Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2429

สรุปบท ตอนที่ 2429 สะพานปลงอนิจจังแห่งนรกขุมทมิฬ: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 2429 สะพานปลงอนิจจังแห่งนรกขุมทมิฬ – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 2429 สะพานปลงอนิจจังแห่งนรกขุมทมิฬ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 2429 สะพานปลงอนิจจังแห่งนรกขุมทมิฬ

ก่อนเข้าสู่แดนใหญ่พันศึก นกกระจอกเขียวเคยบอกว่า บนเส้นทางเลือดไร้หวนคืนนี้มีสนามรบอย่างน้อยนับพันแห่ง เขตผนึกลึกลับเกือบร้อยแห่ง รวมถึงด่านนภาอมตะเล็กใหญ่อีกสี่สิบเก้าแห่ง!

และเขตผนึกลึกลับ ก็ถูกอธิบายว่าเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุด

นี่ทำให้หลินสวินเคร่งขรึมขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ไม่แน่ชัดว่าเขตผนึกลึกลับในแดนนรกเซินหลัวที่นกกระจอกเขียวพูดถึงน่ากลัวเพียงใด

“หากโอกาสเหมาะ ข้าย่อมยินดีเข้าไปสำรวจสักหน่อย” หลินสวินกล่าวอย่างขบคิดคร่าวๆ

นกกระจอกเขียวเอ่ยว่า “การบุกเข้าแดนนรกเซินหลัวต้องใช้เวลาประมาณสองเดือน จากนั้นก็สามารถไปถึงด่านนภาอมตะแห่งแรกได้ ที่แห่งนั้นถูกเรียกอีกอย่างว่าเมืองจักรพรรดิอมตะ… พูดตอนนี้ยังไวไปหน่อย หลังจากเจ้าไปถึงก็จะเข้าใจเอง”

หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ เดินไปยังส่วนลึกของฟ้าดาราไปตามเส้นทางซากศพ

บนเส้นทางนี้มีพลังเคลื่อนย้ายแปลกประหลาดกระจายอยู่ เดินอยู่บนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเดินข้ามกาลเวลา ท่องจักรวาลอย่างไรอย่างนั้น

เวลาเพียงหนึ่งถ้วยชา

ฮูม…

คลื่นห้วงอากาศพลุ่งพล่าน เบื้องหน้าสายตาหลินสวินพร่าเบลอไปแวบหนึ่งก็มาถึงสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยแห่งหนึ่งแล้ว

บนท้องฟ้าสีเทาตุ่นมีสุริยันสีม่วงดวงหนึ่งแขวนลอยอยู่ แสงประกายมืดสลัว ย้อมจนฟ้าดินมืดหม่นทั้งแถบ

สายลมพัดโบก ส่งเสียงหวีดหวินดั่งร่ำไห้ เย็นเยียบและน่ากลัว กระแสอากาศที่เย็นยะเยือกไหลวนอยู่ในอากาศ ให้ความรู้สึกกดดันหาใดเปรียบ

และตำแหน่งที่หลินสวินอยู่ตอนนี้ก็ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสายหนึ่ง ถัดออกไปเป็นป่าบางตาแถบหนึ่ง ต้นไม้โล้นเลี่ยนเหี่ยวเฉาดำสนิท แผ่หมอกควันสีดำเป็นสายๆ

จู่ๆ นกกระจอกเขียวก็เอ่ยว่า “ในอดีตมีคำกล่าวว่า ในยุคก่อนหลังจากสรรพวิญญาณตาย วิญญาณก็จะเข้าสู่นรกขุมทมิฬ เดินบนทางน้ำพุเหลือง ข้ามสะพานปลงอนิจจังลืมอดีต ดื่มน้ำแกงยายเมิ่ง จากนั้นเข้าสู่สังสารวัฏหกภพภูมิ เกิดใหม่ตามเวรกรรมในอดีตชาติ”

“อีกทั้งในนรกขุมทมิฬ ยังมีสถานที่ลึกลับและน่ากลัวมากมาย อย่างเช่น ด่านประตูผี นรกสิบแปดชั้น แม่น้ำเลือดบาปกรรมเป็นต้น”

“ผู้ยิ่งใหญ่ที่ควบคุมนรกขุมทมิฬยิ่งน่ากลัว มีอภินิหารไร้เทียมทานที่ลึกลับไม่อาจคาดเดา ชำนาญมรรคแห่งวิญญาณ ครอบครองพลังแห่งชะตาชีวิต ตามคำกล่าวในยุคเรา ตัวตนที่สามารถครอบครองมรรควิถีระดับนี้ อย่างน้อยก็ต้องหยั่งถึงนัยเร้นลับของมรรคโชคชะตาบ้างแล้ว”

หลินสวินนัยน์ตาหดรัด

เขาเคยได้ยินนกกระจอกเขียวบอกว่า ยุคก่อนถูกเรียกว่า ‘ยุคเซียนยุทธ์’ ส่วนยุคนี้ถูกเรียกว่ายุควิญญาณยุทธ์

