Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2633

สรุปบท ตอนที่ 2633 ประชันหมาก: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 2633 ประชันหมาก จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 2633 ประชันหมาก คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 2633 ประชันหมาก

เงาแสงวาบกะพริบ ใต้ต้นสนโบราณต้นนั้นปรากฏเงาร่างสายหนึ่ง

เป็นชายหนุ่มชุดสีชาดคนก่อนหน้านี้ ผมยาวสีเทาขาวทั่วศีรษะมัดรวบ ใบหน้าหล่อเหลาเฉยเมยซึมทื่อ เมื่อเห็นหลินสวินยืนอยู่ข้างๆ ชิงเฟิง ชิงเยวี่ย นัยน์ตาของเขาหดรัดลงอย่างสังเกตได้ยาก

“ศิษย์น้องเสวียนฝู”

ชายชุดเทาดีใจ ในหมู่คนรุ่นเดียวกันของถ้ำสวรรค์ปรกอุดม แม้เสวียนฝูคนนี้จะอยู่ลำดับท้ายสุด แต่ไม่ว่าความเชี่ยวชาญด้านการสลักวิญญาณหรือพลังต่อสู้ ล้วนเรียกได้ว่าโดดเด่นเหนือใคร!

จากนั้นชายชุดเทาก็สื่อจิตบอกการกระทำทุกอย่างหลังจากหลินสวินเข้ามาที่นี่ให้เสวียนฝูฟัง

เสวียนฝูฟังจบก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ นัยน์ตาเจือแววเย็นชาน่ากลัว จ้องหลินสวินพร้อมกล่าวว่า “เจ้าอยากพบบรรพจารย์หรือ”

หลินสวินยิ้มขึ้นมาทันที เอ่ยว่า “ท่านลู่ก็คือบรรพจารย์ของพวกเจ้าจริงดังคาด”

เวลานี้ในใจเขาเปี่ยมสุขยากจะปกปิด

ตั้งแต่ออกจากคุกใต้เหมืองแห่งนั้นในสมัยเด็กจนบัดนี้ผ่านไปหลายปีแล้ว ในที่สุดตอนนี้ก็มีโอกาสได้พบท่านลู่อีกครั้งสักที ในใจเขามีความสุขเป็นล้นพ้น

“ท่านลู่…”

เสวียนฝูขมวดคิ้วกล่าว “หลายปีก่อนบรรพจารย์ก็ออกไปจากถ้ำสวรรค์ปรกอุดมแล้ว ข้าขอเตือนเจ้าให้กลับไปจะดีกว่า”

หลินสวินเลิกคิ้ว “บรรพจารย์ของเจ้าไปไหนแล้ว”

เสวียนฝูถามกลับ “ทำไมข้าต้องบอกเจ้า”

บรรยากาศเริ่มกดดันขึ้น ประหนึ่งง้างธนูเตรียมยิง!

หลินสวินคิดๆ แล้วเอ่ยว่า “เจ้าสงสัยว่าข้ามาครั้งนี้มีเจตนาไม่ดีหรือ”

“แล้วไม่ใช่แบบนี้หรือ” เสวียนฝูสีหน้าเฉยเมย

จู่ๆ หลินสวินก็ยกยิ้มแล้วชี้ไปยังกระดานที่ชิงเฟิงและชิงเยวี่ยกำลังประชันหมากกันอยู่ เอ่ยว่า “เอาแบบนี้ไหม เจ้ากับข้ามาประชันหมากกันสักกระดาน หากข้าชนะ เจ้าก็ตอบคำถามของข้า หากข้าแพ้ ข้าจะออกไปทันที”

เสวียนฝูอึ้งไปครู่หนึ่ง “เจ้าแน่ใจหรือ”

“สหาย เจ้าเข้าใจหรือไม่ว่าการประชันหมากเช่นนี้ สิ่งที่ทดสอบคือความเชี่ยวชาญด้านการสลักวิญญาณ” ชายชุดเทาก็สีหน้าอึ้งค้างเช่นกัน เกือบคิดว่าหูเฝื่อนฟังผิดไป

คนอื่นไม่เข้าใจ แต่มีหรือเขาจะไม่รู้ ด้านศาสตร์การสลักวิญญาณ พวกเขาถ้ำสวรรค์ปรกอุดมเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในใต้หล้า ไร้ผู้เทียบเทียม!

