อ่านสรุป ตอนที่ 2668 เนรเทศทั้งหมด จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 2668 เนรเทศทั้งหมด คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 2668 เนรเทศทั้งหมด
ในสนามรบเบื้องหน้า ระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าสิบกว่าคนเหลือเพียงสองคนเท่านั้น
และระดับอมตะขั้นดับเทพอย่างพวกเหวินเทียนซางต่างก็ได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อย
กลับมาดูหลินสวิน สู้มาถึงตอนนี้ไม่สึกหรอแม้สักนิด
ในสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้เฮ่อหวั่นเจินจะรู้สึกคับข้องใจและแค้นเคืองแค่ไหนก็รู้ดีว่าต้องตัดสินใจแล้ว
จากนั้นนางจึงเลือกถอยหนี
ไม่ถึงกับเป็นการเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาด แต่เป็นทางเลือกเชิงรับที่ถูกบีบจนไร้หนทาง
“เจ้า…”
การถอยหนีกะทันหันของเฮ่อหวั่นเจินทำให้พวกเหวินเทียนซางยังคาดไม่ถึง จิตต่อสู้ในใจก็เริ่มสั่นคลอนเช่นกัน
พวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าถ้าสถานการณ์เป็นเช่นนี้ไม่เปลี่ยนแปลง สู้ต่อไปอย่างไรก็ต้องย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม
ก็ในตอนนี้เอง…
ใต้เวิ้งฟ้ารอยแยกมิติแถบหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบไร้เสียง มันยาวพันจั้ง ก่อร่างเป็นประตูมิติเดี๋ยวชัดเดี๋ยวจางบานหนึ่ง ละอองแสงนับไม่ถ้วนปลิวว่อน นัยเร้นลับแห่งกาลเวลาและห้วงอากาศตัดประสาน เกิดเป็นพลังกลืนกินอันน่ากลัวไร้สิ้นสุด
มองจากไกลๆ ก็เหมือนเวิ้งฟ้าพลันอ้าปากสีเลือดปากใหญ่!
ประตูเนรเทศ!
ในขณะที่จิตต่อสู้ของเหล่าขั้นดับเทพสั่นไหว หลินสวินก็สำแดงอภินิหารพรสวรรค์ที่เรียกได้ว่าเป็นสิ่งต้องห้ามนี้โดยไม่ลังเล
“นี่มัน!?”
พวกระดับอมตะขั้นดับเทพอย่างเหวินเทียนซาง หงเสวียนตู เหิงจ้งกู่ จู้จิ่วเจียงหน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน มองเวิ้งฟ้าเหนือศีรษะตามจิตใต้สำนึก ภายในประตูมิติที่เหมือนรอยแยกมหึมานั้นดำมืดไร้ขอบเขต พิสดารประหนึ่งประตูใหญ่สู่นรก
กลิ่นอายคุกคามถึงชีวิตที่บอกไม่ถูก ประดุจคมดาบแทงเข้าไปในใจพวกเหวินเทียนซาง ทำให้พวกเขาขนลุกเกรียว
ด้วยประสบการณ์และสัญชาตญาณที่เคี่ยวกรำมานานปี ทำให้พวกเขาเลือกหลบหนีทันที ทั้งยังใช้พลังทั้งหมดของตนเหมือนเอาชีวิตเข้าแลก!
ตูม!
พลังกลืนกินอันน่าครั่นคร้ามปลดปล่อยออกมาจากในประตูมิติ ราวกับมือใหญ่ที่ยื่นออกมาจาฟ้าเบื้องบน หมายจะฉุดลากพวกเหวินเทียนซางเข้าไปให้หมด
เงาร่างพวกเขาโซเซ พบอย่างน่าตระหนกว่าระเบียบห้วงอากาศในบริเวณใกล้เคียงยุ่งเหยิงไปหมด ไม่อาจเคลื่อนย้ายได้สักนิด
กลับเป็นพวกเขาที่ถูกพลังกลืนกินนั้นฉุดดึง หากไม่ระวังแม้เพียงนิดก็จะถูกตลบม้วนเข้าไป!
