Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2678

สรุปบท ตอนที่ 2678 ไม่สำนึกบุญคุณ: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 2678 ไม่สำนึกบุญคุณ จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 2678 ไม่สำนึกบุญคุณ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 2678 ไม่สำนึกบุญคุณ

น่านฟ้าที่เจ็ด

แบ่งออกเป็นเขตแดนใจกลางและสี่เขตแดนดาราใหญ่

นับจากอดีตถึงปัจจุบัน ในเขตแดนใจกลางแบ่งออกเป็นแดนมงคลสามสิบหกแห่ง

แดนมงคลแต่ละแห่งล้วนเป็น ‘แหล่งรวมความงามวิจิตรทั่วหล้า บ่มเพาะบ่อเกิดต้นกำเนิด’ เรียกได้ว่าเป็นปราณมรรคสามสิบหกสายนับแต่หมื่นกาลสืบมา!

ในกาลเวลาไร้สิ้นสุด สามสิบหกแดนมงคลดำรงอยู่ในโลกเรื่อยมา ขุมอำนาจอมตะที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในสามสิบหกแดนมงคลกลับเปลี่ยนไปไม่รู้กี่ครั้ง

สาเหตุเป็นเพราะขุมอำนาจใดก็ตามที่ครอบครองระเบียบระดับสวรรค์ ล้วนปรารถนาอยากพาตระกูลไปตั้งรกรากอยู่ในสามสิบหกแดนมงคล

แก่งแย่งแดนมงคล ย่อมต้องเกิดการต่อสู้ดุเดือด

ผู้แพ้ต้องถอยไปอย่างเงียบๆ

ผู้ชนะจะกลายเป็นเจ้าของใหม่ของแดนมงคลแห่งนั้นๆ

กล่าวได้ว่าในเขตแดนใจกลางนี้ เผ่าจักรพรรดิอมตะที่สามารถยึดครองสามสิบหกแดนมงคลได้ ก็เป็นตัวแทนยักษ์ใหญ่ชั้นนำสูงสุดสามสิบหกตระกูล

สี่เขตแดนดาราใหญ่กระจายอยู่เหนือเขตแดนใจกลาง

แบ่งออกเป็นเทียนเสวียน เทียนอิง จื่อเวย และชิงกวง

ในสี่เขตแดนดาราใหญ่จะมี ‘สิบสองถ้ำสวรรค์’ กระจายตัวอยู่

เขตแดนดาราแต่ละแห่งล้วนมีโลกถ้ำสวรรค์สามแห่ง

ในน่านฟ้าที่เจ็ด สิบสองถ้ำสวรรค์ถูกมองเป็น ‘สถานที่แห่งต้นกำเนิดอมตะ รากแห่งหมื่นมรรคดั้งเดิม’ เรียกได้ว่าเป็นแดนพิสุทธิ์ฝึกปราณระดับสุดยอดของน่านฟ้าที่เจ็ด

ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน สิบสองถ้ำสวรรค์ก็ถูกขุมอำนาจอมตะที่รากฐานเก่าแก่ที่สุดครอบครอง

ขุมอำนาจอมตะเหล่านี้ แต่ละตระกูลล้วนครอบครองพลังระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้า และไม่ได้มีเพียงชนิดเดียว!

อย่างเช่นตระกูลหนาน ตระกูลกู้ ตระกูลลี่แห่งสี่ตระกูลตงหวง ก็ตั้งถิ่นฐานอยู่ในโลกสามโลกถ้ำสวรรค์ใหญ่ใน ‘แดนดาราชิงกวง’ เช่นกัน

ส่วนตระกูลอวิ๋นแห่งสี่ตระกูลตงหวงนั้นตั้งถิ่นฐานอยู่ที่โลกถ้ำสวรรค์ในแดนดาราจื่อเวย

จำนวนระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่สี่ตระกูลนี้ครอบครอง อย่างน้อยมีสามถึงห้าชนิด อย่างมากยิ่งมีราวๆ เจ็ดแปดชนิด รากฐานน่าตกใจยิ่งยวด

ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดนี้ ขุมอำนาจอมตะที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในสิบสองถ้ำสวรรค์ของสี่เขตแดนดาราใหญ่เกิดการเปลี่ยนแปลงน้อยครั้งมาก แตกต่างจากสามสิบหกแดนมงคลในเขตแดนใจกลาง

ดังคำกล่าวที่ว่าผู้แข็งแกร่งยิ่งแกร่งขึ้น ยิ่งรากฐานเก่าแก่ อำนาจก็ยิ่งน่าสะพรึง

ขุมอำนาจอมตะที่ยึดครองสามสิบหกแดนมงคล เรียกได้ว่าเป็นเพียงระดับปลายยอดในเขตแดนใจกลาง

เช่นนั้นขุมอำนาจอมตะที่ครอบครองสิบสองถ้ำสวรรค์ ก็เรียกว่าเป็นนายเหนือหัวทั่วทั้งน่านฟ้าที่เจ็ด!

สรุปง่ายๆ สามสิบหกแดนมงคลของเขตแดนใจกลาง รวมกับสิบสองถ้ำสวรรค์ของสี่เขตแดนดาราใหญ่ ก็คือเผ่าจักรพรรดิอมตะที่มีอำนาจสูงสุดในน่านฟ้าที่เจ็ดทั้งหมด!