แต่ตอนนี้ถึงกับมีคนวิ่งมาขอประชันหมากกับผู้สืบทอดถ้ำสวรรค์ปรกอุดมอย่างพวกเขา นี่เท่ากับควงขวานหน้าบ้านผู้เชี่ยวชาญ นำความอับอายมาสู่ตนชัดๆ!

เวลานี้ชายชุดเทาก็สัมผัสได้ถึงสภาพจิตใจของเสวียนฝูเช่นกัน และเข้าใจว่าเหตุใดเสวียนฝูจึงอึ้งงันอยู่ตรงนั้น เอ่ยถามออกมาเพียงว่า ‘เจ้าแน่ใจหรือ’

ในถ้ำสวรรค์ปรกอุดมแห่งนี้ ไม่ว่าใครได้ยินข้อเรียกร้องเช่นนี้ เกรงว่าคงรู้สึกเหลวไหลสิ้นดีทั้งนั้นกระมัง

“อย่างลืมสิว่าข้าเข้ามาได้อย่างไร”

หลินสวินยิ้มขณะมองชายชุดเทาปราดหนึ่ง ฝ่ายหลังอึ้งไปก่อน จากนั้นกระจ่างขึ้นมา กล่าวว่า “เจ้าคงไม่ได้มาท้าทายหรอกกระมัง”

รอยยิ้มหลินสวินชะงักค้าง มุมปากกระตุกกล่าวว่า “ข้าบอกแล้ว ที่มาครั้งนี้เพียงแค่อยากพบท่านลู่สักครั้งเท่านั้น”

ไกลออกไปเสวียนฝูเดินเข้ามา หิ้วชิงเฟิงและชิงเยวี่ยขึ้นจากกระดานหมากแล้วส่งให้ชายชุดเทาดูแล จากนั้นนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านข้างกระดานนั่น กล่าวว่า “เริ่มกันเถอะ”

เห็นชัดว่าเขาตอบรับเงื่อนไขของหลินสวินแล้ว

หลินสวินก็นั่งขัดสมาธิเช่นกัน

“กฎการประชันหมากเจ้าเข้าใจหรือไม่” ชายชุดเทาเอ่ยถามขึ้นจากด้านข้าง

“ไม่ว่าจะเป็นประชันหมากตรีศาสตร์ ประชันหมากหกประสาน ประชันหมากเก้าวัง หรือประชันหมากสามสิบหกขุนพลสวรรค์ ประชันหมากเจ็ดสิบสองอสูรนรกล้วนได้หมด แน่นอน หากมีกฎแบบอื่น บอกข้าตอนนี้ก็ไม่เป็นไร ข้าสามารถทำความเข้าใจได้”

หลินสวินกล่าวสบายๆ

ชายชุดเทากล่าวอึ้งค้าง “เจ้าถึงกับเตรียมตัวมาพร้อมเช่นนี้ ยังบอกว่าไม่ได้มาท้าทายอีกหรือ”

หลินสวินชักเริ่มไม่อยากสนใจเจ้าหมอนี่จริงๆ เสียแล้ว ความคิดแปลกพิลึกเกินไป ทำให้คนไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี

“เจ้ามาเป็นแขก ก็ให้เจ้าเลือกมาสักอย่าง”

เสวียนฝูสีหน้าซึมทื่อ แทบไม่มีความรู้สึกใดๆ

“เช่นนั้นก็ประชันหมากเก้าวัง”

