สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2471 หญิงชุดเขียว มีชื่อบนประกาศจับ – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
บท ตอนที่ 2471 หญิงชุดเขียว มีชื่อบนประกาศจับ ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 2471 หญิงชุดเขียว มีชื่อบนประกาศจับ
หลินสวินคิดๆ แล้วเงาร่างกลายเป็นมายา รูปลักษณ์เปลี่ยนไปทันที
ด้วยระดับในตอนนี้ของเขา นอกจากคนที่ครอบครองอภินิหารพรสวรรค์วิเศษอัศจรรย์บางอย่างหรือเป็นบรรพจารย์มรรค ไม่เช่นนั้นไม่มีใครสามารถมองทะลุรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขาได้
เงาร่างของหลินสวินเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศเข้ามาใกล้
หน้าประตูเมืองพยัคฆ์ครอง ทหารคุ้มกันทั้งหมดล้วนมีพลังปราณระดับจักรพรรดิเหมือนทหารเมืองตั้งต้น อีกทั้งแต่ละคนยังเปี่ยมพลัง
โดยเฉพาะคนที่เป็นหัวหน้า เป็นบรรพจารย์ขั้นเก้าคนหนึ่ง ไม่รู้จริงๆ ว่าในอดีตบรรพจารย์ขั้นเก้าคนนี้ก่อความผิดอะไร ถึงได้ตกต่ำถึงขั้นนี้
บริเวณประตูเมืองมีหลายคนกำลังดูยันต์สีดำที่ติดอยู่บนกำแพงเมือง
เมื่อเดินใกล้เข้าไป หลินสวินก็เห็นว่าบนยันต์สีดำนั่นมีภาพเหมือนของผู้คนมากมาย สมจริงราวกับมีชีวิต ด้านล่างเขียนจ้อความประกาศจับ
บนยันต์สีดำทุกแผ่นยังประทับตราประทับมรรคที่แตกต่างกัน
‘ตราประทับเหล่านี้เป็นตัวแทนความน่าเกรียงขามของเผ่าจักรพรรดิอมตะแต่ละตระกูล เป็นตราประทับของพวกเขา เมื่อประทับบนประกาศจับ ก็หมายความว่าประกาศจับนี้เผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลนั้นเป็นคนออก’
นกกระจอกเขียวสื่อจิตอธิบายหลินสวิน
ในแดนใหญ่พันศึก ด่านนภาอมตะสี่สิบเก้าแห่งดูแลโดยขุมอำนาจเผ่าจักรพรรดิอมตะที่แตกต่างกัน
พวกเขาก็เหมือนเป็นผู้กำหนดและบังคับใช้กฎระเบียบ เป็นตัวตนที่ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนต้องเคารพนับถือ!
คนที่ยันต์สีดำเหล่านี้ประกาศจับ ล้วนเป็นพวกที่ฝ่าฝืนกฎในด่านนภาอมตะด่านใดด่านหนึ่ง ถูกมองว่าเป็นนักโทษ
“หมู่นี้มีคนถูกประกาศจับมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว”
“เหอะๆ แปลกใจอะไร ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันทุกช่วงเวลาหนึ่งก็จะมีระดับจักรพรรดิกลุ่มหนึ่งไหลหลั่งมาจากโลกพันจักรวาล ในนี้ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีพวกชอบแหกกฎสักคน ไม่เห็นกฎเหล่านี้ในสายตา”
“ถึงอย่างไรก็เป็นระดับมหาจักรพรรดิแล้ว เรียกลมเรียกฝนในโลกมิติจักรวาลของตนได้ ราวกับนายเหนือหัวสูงสุด หลังจากมาถึงแดนใหญ่พันศึก จะรับการผูกมัดของกฎเกณฑ์เหล่านั้นได้อย่างไร”
รอบๆ มีคนวิพากษ์วิจารณ์เสียงเบา แต่กลับไม่อาจปกปิดได้
“เจ้าดู ประกาศจับอันดับหนึ่งนั่นยังคงเป็นชางฝูเซิง แปดพันปีแล้วก็ยังไม่เปลี่ยน…”
“เล่ากันว่าตอนที่คนผู้นี้ถูกประกาศจับ ก็เป็นมกุฎมหาจักรพรรดิขั้นแปดแล้ว หลังจากฆ่าผู้สูงส่งที่มาจากโลกยอดนิรันดร์คนหนึ่งในด่านนภาอมตะที่สิบแปด ก็กลายเป็นคนร้ายถูกประกาศจับ แต่จนถึงตอนนี้ แปดพันปีผ่านไปแล้วยังไม่มีใครทำอะไรเขาได้ กลับถูกเขาสังหารพวกกร้าวแกร่งของเผ่าจักรพรรดิอมตะไปไม่น้อย เรียกได้ว่าเป็นคนร้ายกาจยิ่งยวด!”
