ตอนที่ 2676 ต่อสู้กับสิบยักษ์ใหญ่อมตะ
หลินสวินสะท้านสะเทือนมากจริงๆ
แต่พอคิดๆ ดูหลังจากสงบอารมณ์ลงแล้ว กลับรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องปกติยิ่ง
เหมือนอย่างตัวเขาเอง เพิ่งฝึกปราณเพียงร้อยปีเศษเท่านั้น หลังออกจากทางเดินโบราณฟ้าดาราเข้าสู่แดนใหญ่พันศึก พลังปราณก็รุดหน้าแบบก้าวกระโดดตลอดทาง
ตอนนี้ก็ห่างจากมรรคาอมตะเพียงนิดเดียวเท่านั้น
และทั่วทั้งคีรีดวงกมล บรรดาศิษย์พี่เหล่านั้นคนไหนบ้างเป็นคนธรรมดาทั่วไป
อย่างศิษย์พี่สี่หลิงเสวียนจื่อที่พรสวรรค์สูงที่สุด แกนกระดูกแกร่งที่สุด รากฐานพลังวิปริตที่สุด ถูกกำราบในสถานที่อย่างแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ยังสามารถคว้าจุดเปลี่ยนแจ้งอมตะได้ นี่ต้องเป็นพวกวิปริตขนาดไหน
ศิษย์พี่คนอื่นๆ อย่างศิษย์พี่รั่วซู่ ศิษย์พี่หลี่เสวียนเวย ศิษย์พี่เสวี่ยหยา อาจเทียบศิษย์พี่สี่ไม่ได้ ทว่าเลือกแต่ละคนออกมาสุ่มๆ ล้วนมีความโดดเด่นของตน อหังการน่ากลัวในระดับพลังเดียวกัน!
และอย่างศิษย์พี่ใหญ่ ยิ่งเป็นพวกที่แม้แต่ศิษย์พี่สี่ยังเลื่อมใสจากใจ!
ยิ่งกว่านั้นในบรรดาพวกเขา ส่วนใหญ่แทบจะแจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิในยุคดึกดำบรรพ์ทั้งสิ้น หลังถูกทางเดินโบราณฟ้าดารากดข่มในกาลเวลาไร้สิ้นสุด ศักยภาพแฝงที่ปะทุออกมาของพวกเขามีหรือที่คนธรรมดาจะเทียบได้
กล่าวโดยสรุป บรรดาศิษย์พี่คีรีดวงกมลเหล่านี้ไม่สามารถประเมินด้วยหลักการปกติได้สักนิด
แต่ข้อสงสัยอีกข้อก็ผุดขึ้นมาในใจหลินสวิน เขาอดถามไม่ได้ “ในเมื่อศิษย์พี่ทุกท่านล้วนเหยียบย่างระดับอมตะกันแล้ว เหตุใดยังเลือกกบดานอยู่อีกเล่า ขุมอำนาจสิบยักษ์ใหญ่อมตะในน่านฟ้าที่แปดนั่นร้ายกาจขนาดนี้เชียวหรือ”
จวินหวนสีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจัง เอ่ยว่า “ศิษย์น้องเล็ก เจ้าอย่าดูถูกยักษ์ใหญ่อมตะพวกนี้เชียว เบื้องหลังพวกเขาแต่ละตระกูลล้วนมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นแยกกันไม่ออกกับน่านฟ้าที่เก้า หรือกล่าวได้ว่าเบื้องหลังพวกเขามีเผ่าเทพนิรันดร์หนุนอยู่!”
