ตอนที่ 2550 ท่วงท่าอาจหาญ มุ่งหน้าสง่างาม
จงหลีเซียวพูดจบก็หันหลังพุ่งไปบนหนทางฟ้าเลือกสรรทองอร่ามนั่น
หลินสวินยิ้มรับ ไม่สนใจสายตาประหลาดที่มองมาโดยรอบสักนิด
สี่ตระกูลตงหวงก็ล่วงเกินแล้ว ล่วงเกินอีกหน่อยจะเป็นไร
“ข้าแน่ใจว่าเจ้าเป็นคนไม่กลัวตาย แต่เจ้าคิดว่าหากเรื่องในวันนี้นำภัยมาถึงตัวจะคุ้มค่าหรือ”
ห่างไปไม่ไกล ฉีหลิงอวิ๋นเอ่ยถาม
“เช่นนั้นก็ต้องดูว่าใครจะอยู่รอดถึงตอนท้าย”
หลินสวินกล่าวลอยๆ คล้ายไม่สนใจเรื่องพวกนี้แต่แรก
นี่ทำให้หลายคนแอบชื่นชมขึ้นมา
บนโลกนี้ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งอย่างบรรพจารย์จักรพรรดิ ตัวตนน่าหวาดกลัวอย่างระดับอมตะ ยามเผชิญหน้ากับคนในตระกูลยักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปด ใครกล้าไม่กริ่งเกรงเหมือนหลินสวินบ้าง
ฉีหลิงอวิ๋นเอ่ยปากเสียงเบา “เช่นนั้นข้าก็ขอพูดตามตรง หากไม่อาจกำราบคนอย่างเจ้าได้ ข้ายอมทำลายเจ้าแทน”
ท่าทางนางผ่อนคลาย แต่คำข่มขู่นั้นสามารถทำให้ใครก็ตามหนาวเยือกในใจ
สำหรับเรื่องนี้หลินสวินแค่ร้องอ้อคราหนึ่ง ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนไม่มองฉีหลิงอวิ๋นอีก
“แข็งแกร่งมาก!”
มีคนร้องอุทานออกมา ทุกคนมองไปก็เห็นว่าบนหนทางฟ้าเลือกสรรนั้น เงาร่างจงหลีเซียวทะลวงผ่านสองพันจั้งไปนานแล้ว กำลังเคลื่อนไปทางยอดเขา
เทียบกับมู่อี้แล้วไม่ด้อยไปกว่ากันเท่าไร!
กระทั่งเห็นเงาร่างเขาใกล้ตำแหน่งสองพันเก้าร้อยจั้งทีละก้าว ทุกคนในที่นั้นล้วนกลั้นหายใจจดจ่ออย่างอดไม่ได้ จับตามองอย่างตื่นเต้น
เมื่อเห็นเงาร่างของจงหลีเซียวก้าวไปเหนือจุดสองพันเก้าร้อยจั้งแล้วยังมีแรงมุ่งหน้า ทุกคนในที่นั้นก็แตกตื่นไปทั้งแถบ
เหนือกว่าความสามารถของมู่อี้เมื่อครู่แล้ว!
“ไม่เจอกันหลายปี เจ้าหมอนี่ถึงกับมีการพัฒนาเช่นนี้ เห็นชัดว่าก่อนหน้านี้เขาซ่อนความสามารถไว้ไม่น้อย…” ชือพั่วจวินกล่าวอย่างประหลาดใจ
เขามองออกว่าความสามารถของจงหลีเซียวในตอนนี้ แข็งแกร่งกว่าที่เขาเข้าใจอย่างเห็นได้ชัด!
“ฮึ!”
ท่ามกลางความประหลาดใจ มีเพียงมู่อี้ที่สีหน้าอึมครึมเป็นอย่างยิ่ง ถูกจงหลีเซียวใช้วิธีนี้ก้าวข้าม ทำให้ในใจเขาไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
‘มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิอีกคน…’
หลินสวินหรี่ตาเล็กน้อย ต่อให้เขาไม่ยินดีแค่ไหนก็จำต้องยอมรับ พวกที่มาจากน่านฟ้าที่แปดนี้ ล้วนเป็นราชันบนหนทางจักรพรรดิ แข็งแกร่งถึงขั้นกำราบคนในระดับเดียวกันได้เกือบทั้งหมด
ความจริงคนที่สามารถบรรลุมกุฎบรรพจารย์ ล้วนเรียกได้ว่าเป็นปีศาจที่สะท้านอดีตสะเทือนปัจจุบันจริงๆ ไร้หนึ่งในหมื่น วิปริตเป็นอย่างยิ่ง
แม้แต่มู่อี้ก็ทำให้ระดับบรรพจารย์รุ่นอาวุโสรู้สึกต่ำต้อย ไม่อาจไม่ก้มหัว!
นี่ก็คืออานุภาพของมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ
“สำเร็จแล้ว!”
