ๊บๆ!”
เสียงร้องอย่างมีชีวิตชีวาดังขึ้น ก็เห็นลูกไฟกลมๆ ก้อนหนึ่งปรี่เข้าหาหลินสวิน เจ้าตัวเล็กกลมเกลี้ยงราวกับลูกหนัง ในตอนนี้กลับแสดงพลังตัวอ่อนน่าอัศจรรย์ออกมา พุ่งเข้าไประหว่างหลินสวินกับหลินจงเอาทื่อๆ แถมยังถูไถหน้าอกของหลินสวิน
เจ้าตัวจ้อยนี่ย่อมเป็นเจ้าจิ๊บจิ๊บ
และเป็นคู่หูตัวน้อยตัวแรกที่หลินสวินเก็บได้ระหว่างทางออกจากหมู่บ้านเฟยอวิ๋น มุ่งหน้าสู่จักรวรรดิจื่อเย่าในปีนั้น
ไม่ได้เจอกันหลายปี เจ้าจิ๊บจิ๊บยิ่งอ้วนท้วนสมบูรณ์ขึ้นไปอีก บีบนิดๆ ก็พ่นเปลวไฟสีทองสว่างไสวออกมาระลอกหนึ่ง
“ท่านปู่ เขา… เขาก็คือผู้นำตระกูลที่มีอำนาจทั่วนครหลวงคนนั้นของตระกูลหลินเราหรือ”
เด็กหนุ่มน่าเอ็นดูคนหนึ่งกล่าวอย่างอยากรู้อยากเห็น
เขายืนอยู่ข้างๆ หลินเสวี่ยเฟิง และตามลำดับอาวุโส หลินเสวี่ยเฟิงก็คือลูกพี่ลูกน้องของหลินสวิน
เพี๊ยะ!
หลินเสวี่ยเฟิงตบหัวเด็กหนุ่มเข้าฉาดหนึ่ง เอ็ดว่า “นี่คือท่านปู่น้อยของเจ้า!
หลินสวินอึ้งไป เมื่อมองไปยังเด็กหนุ่มสาวตระกูลหลินจำนวนมากที่อยู่ในที่นั้นอีกครั้ง แต่ละคนสีหน้าล้วนฉาบด้วยความอยากรู้อยากเห็นพลางมองมาที่ตน ในใจเขาก็พลันเลื่อนลอยไปครู่หนึ่ง
อันที่จริงไม่ใช่แค่เย่เสี่ยวชี่ที่เป็นปู่แล้ว ในช่วงหลายปีมานี้ที่ตนจากไป คนในตระกูลหลินเองก็มีทายาทมากมาย ให้กำเนิดคนรุ่นหลังออกมารุ่นแล้วรุ่นเล่า
“การเปลี่ยนแปลงนี้ ช่างใหญ่โตจริงๆ…” หลินสวินทอดถอนใจ
“นายน้อย ท่านยังคงเหมือนเดิม”
หลินจงกล่าวด้วยหน้าตายิ้มแย้ม “มาเถิด ข้าจะแนะนำเด็กในตระกูลหลินของพวกเราให้”
ขณะกล่าวก็เริ่มแนะนำทีละคน
ในบรรดาเด็กหนุ่มสาวเหล่านั้น บ้างก็เรียกท่านลุงหลินสวิน บ้างก็เรียกท่านปู่น้อยหลินสวิน เป็นการบ่งชี้อยู่กลายๆ ว่าเขาในตอนนี้กลายเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งไปแล้ว
พอหลินจงแนะนำเสร็จ จ้าวไท่ไหล่ก็เดินมาข้างหน้ากล่าวว่า “เจ้าคือลูกเขยที่พี่ชายข้าเลือกเองกับมือ จะไม่ทำความรู้จักญาติตระกูลจ้าวของพวกเราสักหน่อยได้อย่างไร มาๆ ข้าจะแนะนำให้เจ้าเอง ”
พอแนะนำแต่ละคนเสร็จ หลินสวินก็เข้าใจสถานการณ์ในที่นี้ได้อย่างแจ่มแจ้ง
ช่วงหลายปีนี้ที่ตนจากไป ตระกูลหลินทวีความเจริญรุ่งเรืองและเฟื่องฟู แถมยังไม่พบอุปสรรคอะไร แม้กระทั่งตอนที่ไอวิญญาณฟื้นคืน ก็ยังพาคนในตระกูลและสมาชิกราชวงศ์แห่งจักรวรรดิเหล่านั้นหลบเข้าไปในแดนลับบัวเขียวทันที ทั้งยังไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ด้วย
นี่ทำให้หลินสวินโล่งอกเป็นที่สุด
