Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2641

สรุปบท ตอนที่ 2641 ตระกูลลั่วสายรอง: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2641 ตระกูลลั่วสายรอง – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บท ตอนที่ 2641 ตระกูลลั่วสายรอง ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 2641 ตระกูลลั่วสายรอง

จุดประสงค์ที่ลั่วทงเทียนต้องการบุกเส้นทางดารานิรันดร์ ก็เพื่อมองทะลุนัยเร้นลับแห่งนิรันดร์ ทั้งเพื่อหาวิธีต้านเคราะห์มรรคห้าเสื่อม!

เมื่อรู้ความจริงนี้ หลินสวินจึงตระหนักได้ว่าตนดูเบาความน่ากลัวของ ‘เคราะห์มรรคห้าเสื่อม’ แล้ว

ด่านเคราะห์ที่เกิดในการดับสิ้นของยุคสมัยนี้ เรียกได้ว่าเป็นมหาเคราะห์แห่งยุคชั้นยอดบนเส้นทางการฝึกปราณ!

“ท่านลู่ นั่นไม่ใช่หมายความว่าหากเคราะห์มรรคห้าเสื่อมในตัวท่านยังอยู่ พลังปราณในร่างก็จะได้รับผลกระทบหรือ”

หลินสวินกล่าวอย่างกังวล

ลู่ป๋อหยากลับยิ้มกล่าวอย่างดูปล่อยวาง “สู้กับด่านเคราะห์นี้มาหลายปี ข้ารู้ความเร้นลับภายในนั้นโดยคร่าวแล้ว ภายใต้การกำราบจากมรรควิถีของข้ายามนี้ ทุกร้อยปีเคราะห์มรรคห้าเสื่อมภายในร่างจะปะทุขึ้นครั้งหนึ่ง ก่อนที่มันจะปะทุ ขอเพียงไม่สู้สุดชีวิตมันก็คุกคามข้าไม่ได้”

หลินสวินกล่าว “ถ้าปะทุเล่า”

ลู่ป๋อหยาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนกล่าว “เช่นนั้นก็กำราบมันอีกครั้ง แม้จะอันตรายมาก แต่ข้าสู้กับมันมาหลายครั้งแล้ว รอดมาได้ถึงตอนนี้ก็มีประสบการณ์แล้ว เรื่องยุ่งยากเพียงอย่างเดียวคือหลังจากเคราะห์มรรคห้าเสื่อมปะทุในแต่ละครั้ง ข้าก็จะอยู่ในสภาพอ่อนแอไปนานถึงร้อยปี ถึงตอนนั้นอย่างมากมรรควิถีทั้งตัวคงสำแดงพลังได้แค่ระดับกึ่งจักรพรรดิ”

กึ่งจักรพรรดิ?

หลินสวินถอนหายใจในใจ สำหรับใครก็ตามที่เคยก้าวสู่ระดับอมตะ สิ่งนี้เท่ากับถูกผลักตกเหวลึก ถึงตอนนั้นระดับจักรพรรดิคนเดียวก็ฆ่าเขาได้โดยง่าย!

ครู่ต่อมาหลินสวินกล่าวอย่างจริงจัง “วันหน้าข้าจะสลายโรคเรื้อรังในตัวท่านลู่เอง!”

ท่านลู่ยิ้มน้อยๆ “ข้ามีชีวิตอยู่มาหลายปีขนาดนี้ ไม่สนใจว่าภายหน้าจะอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่แล้ว ก่อนหน้านี้เป็นเพราะมีเรื่องมากมายที่ยังทำไม่สำเร็จ ดังนั้นจึงไม่กล้าตายมาตลอด จำต้องทุ่มเททุกอย่างเพื่อเอาตัวรอด”

“แต่ตอนนี้เจ้าสามารถผงาดด้วยตัวคนเดียวได้ ตาทวดของเจ้าก็นับว่ามีผู้สืบทอดแล้ว ต่อให้ข้าจากโลกไปตอนนี้ก็ไม่มีอะไรน่าเสียดายแล้ว…”

หัวใจของหลินสวินบีบรัด กล่าวว่า “ท่านลู่ มีข้าอยู่ ท่านต้องมีชีวิตต่อไป ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่มีทางให้ท่านถูกเคราะห์มรรคห้าเสื่อมนั่นพรากชีวิตไปแน่!”