หลินสวินก็ไม่ได้ปฏิเสธ คีบหมากสีดำตัวหนึ่งขึ้นมาวางลงบนกระดานหมากลวกๆ

ฉับพลันนั้นกระบวนผนึกวิเศษเร้นลับพลันปรากฏขึ้นบนกระดาน

ความเชี่ยวชาญด้านการสลักวิญญาณของชายชุดเทาก็ค่อนข้างดีเช่นกัน เมื่อเห็นดังนี้จึงอดตกใจไม่ได้ ยิ่งรู้สึกว่าหลินสวินเตรียมตัวมาพร้อมเข้าไปใหญ่

ถึงขั้นที่มีเจตนาไม่ดีด้วยซ้ำ!

ชิงเฟิงและชิงเยวี่ยยืนอยู่ด้านข้าง จับจ้องเหตุการณ์นี้อย่างใคร่รู้ ชิงเฟิงถามขึ้นว่า “อาจารย์อามู่เวย กระบวนนี้มีอะไรพิเศษหรือ

ชายชุดเทามู่เวยเอ่ยปากลวกๆ “นี่คือกระบวนผนึกปัญจธาตุหยินหยางเล็ก เป็นรูปแบบกระบวนที่พบเห็นได้บ่อยอย่างหนึ่ง ไม่ต้องตื่นตูมเกินเหตุ รอให้การประชันหมากสิ้นสุด อาจารย์อาจะทบทวนรายละเอียดการประชันหมากทั้งหมดให้พวกเจ้า ถึงตอนนั้นค่อยอธิบายให้พวกเจ้าฟังอีกที ตอนนี้พวกเจ้าตั้งใจดูไปก่อน การชมหมากไม่ส่งเสียงจึงจะเป็นปัญญาชน”

นี่ทั้งพูดให้ชิงเฟิงและชิงเยวี่ยฟัง และพูดให้หลินสวินฟังด้วย ความหมายนอกเหนือคำพูดก็คือ การประชันหมากครั้งนี้คนอื่นๆ ไม่อาจแทรกมือได้

เวลานี้เสวียนฝูที่อยู่ตรงข้ามคีบหมากสีขาวตัวหนึ่งขึ้นมาวางลงบนกระดานหมากแล้ว

พลันนั้นกระบวนผนึกวิเศษบริสุทธิ์ก็ปรากฏขึ้นมา

หลินสวินลอบพยักหน้า ความเชี่ยวชาญด้านการสลักวิญญาณของเสวียนฝูคนนี้ไม่ธรรมดายิ่งจริงๆ

ขณะที่ในใจคิดเช่นนี้ เขาก็คีบหมากสีดำอีกตัวหนึ่งขึ้นมาวางลงไปอีกครั้ง

เสวียนฝูก็วางหมากตามเช่นกัน

ทั้งสองผลัดกันวาง ก็เห็นบนกระดานหมากเล็กๆ นั่นมีกระบวนผนึกวิเศษอัศจรรย์ปรากฏขึ้นหลากชนิด ยึดครองในช่องตารางที่แตกต่างกัน

และความเชี่ยวชาญด้านศาสตร์การสลักวิญญาณของเขาบรรลุถึงขั้นน่าสะพรึงระดับไหนกัน

“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร…”

มู่เวยร้อง ขวัญหนีดีฟ่อ ไม่สามารถยอมรับได้อยู่บ้าง

“การแพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดา นับประสาอะไรกับการประชันหมากสลักวิญญาณนี้ มีขึ้นเพื่อศึกษาและสำแดงลายสลักวิญญาณ วัตถุประสงค์เพื่อยกระดับความเชี่ยวชาญด้านการสลักวิญญาณของเจ้าตัว สำหรับเสวียนฝู การประชันหมากพ่ายแพ้ครั้งนี้กลับเป็นเรื่องดีเสียอีก”