เพียงแต่เขาก็รู้แค่แนวคิดเท่านั้น ส่วนที่ว่ายุคก่อนเป็นอย่างไร และผ่านการเปลี่ยนแปลงอย่างไรถึงได้ดับสลายในท้ายที่สุด เขาไม่อาจรู้ได้เลย

บางทีอาจมีเพียงไปถึงโลกยอดนิรันดร์ จึงจะมีโอกาสไปทำความเข้าใจความลับมากมายที่ว่าเหตุใดยุคก่อนจึงแปรเปลี่ยนไป

แน่นอนว่าหากสามารถบำเพ็ญปราณมองทะลุแก่นอัศจรรย์นิรันดร์ หยั่งถึงกฎเกณฑ์โชคชะตา ก็สามารถยืนตระหง่านเหนือหมื่นมรรค ก้มมองการเปลี่ยนแปลงในใต้หล้า สอดส่องความอัศจรรย์แห่งการไหลเคลื่อนของกาลเวลา และสัมผัสถึงนัยเร้นลับของการเปลี่ยนแปลของยุคสมัยได้เช่นกัน

“ในแดนนรกเซินหลัวแห่งนี้มีทางรอดเพียงสายเดียว นามว่า ‘เส้นทางเลือดยมโลก’ เห็นอาทิตย์ดวงโตสีม่วงใต้ท้องฟ้านั่นหรือไม่”

นกกระจอกเขียวพูด สายตามองไปไกลโพ้น “อาทิตย์สีม่วงดวงโตนั่นส่องแสงชั่วนิรันดร์เพียงลำพัง เส้นทางเลือดยมโลกก็อยู่ใต้อาทิตย์ดวงใหญ่นั้น”

หลินสวินเงยมองไปและตัดสินใจเคลื่อนไหวทันที

แดนนรกเซินหลัวใหญ่มาก ทิวทัศน์แปลกประหลาด ฟ้าดินภูผาธาราล้วนอบอวลด้วยกลิ่นอายกดดันเย็นเยียบเป็นสายๆ ราวกับเป็นยมโลกที่แท้จริงอย่างไรอย่างนั้น

เดินอยู่ในนี้ หากไม่ระวังก็อาจหลงทางและหาทางกลับไม่เจออีก

บุคคลที่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิไม่มีทางกล้าเข้ามาในนี้มั่วๆ

ทว่าหลินสวินมีนกกระจอกเขียวนำทาง จึงไม่ต้องกลัวว่าจะหลงทาง

สวบ!

เงาร่างหลินสวินพริบไหวเหมือนรุ้งสายหนึ่ง พุ่งไปข้างหน้า ระหว่างทางเปลี่ยนทิศทางเป็นระยะ ทะลวงผ่านพื้นที่แปลกประหลาดยากจะหยั่งถึงแห่งแล้วแห่งเล่า คดเคี้ยวไปมาราวกับเขาวงกตขนาดใหญ่

ครึ่งชั่วยามหลังจากนั้น

จู่ๆ ในสายตาของหลินสวินก็ปรากฏสะพานหินโค้งแห่งหนึ่งขวางอยู่กลางอากาศ ยืดขยายไปยังส่วนลึกที่หมอกเทาบดบัง

สะพานนี้ปูด้วยหินเขียวกระดำกระด่าง สองฝั่งสะพานเป็นรั้วแกะสลัก ใต้สะพานหมอกเมฆล้อมรอบเหมือนกับคลื่นม้วนตัว

กลิ่นคาวเลือดที่ข้นคลั่กแผ่ออกมาจากส่วนลึกของเมฆหมอกใต้สะพานหิน เผยกลิ่นอายคาวและเหม็นเน่า ทั้งยังคล้ายมีเสียงภูตผีร่ำไห้ดังมาอยู่รางๆ ทำเอาคนตัวสั่นระริก

เห็นดังนี้หลินสวินยังอดหวาดหวั่นไม่ได้ สะพานหินโค้งนี้รวมถึงสภาพรอบๆ เต็มไปด้วยความอัปมงคลและแปลกประหลาด

“ว่ากันว่านี่คือสะพานปลงอนิจจังของในยมโลกของยุคเซียนยุทธ์ แม่น้ำลืมเลือนไหลอยู่ใต้สะพาน ในนั้นยังมีสระเลือดแห่งหนึ่ง นามว่าสระโลหิต”

นกกระจอกเขียวสื่อจิตเสียงเบา ‘ขอเพียงเป็นวิญญาณที่เข้ามาในยมโลก หลังจากผ่านสะพานปลงอนิจจังล้วนถูกล้างความทรงจำในอดีตชาติ จากนั้นถูกขังในนรก เข้าสู่การเวียนว่ายตายเกิดอีกครั้ง’

‘หากตอนมีชีวิตทำชั่วมากเกินไป ยามก้าวสู่สะพานปลงอนิจจังก็จะตกลงไปในสระโลหิต จมอยู่ในนั้นชั่วนิรันดร์ ได้รับความเจ็บปวดไร้สิ้นสุด’