หลินสวินกล่าวอย่างหนักแน่น

ท่านลู่ยิ้มพูด “เอาสิ ข้าเฝ้ารอนักว่าเจ้าจะจัดการเรื่องตระกูลลั่วได้เมื่อไหร่ ทั้งทำให้ความปรารถนาที่ตาทวดของเจ้าไม่เคยทำได้สำเร็จตอนไหน”

หลินสวินสูดหายใจลึกกล่าว “ท่านลู่ ความจริงตอนมาทะเลประหัตมารครั้งนี้ข้าได้ตั้งใจไว้แล้ว หลังจากพบท่านก็จะไปเยือนตระกูลลั่ว!”

ลู่ป๋อหยาพยักหน้า กล่าวโดยไม่รู้สึกแปลก “ข้าคิดอยู่แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้ ตอนนี้คนที่แม่ของเจ้าเป็นห่วงที่สุดก็คือลุงกับตาของเจ้า”

“ข้าสืบข่าวมาแล้ว ปีนั้นหลังจากลุงของเจ้าออกจากทางเดินโบราณฟ้าดาราไป เดิมต้องการไปเสาะหาแหล่งสถานอัศจรรย์ แต่สุดท้ายกลับล้มเหลว ตอนนี้มีโอกาสสูงว่าจะถูกคนของตระกูลลั่วสายรองจับตัวไปขังที่ตระกูลลั่ว”

“ส่วนตาของเจ้า หากข้าสันนิษฐานไม่ผิด เป็นไปได้สูงว่าถูกจับตัวไปที่ตระกูลลั่วเช่นกัน ไม่อย่างนั้นดาบเงาแสงกับหินเทพพรสวรรค์คงไม่มีทางตกอยู่ในมือคนตระกูลลั่วสายรอง ถึงขั้นว่าตำราเทพไร้ขอบเขตก็มีโอกาสถูกลั่วฉงครอบครองแล้วเช่นกัน”

หลินสวินหรี่ตาเล็กน้อยพลางกล่าว “พูดเช่นนี้ เท่ากับว่าตอนนี้ท่านลุงกับท่านตาของข้าล้วนอยู่ตระกูลลั่วหรือ”

ลู่ป๋อหยากล่าว “จริงหรือเท็จรอเจ้าไปตระกูลลั่วก็จะรู้ อันที่จริงด้วยพลังต่อสู้ของเจ้าตอนนี้ ต่อให้มุ่งหน้าไปตระกูลลั่วก็คงไม่เจอภัยคุกคามมากเกินไป”

หลินสวินแปลกใจ “เหตุใดท่านลู่ถึงกล่าวเช่นนี้”

ลู่ป๋อหยาถอนหายใจยาวพลางกล่าว “คนทั่วไปล้วนรู้ว่าตระกูลลั่วตกต่ำนานแล้ว แต่เกรงว่าคงไม่มีใครคาดคิด ตระกูลลั่วไม่ใช่พลังถดถอยธรรมดา แต่อยู่ในสถานการณ์น่าเป็นห่วงราวหอคอยใกล้ถล่ม มีโอกาสถูกขับไล่ออกจากน่านฟ้าที่หกตลอดเวลา”

หลินสวินรู้สึกประหลาดใจทันใด

เขาพอนึกได้ว่าอิทธิพลของตระกูลลั่วไม่ยิ่งใหญ่เหมือนแต่ก่อนแล้ว ถึงอย่างไรตระกูลลั่วยามเฟื่องฟูที่สุดก็ยืนตระหง่านบนน่านฟ้าที่เจ็ด กล้างัดข้อกับสิบยักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปด!