เมื่อเห็นเงาร่างของจงหลีเซียวปรากฏอยู่บนยอดเขานั่น ในบริเวณนั้นเดือดพล่านขึ้นมาอย่างที่สุด ผู้ฝึกปราณทุกคนรู้สึกตื่นเต้น สีหน้าแตกต่างกันออกไป
เปรียบเทียบกับจงหลีเซียวแล้ว พวกเขาล้วนรู้สึกถึงความท้อแท้สิ้นหวังและพ่ายแพ้อย่างอดไม่ได้ บุคคลพลิกฟ้าเช่นนี้ แข็งแกร่งเกินไปแล้วจริงๆ!
แม้แต่หลินสวินยังอดผิดคาดไม่ได้
จงหลีเซียวนี่ดูเหมือนคนดื้อด้านไร้กฎเกณฑ์ เอ้อระเหยลอยชาย แต่เห็นได้ชัดว่านี่คือเปลือกนอก ตัวจริงเขามีศักยภาพชวนประหวั่นที่เหนือผู้คนระดับเดียวกัน
เวลานี้เขาสังเกตเห็นว่าสองมือของมู่อี้กำแน่นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ สีหน้าล้วนดูเหี้ยมเกรียมอยู่รางๆ
เห็นชัดว่าการขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของจงหลีเซียวกระทบกระเทือนเขาไม่น้อย
ฉีหลิงอวิ๋นเอ่ยปาก น้ำเสียงราบเรียบ “ดูท่าว่าจงหลีเซียวจะเป็นคู่ต่อสู้ทรงพลังในการพนันแล้ว”
สำหรับนาง การขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของจงหลีเซียวยังไม่อาจพูดได้ว่าเป็นบุตรฟ้าเลือกสรรเพียงหนึ่งเดียวอย่างแท้จริง มีแค่รอให้ศึกชิงบัลลังก์นี้ปิดฉาก ดูว่ามีผู้ที่ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดกี่คนกันแน่ และอาศัยเวลาที่แต่ละคนใช้ไปในระหว่างการขึ้นไปถึงจุดสูงสุดมาตัดสินสูงต่ำ
“ยอดเขานี้สามารถก้มมองใต้หล้า สมเป็นตำหนักเซียนใจกลาง ทุกท่าน ข้าเฝ้ารอยิ่งว่าจะมีใครยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับข้าบนนี้ได้บ้าง! ฮ่าๆๆ…”
บนยอดเขาจงหลีเซียวในชุดขนนกแสงเพลิงราวเด็กหนุ่มหัวเราะเปิดเผย สะท้อนก้องเหนือเมฆา
ทุกคนต่างเผยสีหน้าซับซ้อนอย่างอดไม่ได้
“ฮึ ลำพองอะไร”
ชือพั่วจวินกล่าวพลางก้าวไปยังหนทางฟ้าเลือกสรรนั่น
อย่างน้อยในที่นั้นยังมีผู้ฝึกปราณกว่าครึ่งที่ไม่ได้ทดสอบการชิงบัลลังก์ เมื่อเห็นดังนี้ก็ได้แต่ยอมถอยและเฝ้ารอ
หลังจากนั้นครึ่งเค่อ
ชือพั่วจวินก็ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดอย่างแข็งกร้าว ก่อให้เกิดเสียงร้องอุทานในที่นั้น
รอยยิ้มบนสีหน้าของจงหลีเซียวหายไปทันที ส่วนสีหน้ามู่อี้ซึ่งยืนอยู่บนหน้าผาและเห็นทุกอย่างนี้ก็ไม่น่าดูยิ่งกว่าเดิมแล้ว
“เวลาขึ้นไปยังจุดสูงสุดของสองคนนี้ไม่ต่างกันเท่าไร เจ้ามั่นใจว่าจะเหนือกว่าไหม” ฉีหลิงอวิ๋นทอดสายตามองลิ่นเฟิงที่อยู่ข้างกาย
บนใบหน้าธรรมดาของลิ่นเฟิงไม่มีคลื่นความรู้สึกแม้แต่น้อย “ข้าจะทุ่มสุดความสามารถ”
ฉีหลิงอวิ๋นพยักหน้า “ไม่ต้องฝืน ก็แค่เสียทองพิสุทธิ์อมตะก้อนหนึ่ง ข้ายังพอรับความพ่ายแพ้ได้”
ลิ่นเฟิงกล่าวอืมออกมาคำหนึ่งแล้วเริ่มเคลื่อนไหว
ไม่นานทุกคนในที่นั้นล้วนถูกทำให้ตกใจ ความเร็วของลิ่นเฟิงไม่ถึงขั้นว่องไว แต่ให้ความรู้สึกว่ามั่นคงหาใดเปรียบ ก้าวขึ้นไปทีละขั้น อานุภาพไม่อาจต้าน
‘คนผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ…’
หลินสวินเห็นทุกอย่างนี้อยู่ในสายตาและอดผิดคาดไม่ได้ มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิซึ่งมาจากน่านฟ้าที่ห้าอย่างลิ่นเฟิง ความสามารถที่แสดงออกบนหนทางฟ้าเลือกสรรกลับแข็งแกร่งกว่าจงหลีเซียวและชือพั่วจวินอยู่บ้าง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์