Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2422

ตอนที่ 2422 โกรกธารต้นกำเนิด จอมราชันวิญญาณล่วงลับ

ปึง!

ชายชุดดำที่บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้วถูกฝ่ามือหนึ่งตบใส่ร่างก็ล้มเกร็งไปตรงๆ

หลินสวินไม่เกรงใจสักนิด รื้อค้นทรัพย์สมบัติบนตัวเขาออกมา หลังตรวจค้นคร่าวๆ ก็หามุกบริสุทธิ์พบสองเม็ด ส่วนสมบัติอื่นๆ เขาไม่ได้แตะต้อง โยนกลับไปตามเดิม

“เขากลับกลอกปลิ้นปล้อนปานนี้ เจ้ายังไม่ฆ่าเขา ตรงข้ามกลับเอามุกบริสุทธิ์แค่สองเม็ดเองหรือ” นกกระจอกเขียวอึ้งไป

“เจ้าคิดว่าสภาพบาดเจ็บอย่างเขายังจะกระเสือกกระสนอยู่ในสมรภูมิมายาโบราณได้นานแค่ไหน” หลินสวินกล่าว “ส่วนการเอามุกบริสุทธิ์มาแค่สองเม็ด… อืม นี่เรียกว่ารักษาคำพูด”

กล่าวจบเขาก็ทอดมองออกไปไกลๆ

กายมรรคทั้งห้าออกโรงพร้อมกัน ระดับจักรพรรดิทั้งกลุ่มที่สูญเสียบรรพจารย์ขั้นเก้าไปทั้งสองคนถูกสังหารแหลกเละ แตกพ่ายไม่เป็นขบวนนานแล้ว

สุดท้ายมีเพียงสองคนเท่านั้นที่อาศัยช่วงชุลมุนหนีเอาชีวิตรอดไปได้

หลังจากเก็บกวาดสนามรบเสร็จ หลินสวินได้รับสมบัติจิปาถะกองโต และได้มุกบริสุทธิ์อีกสามเม็ด ล้วนมาจากตัวบรรพจารย์ขั้นเก้าหนึ่งในนั้น

จนถึงตอนนี้หลินสวินไม่เพียงเก็บรวบรวมมุกบริสุทธิ์ได้สิบเม็ด แต่ยังได้เกินมาอีกสองเม็ดด้วย…

เขายื่นมือออกมา มุกบริสุทธิ์สิบเม็ดปรากฏกลางอากาศ หลังหลอมรวมครู่หนึ่งก็แปลงเป็นห่วงวิญญาณสีเลือดที่ลำแสงอสนีไหลเวียน ภายในบรรจุไอชั่วร้ายห่วงหนึ่ง

นี่ก็คือห่วงวิญญาณอสูรอสนี

หลินสวินสวมมันบนตัว ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าระหว่างอสนีโลหิตที่ปกคลุมเวิ้งฟ้าและห่วงวิญญาณอสูรอสนีเกิดการขานรับอันแปลกพิสดารอย่างหนึ่ง

“ห่วงวิญญาณอสูรอสนีห่วงหนึ่งสามารถเดินทางพร้อมกันได้สิบคน เจ้ากลับฟุ่มเฟือย ใช้สอยห่วงวิญญาณอสูรอสนีคนเดียว” นกกระจอกเขียวพูดแหย่

“เจ้าเป็นคนหรือ” จู่ๆ หลินสวินก็ถามขึ้น

ประโยคเดียวทำเอานกกระจอกเขียวอึ้งไป นิ่งเงียบเนิ่นนาน

หลินสวินกลับยิ้มเล็กน้อย ไม่มัวยืดยาดอีก กระโจนพริบวาบพุ่งไปยังเวิ้งฟ้า

อสนีบนเวิ้งฟ้าวิปริตแปรปรวน ไอชั่วร้ายโหมตลบดุจดั่งม่านนภา แผ่ครอบสมรภูมิมายาโบราณแห่งนี้

เมื่อหลินสวินเข้าใกล้ ทันใดนั้นอสนีและไอชั่วร้ายนั่นก็แหวกออกสองฝั่ง เปิดทางเดินสายหนึ่งทอดตรงไปนอกเวิ้งฟ้า

หลินสวินจิตใจฮึกเหิม เรือนกายพริบวายพุ่งทะยานเข้าไป

เมื่อเคลื่อนผ่านม่านนภา หลินสวินรู้สึกเพียงเหมือนกำแพงโลกสายหนึ่ง รู้สึกประหนึ่งดาวเคลื่อนดาราคล้อย

ครู่ต่อมาเขาก็ปรากฏตัวในฟ้าดาราดำมืดแถบหนึ่งแล้ว

กลิ่นอายความตายราวหมอกหนาสีเทาขาว ครอบคลุ้มทั่วฟ้าดาราแถบนี้ แผ่บรรยากาศวังเวง กดดัน ชวนให้คนหายใจติดขัด

ผืนดินแตกระแหงชิ้นแล้วชิ้นเล่าลอยล่องกลางพยับหมอกสีเทาขาว เดี๋ยวมีเดี๋ยวหาย มองไม่เห็นปลายทาง

ฮือๆๆ…

มีเสียงโหยไห้คับแค้นคล้ายร่ำรำพันดังมาเป็นระลอกจากส่วนลึกของฟ้าดาราเป็นพักๆ แว่วหวิวล่องลอย ยามตั้งใจจับทาง กลับระบุที่มาของเสียงไม่ได้

“นี่ก็คือแดนสิ้นจิตวิญญาณ มีพลังต้นกำเนิดมหามรรคยุคก่อนซ่อนอยู่”