แต่ช่วงหลายปีนับตั้งแต่ลั่วทงเทียนหายไป อิทธิพลตระกูลลั่วสูญสิ้นอย่างรวดเร็ว กระทั่งถูกขับออกจากน่านฟ้าที่เจ็ด มายังน่านฟ้าที่หกนี้อย่างล้มลุกคลุกฝุ่น

ตั้งแต่ตอนอยู่ทางเดินโบราณฟ้าดารา หลินสวินก็ได้ยินว่าต่อให้อยู่ในน่านฟ้าที่หก อิทธิพลของตระกูลลั่วก็ยากจะพลิกสถานการณ์เสื่อมถอย ทั้งยังแย่ลงทุกปีตามเวลาที่ล่วงเลย ได้แต่จัดอยู่ในขุมอำนาจชั้นรองในหมู่เผ่าจักรพรรดิอมตะแห่งน่านฟ้าที่หก!

สาเหตุที่หลินสวินคิดไปตระกูลลั่วเพื่อสะสางความแค้นหลังจากเจอลู่ป๋อหยา ก็ด้วยมองออกว่าตระกูลลั่วในตอนนี้แสร้งทำเป็นเข้มแข็ง เหมือนสายน้ำไหลสู่ที่ต่ำแล้ว!

เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าสถานการณ์ของตระกูลลั่วจะยากแค้นและอ่อนแอเช่นนี้ ถึงขั้นแทบไม่อาจอยู่ในน่านฟ้าที่หกแล้ว…

“ในตระกูลลั่วสายรองก็ไม่ขาดบุคคลผู้แข็งแกร่งถึงขีดสุด แต่เทียบกับสายหลักแล้วกลับขาดรากฐานพลังและความชำนาญอยู่บ้าง นับตั้งแต่ลั่วฉงครองอำนาจเป็นผู้นำตระกูล ตำแหน่งและอำนาจที่เดิมควบคุมโดยคนตระกูลสายหลัก แทบจะถูกชิงไปให้คนตระกูลสายรองครอบครองทั้งหมด ตั้งแต่นั้นมาภายในตระกูลก็เกิดรอยแยกมหึมาที่ไม่อาจชดเชย…”

นัยน์ตาของลู่ป๋อหยาเจือแววซับซ้อน “ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมานี้ ตระกูลลั่วสายหลักถูกกำราบยับเยิน แค่การต่อสู้ภายในที่เนิ่นนานครานี้ก็ทำให้ทั้งตระกูลลั่วเสียหายหนักแล้ว ประกอบกับขุมอำนาจอื่นจ้องตะครุบดุจพญาเสือ กัดกินและยึดรวบอาณาเขตที่ตระกูลลั่วครอบครองไม่หยุด ภายใต้สถานการณ์ที่มีทั้งศึกนอกศึกในเช่นนี้ ตระกูลลั่วไม่อยากเสื่อมถอยล้วนยากนัก!”

“หากตาทวดของเจ้ายังอยู่ เห็นอำนาจที่เขาสร้างมากับมือเปลี่ยนเป็นความยุ่งเหยิงเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะผิดหวังเพียงใด”

สำหรับเรื่องนี้ในใจหลินสวินราบเรียบไร้คลื่นลม เขาไม่สนใจความรุ่งเรืองและเสื่อมถอยของตระกูลลั่วโดยสิ้นเชิง เขาแค่อยากสะสางบุญคุณความแค้นครานี้ให้เสร็จก็เท่านั้น

“ข้ารู้ว่าเจ้าแค้นตระกูลลั่วเข้ากระดูก เป็นไปไม่ได้ที่จะมีความรู้สึกร่วมใดๆ”

ลู่ป๋อหยากล่าว “แต่สิ่งที่ข้าจะบอกเจ้าคือ ตระกูลลั่วสายรองคือตระกูลลั่วสายรอง พวกเขาไม่อาจเป็นตัวแทนของตระกูลลั่วทั้งหมด และกำลังพลที่ทำให้เจ้าถูกทำร้ายช่วงหลายปีมานี้ ก็คือกำลังพลที่มาจากตระกูลลั่วสายรอง”

ลู่ป๋อหยามองหลินสวินพลางกล่าวทอดถอนใจ “ใช่ว่าตระกูลลั่วไม่แข็งแกร่งพอ แต่เพราะเจ้าในตอนนี้ไม่อาจเทียบกับเมื่อก่อนได้แล้ว”

หลายปีมานี้ตระกูลลั่วเสื่อมโทรมไม่หยุด

แต่หลินสวินกลับแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง!