“เปิด!”
พวกเหวินเทียนซางตะคอกลั่น ทุ่มพลังทั้งหมดเข้าต้านทาน โมโหโดยสิ้นเชิงแล้ว
กระนั้นก็ในชั่วพริบตานี้เอง
หลินสวินพุ่งมาเบื้องหน้าแล้วใช้อภินิหารหยุดเวลาอีกครั้ง!
มองเห็นว่าเงาร่างของพวกเหวินเทียนซางชะงักไป ในชั่วพริบตานี้เองพวกเขาก็ถูกพลังกลืนกินอันน่ากลัวหาใดเทียบตลบม้วนเข้าไปในประตูเนรเทศ
ในกลุ่มนั้นจู้จิ่วเจียงแข็งแกร่งที่สุด ยามเงาร่างของเขาอยู่ห่างจากประตูเนรเทศเพียงหนึ่งจั้งก็หลุดจากอภินิหารหยุดเวลาแล้ว!
เขาส่งเสียงคำรามสะท้านฟ้า แสงมรรคอมตะทั่วร่างปลดปล่อยออกมาเหมือนภูเขาไฟ ฝืนหยัดตัวเอาไว้
แต่ก็เป็นเวลาเดียวกันนี้ที่กระบี่มรรคของหลินสวินซึ่งแฝงระเบียบอสนีม่วงไว้แล้วโฉบพุ่งออกมา
ปราณกระบี่เคลื่อนกวาด ปิดฟ้าคลุมตะวัน!
จู้จิ่วเจียงที่เพิ่งตั้งตัวได้ตกตะลึงจนวิญญาณแทบหลุดลอย เขาใช้พลังทั้งหมดเข้าต้าน แม้สุดท้ายจะสลายพลังของกระบี่นี้ได้ แต่เงาร่างกลับถูกจู่โจมอย่างน่ากลัว ลอยเข้าไปในประตูเนรเทศอย่างไม่อาจควบคุม…
“ไม่…!”
ในที่สุดจู้จิ่วเจียงก็ได้แต่ส่งเสียงคำรามเจือความไม่ยินยอม ประหวั่นพรั่นพรึง เคืองแค้น แล้วหายลับไปเช่นเดียวกับพวกเหวินเทียนซาง
จากนั้นประตูเนรเทศก็หายไปจากเวิ้งฟ้า
เฮ่อหวั่นเจินที่หนีออกมาไกลลิบแล้วตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัว ระหว่างที่หนีตายจิตรับรู้ของนางระแวดระวังอยู่ตลอด เมื่อเห็นภาพประตูเนรเทศปรากฏขึ้นและกลืนกินพวกเหวินเทียนซางไปหมดในคราวเดียว นี่ก็ทำให้นางตกใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
หายไปหมดแล้ว!
เมื่อคิดถึงว่าถ้าเมื่อครู่ตนหนีช้าไปก้าวหนึ่ง…
เฮ่อหวั่นเจินยังรู้สึกแทบพังทลาย
“ตายแล้ว… ตายหมดแล้ว…” นางผมเผ้ากระเซอะกระเซิง หลบหนีอย่างบ้าคลั่ง แทบเหมือนผลาญมรรควิถีของตัวเอง ไม่นานนักก็หายลับไปกับขอบฟ้ากว้าง
และยามนี้บริเวณเขาเทพหลังมังกรเงียบสงัดไปทั้งแถบ
เงียบจนน่ากลัว!
ถ้าบอกว่าเหตุการณ์ที่หลินสวินฆ่าระดับอมตะอย่างต่อเนื่องทำให้ทุกคนตื่นตะลึงและเหลือเชื่อ
เช่นนั้นตอนนี้ก็น่าพรั่นพรึงโดยสมบูรณ์แล้ว
ประตูที่เปิดขึ้นใต้เวิ้งฟ้าบานหนึ่ง กลับพาตัวระดับอมตะเหล่านั้นไป!
