บ่อน้ำโบราณอบอวลไปด้วยหมอก นักพรตเฒ่าที่เหมือนกับภาพมายาผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิ กำลังท่องคัมภีร์
กระบี่ยอดยุทธ์ปักเฉียงอยู่ที่ด้านหนึ่งของบ่อน้ำโบราณ ตัวกระบี่ย้อมสีเลือด
นี่เป็นภาพอันพิสดารยิ่ง ผู้ฝึกปราณทั่วไปไม่มีทางได้พบเห็นสักนิด เพราะในอดีต ขอเพียงเข้าใกล้เขตผนึกนี้ก็แทบไม่มีทางรอดชีวิต
แต่บัดนี้
ผู้สืบทอดลำดับที่สี่ของคีรีดวงกมล หลิงเสวียนจื่อมาเยือนแล้ว
ครืน!
ผืนดินสั่นสะเทือน ห้วงอากาศกำลังยุบตัว ดวงตาทั้งคู่ของหลิงเสวียนจื่อมีประกายน่าหวาดหวั่น ลุกโชนดั่งเปลวเพลิง มองไปยังนักพรตเฒ่า
“เมื่อครู่… ก็คือเจ้าหรือที่โหวกเหวกอยู่เป็นนาน” เขาเอ่ยถามด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ละอองแสงไหลเวียนไปทั้งร่างนักพรตเฒ่า รูปลักษณ์คลุมเครือ เผชิญหน้ากับการซักไซ้ของหลิงเสวียนจื่อก็อดพูดอย่างประหลาดใจไม่ได้
“นานแล้วที่ไม่มีใครกล้าพูดจากับข้าเช่นนี้ เจ้าหนุ่ม เจ้าระวังวาจาเสียหน่อยจะดีที่สุด ถ้านึกว่ามีพลังเหนือล้ำกว่าระดับบรรพจารย์แล้วจะทำตัวไม่สนใจสิ่งใดได้จริงๆ ก็รังแต่จะทำให้ตนกลายเป็นตัวตลก”
ตั้งแต่ยุคก่อนเขาก็ถูกกำราบอยู่ที่นี่มานานเป็นล้านปีแล้ว ในช่วงเวลาอันยาวนานหาใดเทียบนี้ก็เคยเจอผู้ยิ่งใหญ่ระดับบรรพจารย์มาเยือนไม่น้อย
แต่ผลลัพธ์เล่า
ไม่วิ่งหนีหางจุกก้นหัวซุกหัวซุน
ก็ต้องตายอยู่ที่นี่
ยังไม่มีใครที่สามารถอยู่ในสายตาเขาได้สักคน!
“ทำให้ตนกลายเป็นตัวตลกหรือ”
เมื่อได้ยินดังนี้กลับเห็นรอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาดั่งเด็กหนุ่มของหลิงเสวียนจื่อ จากนั้น…
เขาม้วนแขนเสื้อขึ้น
ยื่นมือขวาออกไป
ฟาดมือออกไปอย่างหยาบกระด้างหาใดเทียบ
ปัง!
บ่อน้ำโบราณมีแสงมรรคพร่าเลือนผุดขึ้นมา แต่กลับถูกลมฝ่ามือตบกระจุยทันที นักพรตเฒ่าที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนปากบ่อถูกตบจนระเบิดออกเหมือนฟองสบู่ในทันใด
แต่ที่ประหลาดก็คือ เพียงพริบตาเดียวเงาร่างนักพรตเฒ่าก็รวมตัวใหม่อีกครั้ง ส่งเสียงด่าว่าเหมือนถูกการตบอันหยาบกระด้างนี้ยั่วโมโหเข้า
“เจ้าหนุ่ม เข้ารนหาที่ตายหรือ”
ปัง!
เสียงพูดเพิ่งเงียบลง หลิงเสวียนจื่อก็ตบจนนักพรตเฒ่าระเบิดอีกรอบ “เจ้าเฒ่า ถ้าข้ารนหาที่ตายจริง เจ้าจะทำไม”
เสียงด่ากราดเกรี้ยวที่เผยแววดูแคลนดังกึกก้อง สีหน้าหลิงเสวียนจื่อมีแต่ความดูถูกอย่างเหิมเกริมไม่หวั่นเกรง
เงาร่างนักพรตเฒ่ารวมตัวอีกครั้ง เสียงเย็นชาหาใดเทียบ “เจ้าหนุ่ม…”
ปัง!
เพิ่งพูดได้ไม่กี่คำก็ถูกหลิงเสวียนจื่อตบกระจุยอีก
“มาสิ คว่ำข้า ทำลายข้าเลยสิ!”