ตอนนี้เขาอานุภาพร้ายกาจสะเทือนใต้หล้า ทำให้ขุมอำนาจอมตะมากมายในน่านฟ้าที่หกปวดหัว ทำให้เหล่าศัตรูในน่านฟ้าที่เจ็ดแค้นเข้ากระดูก แม้แต่สิบยักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปดยังรู้ถึงการคงอยู่ของเขา!

หันมองตระกูลลั่วในตอนนี้อีกครั้ง แม้เรียกได้ว่าเป็นแมลงร้อยขาตายไม่ล้ม แต่ก็เหมือนสายน้ำไหลสู่ที่ต่ำนานแล้ว เสื่อมโทรมถึงขีดสุด สถานการณ์ในน่านฟ้าที่หกล้วนดูล่อแหลมอันตราย

เมื่อเปรียบเทียบเช่นนี้ ในสายตาของหลินสวิน ตระกูลลั่วสายรองตอนนี้ดูน่าอนาถมากจริงๆ!

แน่นอนว่านี่เป็นแค่การเปรียบเทียบ ตระกูลลั่วสายรองไม่เพียงมีระดับอมตะสองคนควบคุมดูแล ยังกุมอำนาจของตระกูล รวมถึงรากฐานพลังที่สั่งสมมาหลายปีด้วย

จุดนี้คือสิ่งที่ตัวหลินสวินไม่อาจเทียบได้

หลังจากนั้นลู่ป๋อหยาคุยเรื่องตระกูลลั่วสายรองกับหลินสวินต่ออีกหน่อย

ไม่นานหลินสวินก็เข้าใจ

หลายปีนี้เหล่าคนใหญ่คนโตส่วนหนึ่งของตระกูลลั่วสายรองอย่างจักรพรรดิสวรรค์ดำรงลั่วอวิ๋นซื่อ เหยี่ยนซิง ลั่วอวิ๋นอี้ ล้วนสิ้นชีพในทางเดินโบราณฟ้าดารา

แม้ว่าเป็นระดับจักรพรรดิเพียงบางส่วน แต่ถึงอย่างไรก็เป็นกองกำลังที่กร้าวแกร่งของตระกูลลั่วสายรอง การตายของพวกเขาย่อมกระเทือนตระกูลลั่วสายรองไม่น้อย

ในกลุ่มคนรุ่นเยาว์ของตระกูลลั่วสายรอง บุคคลอย่างลั่วหลิงกับลั่วเฉินล้วนเจิดจรัสยิ่ง เรียกได้ว่าเป็นยอดคนในหมู่คนรุ่นเดียวกัน

แต่ยามอยู่แดนหงส์เซียน ลั่วเฉินตายภายใต้เงื้อมมือหลินสวินแล้ว ส่วนตอนนี้ลั่วหลิงยังถูกกำราบอยู่ในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งของหลินสวิน

คนที่เรียกได้ว่าโดดเด่นสะดุดตาอย่างแท้จริง มีแค่ลั่วเฟิงหลานสายตรงของลั่วฉง

บุคคลผู้เจิดจรัสคนหนึ่งที่ลั่วฉงใช้พลังทั้งหมดของตระกูล ทุ่มทรัพยากรในการฝึกปราณนับไม่ถ้วนกว่าจะชิงจุดเปลี่ยนเสี้ยวหนึ่งได้ และก้าวสู่ระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ

ลั่วเฟิงคนนี้ ก็ถูกทั้งตระกูลลั่วสายรองตั้งความหวังไว้สูงลิ่ว!

…………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์