ผู้แข็งแกร่งระดับอมตะขั้นดับเทพยังไร้กำลังหนี!
นี่ต้องน่าครั่นคร้ามปานไหนกัน
มองไปทั่วเก้าน่านฟ้าใหญ่ในโลกยอดนิรันดร์ ทั้งอดีตและปัจจุบันใครจะเคยเห็นภาพน่าเหลือเชื่อเช่นนี้
ในตระกูลลั่ว
พวกลั่วเซียว ลู่ป๋อหยาก็สะท้านในใจ สีหน้าอึ้งงัน สั่นสะท้านไปกับเหตุการณ์นี้อย่างที่สุด
ส่วนคนตระกูลลั่วเหล่านั้น จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นิ่งอึ้งอยู่เช่นนั้นนานแล้ว
ในสายตาทุกคน เงาร่างสูงโปร่งที่ยืนอยู่ใต้เวิ้งฟ้ากลางอากาศเพียงลำพังนั้นเฉกเช่นเทพในตำนาน!
และในตอนนี้หลินสวินสูดหายใจลึกอย่างยากลำบาก เอ่ยว่า “ท่านลู่ ที่เหลือฝากพวกท่านด้วย…”
ยังไม่ทันพูดจบเขาก็กระอักเลือดไม่หยุด หน้ามืดไปหมด เงาร่างโซเซ ร่วงดิ่งลงมาจากห้วงอากาศ
สวบ!
ลู่ป๋อหยามาถึงทันที รับร่างของหลินสวินไว้ ใจหล่นวูบไปถึงตาตุ่ม
สีหน้าหลินสวินซีดเผือด พลังขับเคลื่อนทั้งร่างแทบหมดสิ้น อ่อนแอจนไม่อาจอ่อนแอไปมากกว่านี้ได้แล้ว กระทั่งพลังชีวิตยังอ่อนล้าโรยราหาใดเทียบ
เลือดสดๆ ไหลออกมาจากมุมปาก ย้อมเสื้อเป็นสีแดง บาดตาถึงที่สุด
“ตั้งแต่นี้ไปเจ้าก็ฟื้นฟูร่างกายเสียที่นี่ เป็นอย่างที่เจ้าคาดไว้ ในช่วงเวลาสั้นๆ เกรงว่าเผ่าจักรพรรดิอมตะพวกนั้นจะไม่กล้ากลับมาอีกแล้ว”
หลังจากลู่ป๋อหยาพูดถึงตรงนี้ก็อดทอดถอนใจไม่ได้อยู่บ้าง
หนึ่งเดือนมานี้พอข่าวที่ทัพพันธมิตรเผ่าจักรพรรดิอมตะห้าตระกูลล้มตายกระจายไป น่านฟ้าที่หกก็อึกทึกจนแทบพลิกฟ้า ระลอกคลื่นสะท้านฟ้าซัดขึ้นไม่รู้เท่าไร
เพราะเฮ่อหวั่นเจินหนีไป ทำให้พลังต่อสู้ของหลินสวินถูกเปิดเผย
ตอนนี้ทุกคนในน่านฟ้าที่หกต่างรู้ผลงานการรบของหลินสวิน ที่สามารถสังหารเหล่าระดับอมตะด้วยพลังปราณระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิหน้าเขาเทพหลังมังกร
ทั้งยังได้ยินว่าหลินสวินครอบครองเตากระบี่เตาหนึ่ง สามารถควบคุมพลังระเบียบทั้งปวงได้!
กระทั่งว่าด้วยเหตุนี้ ผู้คนต่างก็คิดเชื่อมโยงไปถึงตระกูลเหยาและตระกูลหลิงที่พ่ายแพ้ย่อยยับก่อนหน้านี้ คาดเดาได้ว่าเป็นไปได้สูงยิ่งที่ทัพพันธมิตรเผ่าจักรพรรดิอมตะสองตระกูลนั้นตายยกทัพ ก็เกี่ยวข้องกับหลินสวินอย่างแยกไม่ออก
ทั้งหมดนี้ต่างทำให้ชื่อของหลินสวินดังก้องทั่วหล้า ประหนึ่งสุริยันกลางนภา!