“คนสะพายดาบที่อยู่อันดับสอง อันดับก็ไม่ได้เปลี่ยนมานานมากแล้ว ในบรรดาคนร้ายกาจที่ถูกประกาศจับ ฐานะของชายสะพายดาบลึกลับที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย จนตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าเขามาจากไหน แต่พลังมรรคดาบกลับน่ากลัวไร้ขอบเขต ฆ่าบรรพจารย์ขั้นเก้าราวกับฆ่าไก่!”
ฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคน หลินสวินเองก็สังเกตเห็นว่ายันต์สีดำเหล่านั้นจัดเรียงในลำดับที่แตกต่างกัน
อันดับสูงสุดคือคนที่นามว่าชางฝูเซิง ในภาพเหมือน เป็นชายที่ท่าทางบ้าคลั่ง ผมยาวสยาย ชุดขาวแขนกว้าง เหยียบบนโลกที่หักพังแห่งหนึ่ง มีโลงศพทองแดงสีทองเจ็ดชุ่นโลงหนึ่งลอยอยู่เหนือศีรษะ
เมื่อมองไป ทั่วร่างทั้งบนล่างของคนผู้นี้แผ่กลิ่นอายเย่อหยิ่งอย่างหหนึ่ง มีท่าทางอหังการที่มีข้าเป็นหนึ่ง!
ในประกาศจับเขียนว่า ชางฝูเซิงมาจากเขตแดนดารามัญชุศรีที่อยู่อันดับสามของโลกพันจักรวาล มีพลังปราณระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นแปด น่ากลัวอย่างที่สุด
และรางวัลนำจับของเขายังสูงถึงสามสิบล้านผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่ง
‘แปดพันปีแล้วยังไม่จากไป เพราะกังวลว่าหลังไปถึงโลกยอดนิรันดร์จะพบเจอการตามฆ่าที่น่ากลัวกว่าหรือ’ หลินสวินคล้ายขบคิด
เมื่อมองดูด้านล่างต่อไป บนยันต์สีดำที่อยู่อันดับสองก็คือ ‘คนสะพายดาบ’ ที่ลึกลับคนนั้น ศีรษะสวมหมวกงอบ แผ่กลิ่นอายแรกกำเนิดคลุมเครือทั้งตัว ไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงได้อย่างชัดเจน เห็นเพียงว่าแผ่นหลังของเขาสะพายดาบศึกที่เต็มไปด้วยรอยสนิม
ตามประกาศระบุ พลังปราณของคนสะพายดาบอยู่เพียงระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นเจ็ด แต่ในพันปีมานี้กลับเคลื่อนไหวในด่านนภาอมตะที่แตกต่างกัน ฆ่าระดับบรรพจารย์ขั้นเก้าที่เรียกได้ว่าน่ากลัวมาแล้วมากมาย
ไม่มีใครรู้ที่มาของเขา จึงเรียกว่าคนสะพายดาบ
ประกาศจับของเขาสูงถึงยี่สิบเจ็ดล้านผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่ง
‘เจ้าหมอนี่ เป็นพวกร้ายกาจคนหนึ่ง…’
หลินสวินลอบประเมิน ด้วยพลังปราณในตอนนี้ของเขา ไม่เห็นคนรุ่นเดียวกันในสายตานานแล้ว แต่คนสะพายดาบผู้นี้กลับแตกต่าง ดูก็รู้ว่าไม่ธรรมดา
เขามองดูต่อไป
ยันต์สีดำนั่นมีทั้งหมดร้อยกว่าแผ่น วาดภาพและเขียนข้อมูลของคนร้ายที่ต้องการตัวต่างกันไป หากจับได้ล้วนมีรางวัลจำนวนมหาศาล
“แปดพันปีแล้ว ชางฝูเซิงนี่ยังไม่ก้าวขึ้นขั้นเก้า ไม่เช่นนั้นคงไปโลกยอดนิรันดร์นานแล้ว…”
ตอนที่หลินสวินดูยันต์สีดำอยู่ เสียงที่ไพเราะเสนาะหูเสียงหนึ่งดังขึ้น
หลินสวินหันไปมอง ผู้หญิงชุดเขียวคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ ในมือเล่นพัดด้ามหนึ่ง เห็นชัดว่าปลอมตัวเป็นชาย ดวงตากระจ่างฟันขาวสะอาด บริสุทธิ์ดั่งหยก เครื่องแต่งกายผู้ชายเพิ่มบุคลิกงามสง่าให้กับนาง
เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของหลินสวิน หญิงชุดเขียวไม่ได้ใส่ใจ พูดเองเออเองว่า “ส่วนคนสะพายดาบนั่นร่องรอยลึกลับ เคลื่อนไหวไร้คนรู้ ตอนนี้เกรงว่าคงก้าวสู่ระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นแปดแล้ว จะเป็นมกุฎจักรพรรดิขั้นเจ็ดเหมือนในประกาศจับบอกได้อย่างไร”
หลินสวินอดแปลกใจไม่ได้ ดูท่าว่าหญิงชุดเขียวคนนี้ยังรู้สถานการณ์ในแดนใหญ่พันศึกเป็นอย่างดี
คนไม่น้อยบริเวณนั้นได้ยินความเห็นของหญิงชุดเขียว พลันมีคนถามว่า “หรือเจ้าเคยเจอคนสะพายดาบ”
เสียงฮือฮาดังขึ้น ทุกคนอึ้งจนอ้าปากค้าง
ชั่วขณะนี้ประกายเย็นเยียบแวบผ่านส่วนลึกในดวงตาหลินสวินอย่างยากจะสังเกตเห็น
เห็นชัดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองตั้งต้นเหมือนกลายเป็นพายุคลั่งไปแล้ว แพร่เข้ามาในเมืองพยัคฆ์ครองแห่งนี้!