เวลานี้ชายวัยกลางคนชุดขนนก หน้าตาเกลี้ยงเกลาผู้นั้นเอ่ยปากเสียงอ่อนโยน

ทุกคนล้วนอดพยักหน้าไม่ได้

จากนั้นชายวัยกลางคนหันสายตามองหลินสวินและเอ่ยว่า “ผู้น้อยซวีรั่วกู่ ตอนนี้ดำรงตำแหน่งเจ้าสำนักถ้ำสวรรค์ปรกอุดม ก่อนหน้านี้มู่เวยสื่อจิตบอกข้าแล้ว สหายน้อยมาครั้งนี้เพราะอยากพบบรรพจารย์ถ้ำสวรรค์ปรกอุดมของพวกเราใช่หรือไม่”

หลินสวินหยัดตัวลุกขึ้น ประสานหมัดคารวะกล่าวว่า “เป็นเช่นนั้น”

ซวีรั่วกู่คล้ายขบคิด ก่อนกล่าวยิ้ม “ถึงแม้ตอนนี้บรรพจารย์ไม่อยู่ แต่สหายน้อยมาครั้งนี้ต้องมีธุระสำคัญอยากพบเป็นแน่ อย่างไรโปรดตามข้าเข้ามาพักผ่อนในเรือนหลักก่อนเถิด”

“ขอบคุณมาก” หลินสวินกล่าว

จากนั้นซวีรั่วกู่ก็นำทางอยู่เบื้องหน้าด้วยตัวเอง เดินไปยังยอดเขาพร้อมกับหลินสวิน

หลังจากมู่เวยและผู้สืบทอดถ้ำสวรรค์ปรกอุดมเหล่านั้นมองดูพวกเขาจากไปแล้ว ล้วนอดกระซิบกระซาบกันไม่ได้

“คนผู้นั้นเป็นใคร ถึงกับมีความเชี่ยวชาญในศาสตร์การสลักวิญญาณเช่นนี้”

“เขาบอกว่าอยากพบบรรพจารย์ คงไม่ใช่รู้จักบรรพจารย์มาก่อนหน้านี้กระมัง”

“คนผู้นี้ร้ายกาจจริงๆ ความเชี่ยวชาญที่เขามีต่อศาสตร์การสลักวิญญาณบรรลุถึงขั้นน่าเหลือเชื่อไปแล้ว ห่างไกลเกินกว่าพวกเราจะเทียบได้ เท่าที่ข้าดู บางทีอาจมีเพียงเจ้าสำนักลงมือด้วยตัวเองเท่านั้นจึงจะกดดันเขาได้”

…และในเสียงวิพากษ์วิจารณ์นี้ จู่ๆ เสวียนฝูที่นั่งอยู่ตรงนั้น สีหน้าเฉื่อยชาเรื่อยมาก็หยัดตัวลุกขึ้น ในแววตาปรากฏประกายน่าหวาดหวั่น

“ข้าพอจะเดาได้คร่าวๆ แล้วว่าเขาเป็นใคร!”

กล่าวพลางเงาร่างของเขากะพริบวาบ พุ่งไปยังยอดเขาอย่างรวดเร็ว

ทุกคนล้วนอดอึ้งค้างไม่ได้ รู้สึกมึนงงไปหมด ขณะที่อยากจะถามต่อ เงาร่างของเสวียนฝูก็หายลับไปแล้ว

“ไป พวกเราก็ไปดูหน่อย”

มู่เวยนำขบวน คนอื่นๆ ก็พุ่งตามไปยังทิศทางยอดเขาพร้อมกัน

ในเวลาเดียวกัน

ในหมอกเมฆรายล้อมบนยอดเขาแห่งนั้น มีคฤหาสน์เก่าแก่แห่งหนึ่งตั้งอยู่

ในคฤหาสน์ใหญ่ ทันทีที่เดินเข้ามาซวีรั่วกู่ก็หมุนตัว หันไปประสานหมัดคารวะให้หลินสวิน ก่อนเอ่ยถามขึงขัง “บังอาจถามว่า… ใช่คุณชายหลินสวินหรือไม่”

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์