นกกระจอกเขียวกล่าวชี้แนะ “ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมานี้ แม้ผู้แข็งแกร่งที่เข้ามาสถานที่นี้จะนับไม่หวาดไม่ไหว แต่ต้นกำเนิดมหามรรคของที่นี่กลับไม่เคยเหือดหาย”

“ตรงกันข้าม ทุกๆ ช่วงเวลาหนึ่งจะมีต้นกำเนิดมหามรรคปรากฏออกมา ดังนั้นเจ้าไม่ต้องห่วงว่าจะหาวาสนาเช่นนี้ไม่เจอ สิ่งที่ควรกังวลใจที่สุดคือจะต้านทานการเข่นฆ่าและปล้นชิงอย่างไร”

“นอกจากนี้ในแดนสิ้นจิตวิญญาณมีวิญญาณร้ายชนิดหนึ่งกระจายตัวอยู่ ถูกเรียกขานว่า ‘วิญญาณล่วงลับ’ ลือกันว่าแปลงมาจากความยึดมั่นที่หลงเหลืออยู่ของสิ่งมีชีวิตแข็งแกร่งไร้ทัดเทียมจำนวนหนึ่งหลังยุคก่อนล่มสลาย”

“จอมราชันวิญญาณล่วงลับน่ากลัวที่สุด พลังต่อสู้ที่อ่อนแอที่สุดก็เทียบได้กับระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ด บนตัวเต็มไปด้วยความยึดมั่นแปลกประหลาดอย่างหนึ่ง สามารถรุกเข้าสภาวะจิตของผู้ฝึกปราณได้อย่างไร้สุ้มเสียง ต่อให้เป็นบรรพจารย์ขั้นเก้า เมื่อถูกความยึดมั่นระดับนี้แทรกซึมสภาวะจิตก็ยังเป็นบ้าเสียสติได้”

“ในกาลเวลาที่ผ่านมามีตัวอย่างเช่นนี้เกิดขึ้นมากมาย”

“ส่วนวิญญาณล่วงลับทั่วไปไม่ได้ร้ายกาจขนาดนั้น แต่เจ้าห้ามชะล่าใจเด็ดขาด ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มีระดับจักรพรรดิไม่น้อยถูกวิญญาณล่วงลับล่าสังหาร”

หลังเข้าใจเรื่องเหล่านี้แล้ว หลินสวินก็อดเสียววาบในใจไม่ได้ เอ่ยถามว่า “แล้วควรหาต้นกำเนิดมหามรรคนั่นอย่างไร”

“ลองเสี่ยงดวงดู”

นกกระจอกเขียวกล่าว “จำไว้ ผู้แข็งแกร่งทุกคนที่เข้าสู่แดนสิ้นจิตวิญญาณมีเวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น หากพ้นหนึ่งเดือนแล้วยังไม่ออกจากที่แห่งนี้ จะประสบกับการสังหารของ ‘พายุวิญญาณล่วงลับ’ อย่างน้อยในระดับจักรพรรดิก็ไม่มีใครรอดชีวิตได้”

พายุวิญญาณล่วงลับ!

นัยน์ตาหลินสวินหดรัดลงเล็กน้อย

ครู่ต่อมาเงาร่างของเขาขยับไหว ทะยานไปยังส่วนลึกของฟ้าดาราวังเวงที่ปกคลุมด้วยพยับหมอกสีเทาขาวนั่น

กลางฟ้าดาราแผ่นดินแตกพังลอยผลุบโผล่ บ้างก็ขนาดเพียงร้อยกว่าจั้ง บ้างกลับทอดยาวหลายพันลี้

บนแผ่นดินส่วนใหญ่เป็นหลุมบ่อขรุขระ รกร้างน่าอนาถ พืชหญ้าไม่งอกเงย และมีแผ่นดินบางส่วนที่มีรูกระบี่ รอยขวาน ร่องรอยลายพร้อมเนิ่นนาน แผ่ซ่านกลิ่นอายหนาหนักอันรกร้างวังเวง

เห็นได้ชัดว่าเป็นร่องรอยที่หลงเหลือจากศึกใหญ่สะท้านยุค และคงอยู่สืบมาแม้ผ่านการกัดกร่อนของเวลา

หืม?

ทันใดนั้นเงาร่างคล้ายมายาสายหนึ่งพุ่งออกมาจากพยับหมอกสีเทาขาวอย่างเงียบเชียบ ไม่มีเสียงใดๆ

เมื่อมองอย่างละเอียด เงาร่างนี้พร่ามัวอย่างเห็นได้ชัด แผ่กลิ่นอายความตายเป็นสายๆ มองรูปร่างลักษณะไม่ออก ราวกับวิญญาณภูตผี เต็มไปด้วยกลิ่นอายแปลกประหลาด

สวบ!

หมอกควันพลิกม้วน เงาร่างสายนี้พุ่งเข้าหาหลินสวิน สองมือทำมุทรา ตบโจมตีใส่หลินสวิน

ประทับฝ่ามือนี้กลิ่นอายความตายหนาหนัก พลังที่ปลดปล่อยออกมาก็พิสดารสุดขีด เทาขาวขุ่นมัว ดุจดั่งแสงจากนรก

วิญญาณล่วงลับ!

หลินสวินโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง แสงมรรคโชติช่วงแผ่พุ่ง ซัดเงาร่างวิญญาณล่วงลับนั่นให้กลายเป็นหมอกสีเทาเป็นสายๆ ภายใต้เสียงกึกก้อง

ภาพประหลาดพลันปรากฏ พยับหมอกสีเทาเป็นสายๆ นั้นราวกับมีชีวิต แตกออกเป็นร้อยพัน กรีดผ่านห้วงนภา ยิงพุ่งเข้ามาทางหลินสวิน

เร็วจนน่าเหลือเชื่อ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์