สามารถคาดการณ์ได้ว่าหลังจากนี้ ประกาศจับของตนจะต้องปรากฏในด่านนภาอมตะมากขึ้นเรื่อยๆ
หลินสวินสีหน้านิ่งสงบ เงยมองอย่างละเอียด
ในยันต์สีดำวาดภาพเหมือนภาพหนึ่ง เป็นตนยามยืนกลางอากาศต่อสู้หน้าจวนเจ้าเมือง
ในเนื้อหาประกาศจับระบุความผิดที่ตนก่ออย่างละเอียด อย่างเช่นหลังจากกลับจากแดนลับฝึกหลอม ก็เปิดฉากสังหารตลอดทาง ก่อเหตุนองเลือดต่างๆ
รางวัลนำจับคือหกล้านผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่ง เป็นอันดับเก้าของประกาศจับทั้งหมด
และคนที่ประกาศจับคือเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลเหวินและตระกูลเหิง ในประกาศจับมีตราประทับอันเป็นตัวแทนของสองตระกูลนี้
“จากรายละเอียดประกาศจับ คนผู้นี้คงเพิ่งเข้าแดนใหญ่พันศึกในช่วงครึ่งปีนี้ แต่กลับทำเรื่องที่นองเลือดขนาดนี้ ต้องเป็นคนที่ดุดันร้ายกาจยิ่งแน่นอน!”
“ไม่เห็นหรือ หลิงเสวียนจื่อคนนี้ถึงกับมาจากสถานที่ตกต่ำอย่างทางเดินโบราณฟ้าดารา…”
ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ ต่างตกตะลึง
กลับเห็นหญิงชุดเขียวเอ่ยขึ้นกะทันหันว่า “ทางเดินโบราณฟ้าดาราไม่ธรรมดา หลายแสนปีก่อนหน้านี้เคยเป็นอันดับหนึ่งของโลกพันจักรวาล ตอนนั้นมียักษ์ใหญ่เย้ยฟ้าไม่รู้เท่าไหร่มาจากทางเดินโบราณฟ้าดารา ทำให้ในช่วงนั้นขอเพียงเป็นมหาจักรพรรดิที่มาจากทางเดินโบราณฟ้า ในแดนใหญ่พันศึกแห่งนี้แทบไม่มีคนกล้าหาเรื่อง”
หลายคนไม่เห็นด้วย “ตอนนั้นจะรุ่งเรืองแค่ไหนแล้วอย่างไร ชื่อเสียงย่อมจางหายไปตามกาลเวลา อันดับในแดนใหญ่พันศึกของทางเดินโบราณฟ้าดาราตอนนี้ ถึงขั้นจะรักษาให้อยู่ในร้อยอันดับแรกก็แทบไม่ไหวแล้ว”
หญิงชุดเขียวส่ายหน้า “พวกเจ้าคิดง่ายเกินไปแล้ว ไม่พูดยังพอว่า เรื่องพวกนี้… ผ่านไปนานมากแล้วจริงๆ…” เสียงเผยความสะเทือนใจ
หลินสวินอดประหลาดใจไม่ได้ หญิงชุดเขียวคนนี้เหมือนจะรู้เรื่องเกี่ยวกับทางเดินโบราณฟ้าดาราไม่น้อย นี่ถือว่าหายากมาก
หืม?
ก็เป็นตอนนี้เอง หลินสวินนัยน์ตาหดรัดเล็กน้อย สัมผัสถึงความเย็นเยียบเสียดกระดูกสายหนึ่งปรากฏขึ้นมาเงียบๆ จากบริเวณใกล้เคียง คลุมเครืออย่างที่สุด
ทว่าความเย็นเยียบของไอสังหารกลับคมกริบหาใดเปรียบ
…………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์