แววตาหลิงเสวียนจื่อฉายความโหดเหี้ยม เอ่ยอย่างแสร้งยิ้มว่า “เจ้าเฒ่า ถ้าตอนนั้นข้าไม่ถูกอาจารย์ข้ากำราบไว้ อาศัยคุณสมบัติอย่างเจ้า ยังไม่มีสิทธิ์มาอยู่ในสายตาข้าด้วยซ้ำ รู้หรือไม่”
เสียงของเขาเหี้ยมเกรียม เมื่อเห็นว่าเงาร่างนักพรตเฒ่ารวมตัวกันอีก เขาพลันโบกแส้สามพันเคลื่อนคล้อย
ฟุ่บ!
แส้อันพร่างพราวดุจประกายดาว ส่องสว่างดั่งหิมะน้ำแข็งตวัดฟาดคราหนึ่ง ประหนึ่งสายธารกาลเวลา สะท้อนภาพยิ่งใหญ่อย่างประวัติศาสตร์ปรวนแปร เรื่องราวในโลกดับสลาย
ชั่วพริบตาเงาร่างนักพรตเฒ่าก็ระเบิดออก ละอองแสงปลิวลอยยังไม่ทันได้รวมตัวกันอีก ก็ถูกตลบเข้าไปในแส้อันปรวนแปรลับเลือนนั้น
บดทำลายทุกกระเบียด สลายไปจนสิ้น!
“ฮ่าๆๆ เจ้าหนุ่มอย่างเจ้าจะนิสัยเด็กน้อยเกินไปแล้ว สิ่งที่เจ้าตีกระจุยเป็นเพียงกลิ่นอายสายหนึ่งของข้าเท่านั้น”
เสียงหัวเราะลั่นของนักพรตเฒ่าดังขึ้นจากส่วนลึกของบ่อน้ำโบราณ “ถ้าเจ้ามีปัญญา กล้าเข้ามาสู้กันสักตั้งไหม”
“คิดว่าข้าไม่กล้าจริงๆ หรือ”
หลิงเสวียนจื่อแค่นหัวเราะ ก้าวเท้าจะเหยียบย่างลงบนบ่อน้ำโบราณ
แต่ครู่ต่อมาเขาก็หัวเราะพรืด ชักเท้ากลับไปแล้วเอ่ยว่า “เจ้าเฒ่า คิดว่าข้าจะติดกับเจ้าจริงหรือ”
“ติดกับหรือไม่ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือเจ้าไม่กล้า เจ้ากลัว เจ้าจองหองแค่ไหนก็ไม่ได้มั่นใจว่าจะเอาชนะข้าได้ นี่เป็นเรื่องจริง ไม่ว่าเจ้าจะยอมรับหรือไม่”
ในบ่อน้ำโบราณ เสียงนักพรตเฒ่าราบเรียบ
หลิงเสวียนจื่อร้องอ้อคำหนึ่ง จู่ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นผิดหวัง ถอนหายใจยาวเอ่ยว่า “เจ้าพูดถูก พูดถูกจริงๆ…”
เขาเหมือนนึกถึงเรื่องปวดใจอะไรขึ้นมาได้ ยืนอยู่เช่นนั้น ใบหน้าอันหล่อเหลามีแต่ความอ้างว้าง
ภาพอันผิดธรรมดานี้ทำให้นักพรตเฒ่าที่อยู่ในบ่อน้ำโบราณคาดไม่ถึงอยู่บ้างอย่างเห็นได้ชัด นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งถึงแค่นหัวเราะเอ่ยว่า
“เจ้าไม่ใช่ดุดันมากหรอกหรือ ไยขี้ขลาดปานนี้แล้ว”
หลิงเสวียนจื่อถอนใจอีกรอบแล้วเอ่ยว่า “ข้าเพียงแต่นึกขึ้นได้กะทันหันว่าเจ้าในตอนนี้… ไม่ได้ต่างอะไรกับข้าในอดีต”
“เจ้าก็เคยถูกกำราบหรือ” เห็นได้ชัดว่านักพรตเฒ่าประหลาดใจ
“ใช่ ถูกอาจารย์ข้ากำราบเองกับมือ ถ้าไม่เป็นเช่นนี้ ตอนนี้มหามรรคของข้าต้องไม่ได้สำเร็จเพียงเท่านี้แน่”
หลิงเสวียนจื่อพูดถึงตรงนี้ก็เอ่ยถามว่า “เจ้าล่ะ ทำไมถึงถูกกำราบ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์