หลินสวินพยักหน้า “นี่ข้าก็เคยได้ยินมาบ้าง”
“เจ้ายังไม่เคยเข้าใจรายละเอียดของน่านฟ้าที่แปดอย่างถ่องแท้ ที่เห็นเป็นเพียงเปลือกนอกผิวเผิน ที่ได้ยินก็เป็นแค่ข่าวลือบางส่วนเท่านั้น”
จวินหวนกล่าว “นานมาแล้วก่อนหน้านี้ อาจารย์ก็เคยอาศัยเส้นทางน่านฟ้าที่แปดหมายจะมุ่งหน้าสู่น่านฟ้าที่เก้า แต่กลับพบเจอการขัดขวางจากพวกสิบยักษ์ใหญ่นี่ ด้วยมรรควิถีของอาจารย์ยังเสียเวลานานหลายปีกว่าจะบีบพวกเขาทั้งหมดให้ก้มหัวได้”
กล่าวถึงตรงนี้จวินหวนถอนใจเบาๆ “แต่ก็ทำได้เพียงทำให้พวกเขาก้มหัวเท่านั้น จากที่อาจารย์บอก หากคิดอยากเอาชนะพวกเขาทั้งหมดในคราวเดียวก็ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาล และค่าตอบแทนที่ว่านี้ก็คือตัวอาจารย์เอง นี่ก็ยากจะรับไหวยิ่งนัก”
หลินสวินใจหายวาบอย่างเลี่ยงไม่ได้ ในใจสะเทือนไหวไม่หยุด
ในใจของเขา อาจารย์เจ้าแห่งคีรีดวงกมลดุจดั่งเทพศักดิ์สิทธิ์สูงสุด แต่ในปีนั้นถึงกับทำได้เพียงบีบให้สิบยักษ์ใหญ่อมตะเหล่านั้นก้มหัว!
แค่คิดก็รู้ว่ารากฐานขุมอำนาจยักษ์ใหญ่เหล่านี้น่าสะพรึงปานใด
“หลายปีมานี้ระหว่างที่พวกเราเลือกกบดาน นอกจากเร่งเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเองแล้วก็ยังวางแผนเรื่องหนึ่งกันด้วย”
จวินหวนกล่าว “เรื่องนี้ตอนนี้ให้ศิษย์พี่สามรับผิดชอบ และตอนนี้ก็ถึงช่วงเวลาสำคัญแล้ว”
ในสมองหลินสวินปรากฏเงาร่างอ่อนหวานนุ่มนวล งดงามเรียบง่ายของศิษย์พี่สามรั่วซู่ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เอ่ยถามอย่างใคร่รู้ “เรื่องอะไรหรือ”
กลีบปากจวินหวนเม้มน้อยๆ ปรากฏรอยยิ้มบางๆ เสี้ยวหนึ่ง “พวกเราตั้งใจจะต่อสู้กับสิบยักษ์ใหญ่อมตะ ตัดสินแพ้ชนะสักตั้ง”
เสียงอ่อนหวานนุ่มนวล แต่ความหมายในคำพูดกลับทำให้ในใจหลินสวินสะท้านสะเทือน
ต่อสู้กับสิบยักษ์ใหญ่อมตะ!
“พวกศิษย์พี่ใหญ่มุ่งหน้าไปช่วงชิงศุภโชคที่ ‘แดนยอดจักรวาล’ จากการคาดเดาของศิษย์พี่ปู่ซ่วนจื่อ หากไม่ผิดคาด ภายในร้อยปีก็สามารถทำให้ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่ห้า ศิษย์พี่สิบเอ็ดบรรลุถึงขั้น ‘หลุดพ้น’ ตามความหมายแท้จริงบนมรรคาอมตะได้ หรือก็คือขั้นสุดท้ายในสามขั้นของระดับอมตะนั่นเอง”
จวินหวนกล่าว “นี่คือไพ่ตายสำคัญของพวกเราในการต่อสู้กับสิบยักษ์ใหญ่อมตะ ส่วนศิษย์พี่สามและศิษย์พี่คนอื่นๆ ก็จะเข้าไปในหอบรรพจารย์ลัทธิวิญญาณ”
หลินสวินอึ้งไป “ลัทธิวิญญาณหรือ”