ทว่าทันใดนั้นเขาก็สังเกตได้อย่างฉับไวว่ายามผู้คนปฏิบัติต่อตน แม้จะกระตือรือร้น ใบหน้าแต้มยิ้ม เผยความคุ้นเคย แต่ไม่ว่าจะเป็นใครต่างมีความยำเกรงไม่มากก็น้อยทั้งสิ้น
หลินสวินครุ่นคิดครู่หนึ่งก็เข้าใจแจ่มแจ้ง
แม้ตอนนี้เขาจะเก็บกลิ่นอายในร่างไว้ถึงที่สุดตั้งแต่แรก ทว่าจากการท่องไปทั่วหล้ามาหลายปี กลิ่นอายไร้รูปที่เคี่ยวกรำจากการต่อสู้เข่นฆ่าจึงยังคงอยู่
ราวกับเสือตัวหนึ่งที่แม้จะนอนฟุบอย่างเกียจคร้าน แต่ก็ยังทำให้หมื่นสัตว์ครั่นคร้าม
เรื่องเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่หลินสวินจะเปลี่ยนแปลงได้
วันนี้หลินสวินจัดงานเลี้ยงที่ภูเขาชำระจิต รวมตัวคนตระกูลหลิน สมาชิกราชวงศ์ สำนักศึกษามฤคมรกต ภาคีนักสลักวิญญาณ โถงทองคำ และเหล่าเพื่อนสนิท ต่างรวมกันอยู่ในโถงใหญ่ ร่ำสุราพลางสรวลเสเฮฮา ต่างรินเหล้าให้กัน ดูคึกคักเป็นที่สุด
และหลายวันหลังจากนั้นหลินสวินก็ยังคงอยู่ด้วยกันกับเหล่าญาติมิตรบนภูเขาชำระจิต สุขสมกลมเกลียว ไม่ได้สนใจเหตุการ์ของโลกภายนอกแม้แต่น้อย
สำหรับหลินสวินแล้ว ในช่วงเวลาหลังจากนี้ วันที่จะได้มาพบกันรวมตัวกันเช่นนี้อีกนับวันก็ยิ่งน้อยลงทุกที ฉะนั้นจึงยิ่งล้ำค่ามากขึ้น
จนกระทั่งสิบวันถัดมา
หลินสวินตัดสินใจเปิดสำนัก ตั้งชื่อว่า ‘สำนักยุทธ์ก่อเกิด’
ตั้งจากความหมายที่ว่า ‘เริ่มศักราชใหม่ สรรพสิ่งกำเนิดใหม่’
โดยมีคนรุ่นอาวุโสอย่างหลินจง พญาแร้ง หลินไหวหย่วน สืออวี่ จ้าวชิงเย่ จ้าวไท่ไหล่รับตำแหน่งผู้อาวุโส ดูแลส่วนงานของตน
ส่วนศิษย์รุ่นแรกก็เลือกจากคนในตระกูลหลิน สมาชิกราชวงศ์ สำนักศึกษามฤคมรกต ภาคีนักสลักวิญญาณ และในโถงทองคำ
ทั้งยังสร้างลานประลองยุทธ์ ห้องลงทัณฑ์ โรงหลอมยา โรงหลอมอาวุธ โรงสลักวิญญาณ หอตำรา โรงเลี้ยงสัตว์เป็นต้น
ส่วนพวกเรื่องจิปาถะอื่นๆ ที่ยังต้องจัดการอีกบางส่วน ล้วนเป็นหลินสวินมอบให้คนอื่นเข้ามาจัดการจนเสร็จสมบูรณ์
ด้านหลินสวินก็เอาตำราฝึกปราณ วิชายุทธ์ ม้วนหยกทั้งหมดที่ได้มากในหลายปีนี้ออกมาสะสางใหม่ นอกจากมรดกพวกนั้นของสำนักคีรีดวงกลมแล้ว มรดกทั้งหมดล้วนแต่ก็ถูกเขาแยกประเภท ทำการซ่อมแซมและเก็บรักษาไว้ในหอตำรา ในฐานะมรดกของสำนักยุทธ์ก่อเกิด
นอกจากนั้นหลินสวินยังนำสมบัติที่รวบรวมมาตลอดการเดินทางทั่วฟ้าดาราในหลายปีนี้ออกมา เว้นแต่สมบัติที่เขาใช้ สมบัติของอื่นๆ ล้วนนำออกมาทั้งหมด ให้เป็นทรัพยากรฝึกปราณของสำนักยุทธ์ก่อเกิด
จนกระทั่งทำทั้งหมดนี้เสร็จ หลินสวินถึงผ่อนคลายลงไม่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์