และตระกูลลั่วก็ถูกจับตามองด้วยเหตุนี้
เมื่อก่อนเผ่าจักรพรรดิอมตะแทบทุกตระกูลต่างไม่เห็นตระกูลลั่วในสายตา คิดว่าตระกูลลั่วก็คืออาคารใหญ่ที่กำลังจะล้ม สุ่มเสี่ยงที่จะถูกขับไล่เมื่อไรก็ได้
แต่หลังผ่านการต่อสู้สองครั้งนี้ ก็เป็นการปรับการรับรู้ของผู้คนในโลกใหม่ เปลี่ยนมุมมองต่อตระกูลลั่ว!
ดังนั้นต่อให้โลกภายนอกจะสะเทือนเลื่อนลั่นแค่ไหน แต่หนึ่งเดือนมานี้กลับไม่มีขุมอำนาจใดกล้ามาบุกโจมตีอีก
ทั้งหมดนี้เป็นความดีความชอบของหลินสวิน!
“ท่านลู่ แหล่งกำเนิดระเบียบอสนีม่วงถูกข้าผลาญไปหมดแล้ว เกรงว่าตระกูลลั่วตอนนี้…”
หลินสวินนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ แต่พูดได้ครึ่งเดียวก็ถูกท่านลู่ยิ้มพลางเอ่ยขัด “วางใจเถอะ ในช่วงเวลาสั้นๆ ต่อให้ไม่มีพลังระเบียบคุ้มครองก็ไม่มีใครกล้ามาแล้ว”
หลินสวินพยักหน้า
ในศึกใหญ่เมื่อหนึ่งเดือนก่อนนั้น เขาสังหารศัตรูด้วยระเบียบอสนีม่วง แม้สังหารเหล่าระดับอมตะได้ แต่กลับผลาญแหล่งกำเนิดระเบียบอสนีม่วงไปสิ้น
หรือพูดอีกอย่างก็คือ พลังระเบียบระดับปฐพีขั้นแปดนี้มลายไปเช่นนี้แล้ว จึงทำให้ตระกูลลั่วในตอนนี้เสียการคุ้มครองจากพลังระเบียบไป
นี่ก็คือค่าตอบแทน
ดูเหมือนเพียงแค่ผลาญพลังระเบียบจนสิ้น แต่ความจริงแล้วค่าตอบแทนเช่นนี้สามารถทำให้เผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลหนึ่งถูกลบชื่อได้!
ถึงอย่างไรเมื่อไม่มีพลังระเบียบก็เท่ากับเสียวิธีคุ้มกายที่ใหญ่ที่สุดไป และทำให้ระดับอมตะไม่อาจหยั่งรู้และหลอมกฎเกณฑ์อมตะได้
ในโลกยอดนิรันดร์ การดำรงอยู่ของเผ่าจักรพรรดิอมตะ จะรุ่งเรืองก็เพราะพลังระเบียบ จะล่มจมก็เพราะพลังระเบียบ!
คนในตระกูลจำเป็นต้องมีพลังระเบียบคุ้มครอง ระดับอมตะจำเป็นต้องหยั่งรู้และหลอมรวมมหามรรคอมตะจากพลังระเบียบ การดำรงอยู่ของพลังระเบียบเท่ากับเป็นรากของเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลหนึ่ง
ไม่มีรากแล้ว จะพูดถึงการเติบใหญ่หยัดยืนได้อย่างไร
แต่สำหรับหลินสวินกับตระกูลลั่ว การใช้ระเบียบอสนีม่วงแลกกับชีวิตของเหล่าศัตรูระดับอมตะ พูดได้คำเดียวว่า
คุ้ม!
เพราะอีกไม่นานตระกูลลั่วก็จะครอบครองพลังระเบียบใหม่แล้ว
พลังระเบียบระดับสวรรค์ที่อานุภาพแข็งแกร่งยิ่งกว่าระเบียบอสนีม่วง!
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์