‘ว่ากันว่าทิศตะวันออกและตกของสะพานปลงอนิจจังแห่งนี้ เดิมทียังมีตำหนักยมโลกและแท่นนรกเชื่อมสู่นรกสิบแปดชั้นแห่งหนึ่ง แต่นี่เป็นเพียงแค่ตำนาน จริงหรือเท็จไม่มีใครกล้าตัดสิน’

‘ถึงอย่างไรเรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นคำเล่าลือของยุคก่อน ไม่สามารถพิสูจน์ได้นานแล้ว’

ฟังจบหลินสวินอดสะท้านไหวไม่ได้

ตำหนักยมโลก สะพานปลงอนิจจัง แม่น้ำลืมเลือน นรกสิบแปดชั้น สระโลหิตกักวิญญาณ!

นกกระจอกเขียวพูดโดยไม่คิด “ข้ากล้ามั่นใจเพียงว่านี่ไม่มีทางเป็นคุณสมบัติที่สามารถเกิดขึ้นในระเบียบระดับปฐพีแน่ สำหรับระเบียบระดับสวรรค์… ก็พูดยากแล้ว…”

ดูออกว่าในใจนกกระจอกเขียวอึ้งจนไม่สามารถสงบได้แล้ว เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

‘เคราะห์จ่อมจมชั่วกัปกัลป์ หนึ่งบัวเบ่งบาน… ระเบียบในแดนปรินิพพานที่อาจารย์รอคอยมาหมื่นกาลจะธรรมดาได้อย่างไร…’

หลินสวินพูลอบกล่าวในใจ ‘ดูท่าก่อนหน้านี้ข้าจะดูถูกระเบียบนิพพานมากไป ความลึกลับของมันไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่ข้าคิด’

อันที่จริงหลินสวินก็รู้ชัดว่าด้วยมรรควิถีของเขาในตอนนี้ ทำได้แค่ครอบครองระเบียบนิพพานและเพลิงหงส์ระเบียบ แต่ไม่สามารถเข้าใจถึงแก่นอัศจรรย์ภายในได้

นี่เรียกว่ารู้เพียงผิวเผิน แต่ไม่รู้ลึก

และบนโลกนี้คนที่สามารถหยั่งถึงและครอบครองนัยเร้นลับแก่นแท้ของพลังระเบียบ ล้วนเป็นตัวตนที่เหนือกว่าระดับบรรพจารย์

หลินสวินสูดหายใจลึกคราหนึ่งแล้วเดินหน้าต่อไป

ก็เห็นว่าเมื่อเขาเดินไปบนสะพานปลงอนิจจังไกลขึ้นเรื่อยๆ ลวดลายดอกบัวที่แปรจากระเบียบนิพพานก็คัดลอกภาพต่างๆ บนรั้วทั้งสองข้างไปด้วย

ความรู้สึกนั้นเหมือนระเบียบนิพพานมองภาพเหล่านี้เป็นพลังอย่างหนึ่ง กำลังหลอมเป็นของตนอย่างต่อเนื่อง เติมเต็มความสมบูรณ์แบบของมันเอง

นี่ทำให้หลินสวินยิ่งตกใจ

และตลอดทางนี้นกกระจอกเขียวเองก็ตกใจตาแข็ง พูดไม่ออกเช่นกัน

มันมีความรอบรู้ มาจากเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลหยวน เคยเห็นเรื่องแปลกพิสดารเหลือเชื่อไม่รู้เท่าไหร่

แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่มันเห็นว่าพลังระเบียบกลับสามารถทำเช่นนี้ได้ อีกทั้งยังเกิดขึ้นเอง เหมือนมีจิตวิญญาณ

หลังจากนั้นหนึ่งถ้วยชาเต็มๆ

เสียงวู้มดังขึ้นคราหนึ่ง ลวดลายดอกบัวที่แปรจากระเบียบนิพพานกลายเป็นแสงเทาหม่น กลับเข้าไปในตากระบี่ไร้ก้นบึ้งอีกครั้ง

ก็เป็นตอนนี้เองที่ จู่ๆ หลินสวินตระหนักได้ว่า ตนมาถึงฝั่งอีกฝั่งของสะพานปลงอนิจจังแล้ว บางทีนี่จึงจะเป็นเหตุผลที่ระเบียบนิพพานกลับคืนสู่เตากระบี่

“ช่างลึกลับจริง…” หลินสวินทอดถอนใจ ฝึกปราณมาถึงตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นระเบียบนิพพานเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ เหนือความคาดหมายของเขาโดยสมบูรณ์

นกกระจอกเขียวที่อยู่ข้างๆ กดความสงสัยและความประหลาดใจไม่อยู่แล้ว เร่งว่า “ดูดซึมและหลอมลวดลายที่เกี่ยวข้องกับแดนยมโลกมากมายขนาดนี้ รีบดูหน่อยว่าศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ของเจ้ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่”

หลินสวินใจกระตุก ปล่อยจิตรับรู้เข้าไปในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งทันที

…………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์