จวินหวนมองความสงสัยในใจหลินสวินออก เอ่ยว่า “ให้อธิบายมันซับซ้อนมาก กล่าวง่ายๆ คือลัทธิแรกกำเนิดและลัทธิวิญญาณถือเป็นขุมอำนาจที่เป็นกลาง แต่ในสองหอบรรพจารย์นี้ล้วนมีขุมอำนาจของสิบยักษ์ใหญ่อมตะกระจายอยู่”
“สิ่งที่พวกศิษย์พี่สามต้องการก็คือ หลังจากหยัดยืนมั่นคงในลัทธิวิญญาณแล้ว จะค่อยๆ กำจัดขุมอำนาจสิบยักษ์ใหญ่อมตะนั่นให้สิ้นซาก”
คราวนี้หลินสวินถึงเริ่มเข้าใจขึ้นมารางๆ อดกล่าวไม่ได้ว่า “แต่หากทำเช่นนี้ คนของหอบรรพจารย์ลัทธิวิญญาณจะยอมหรือ”
จวินหวนหัวเราะขึ้นมา “ขุมอำนาจที่หนุนหลังสี่หอบรรพจารย์เหนือธรรมดายิ่งกว่าขุมอำนาจที่หนุนหลังสิบยักษ์ใหญ่อมตะ”
“นี่เกี่ยวพันถึงการเปรียบเทียบอำนาจอิทธิพลระหว่างเผ่าเทพนิรันดร์ในน่านฟ้าที่เก้า เจ้ารู้ไว้เพียงว่าสาเหตุที่สิบยักษ์ใหญ่อมตะยังต้องเกรงใจสี่หอบรรพจารย์อยู่บ้าง เป็นเพราะขุมอำนาจที่หนุนหลังยังด้อยกว่าขุมอำนาจเบื้องหลังสี่หอบรรพจารย์”
หลินสวินตกตะลึง ยิ่งไม่เข้าใจไปกันใหญ่ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดสี่หอบรรพจารย์ถึงอยู่น่านฟ้าที่เจ็ด ส่วนน่านฟ้าที่แปดนั่นกลับถูกสิบยักษ์ใหญ่อมตะยึดครองไปเล่า”
“เพราะความหมายของการคงอยู่ของสี่หอบรรพจารย์ ก็เพื่อคัดสรรยอดคนที่โดดเด่นที่สุดให้แก่เผ่าเทพนิรันดร์ที่อยู่เบื้องหลัง นี่คือจุดประสงค์เดียวของการมีอยู่ของพวกเขา”
“พวกเขาไม่แยแสการต่อสู้ระหว่างขุมอำนาจ และไม่มีความสนใจใดๆ ต่อการขยายอาณาเขต สิ่งเดียวที่พวกเขาต้องการก็คือรับศิษย์และถ่ายทอดวิชา คัดสรรยอดอัจฉริยะระดับสุดปลายยอดในโลกนี้ให้กับเผ่าเทพนิรันดร์ที่อยู่เบื้องหลังเท่านั้น”
จวินหวนอธิบายอย่างอดทน “พวกเขาไม่สนใจว่าเจ้ามีพื้นเพแบบไหน คนในตระกูลสิบยักษ์ใหญ่อมตะก็ดี สำนักเล็กๆ ไร้ที่มาที่ไปก็ช่าง ขอเพียงถูกสี่หอบรรพจารย์คัดเลือก ก็มีโอกาสมุ่งหน้าไปยังน่านฟ้าที่เก้า ทำประโยชน์ให้กับขุมอำนาจเบื้องหลังสี่หอบรรพจารย์”
“ถ้าหากสี่หอบรรพจารย์อยู่น่านฟ้าที่แปด สิบยักษ์ใหญ่อยู่น่านฟ้าที่เจ็ด ต่อให้โลกนี้จะปรากฏพวกสัตว์ประหลาดที่สะดุดตายิ่งยวดบางส่วน เกรงว่าคงถูกสิบยักษ์ใหญ่ชิงตัวไปตั้งแต่จังหวะแรกแล้ว ถึงอย่างไรน่านฟ้าที่เจ็ดและน่านฟ้าที่แปดก็ยังห่างกันหนึ่งน่านฟ้าใหญ่”
“และมีแต่อยู่ในน่านฟ้าที่เจ็ดเท่านั้น จึงจะสามารถรวบรวมคนโดดเด่นที่ปรากฏตัวในน่านฟ้าที่หนึ่งถึงน่านฟ้าที่หกเข้าสำนักได้ทั้งหมด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์