น่านฟ้าที่เจ็ดกว้างใหญ่ไพศาลยิ่งยวด ต่างจากน่านฟ้าที่หกโดยสิ้นเชิง

ขุมอำนาจอมตะที่กระจายตัวอยู่ในฟ้าดินนี้ล้วนครอบครองพลังระเบียบระดับสวรรค์เกือบทั้งหมด

นอกจากสิบสองถ้ำสวรรค์ สามสิบหกแดนมงคล ในสถานที่อื่นๆ ของน่านฟ้านี้ก็มีเผ่าจักรพรรดิอมตะน้อยใหญ่ตั้งถิ่นฐานอยู่มากมายเช่นเดียวกัน

การที่สามารถจุขุมอำนาจอมตะได้มากมายเช่นนี้ แค่คิดก็รู้ว่าน่านฟ้าที่เจ็ดกว้างขวางเพียงใด!

ผู้ฝึกปราณน่านฟ้าที่เจ็ดล้วนมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า…

อยู่ที่นี่ แม้จะเป็นระดับอมตะยังต้องวางตัวสงบเสงี่ยม!

เมืองแสงฝน

เมืองยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งในเขตแดนใจกลาง

ห่างจากเมืองแสงฝนไม่กี่หมื่นลี้ก็คือ ‘แดนมงคลไผ่เขียว’ หนึ่งในสามสิบหกแดนมงคล

ผู้ครอบครองแดนมงคลไผ่เขียวคือเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลจวง

หนึ่งเดือนหลังออกจากน่านฟ้าที่หก หลินสวินมาถึงเมืองแสงฝนภายใต้การนำทางของจวินหวนและปักหลักอยู่ที่นี่

สายฝนปรอยๆ ตกกระทบชายคา รวมตัวเป็นหยาดน้ำไหลร่วงลงพื้นเป็นหยดๆ ประหนึ่งไข่มุกแวววาวโปร่งแสง

หลินสวินนั่งอยู่ใต้ชายคา ทอดมองฟ้าที่หมอกฝนมืดครึ้ม สภาวะจิตผ่อนคลาย

เขาพอเข้าใจสถานการณ์บางส่วนเกี่ยวกับน่านฟ้าที่เจ็ดแล้ว รู้เรื่องสิบสองถ้ำสวรรค์ สามสิบหกแดนมงคล และรู้ว่าที่นี่เป็นน่านฟ้าที่เรียกได้ว่าวิจิตรงดงาม กว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่ง

ในน่านฟ้านี้มีตำนานนับไม่ถ้วนเกิดขึ้น และมีทุกข์เศร้าเคล้ายินดีซึ่งไม่เป็นที่รู้จักอุบัติขึ้นทุกโมงยาม

สำหรับหลินสวิน ทั้งหมดนี้ล้วนไม่ใช่สาระสำคัญ อย่างมากที่สุดเขาก็เป็นเพียงผู้ผ่านทางคนหนึ่งเท่านั้น

จนกระทั่งยามสายัณห์ แสงเมฆบนฟากฟ้าดุจเพลิง งดงามหลากสีสัน ฝนยังคงตกตลอดเวลา เพียงแต่น้ำฝนพร่ามัวที่อาบชโลมกลางพยับเมฆและส่องแสงเป็นริ้วๆ กลับงดงามยิ่งยวด

นี่ก็คือที่มาของชื่อเมืองแสงฝน

เมืองนี้ฝนตกเพียงปีละสองครั้ง และตกครั้งละครึ่งปี…

และนี่คือสาเหตุว่าทำไมจวินหวนจึงบอกว่าหากไม่มีอาจารย์ช่วยเหลือ ตระกูลจวงย่อมไม่มีคุณสมบัติครอบครองแดนมงคลไผ่เขียวสักนิด

เพื่อเป็นการขอบคุณที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลช่วยเหลือ บรรพชนตระกูลจวงสาบานว่าภายหน้าหากผู้สืบทอดคีรีดวงกมลมาขอความช่วยเหลือ ตระกูลจวงจะตอบแทนอย่างสุดความสามารถ

คำสาบานนี้ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลจวง

แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อกาลเวลาผันผ่าน ยามจวินหวนไปเยือนตระกูลจวงในฐานะผู้สืบทอดคีรีดวงกมล เอ่ยปากว่าอยากให้จวงซื่อหลิวช่วยเหลือหลินสวินสักเล็กน้อย กลับได้รับคำปฏิเสธจากอีกฝ่าย!

หากเพียงแค่ปฏิเสธก็ช่างเถิด

ถึงอย่างไรเวลาผ่านไปเนิ่นนาน สรรพสิ่งคงเดิมคนแปรเปลี่ยน บุญคุณของคนรุ่นก่อน ตอนนี้ใช่ว่าจะใช้ได้ผลเสมอไป

แต่จวินหวนกลับนึกไม่ถึงว่ายามที่ปฏิเสธตน คำพูดคำจาของอีกฝ่ายยังเผยแววเสียดสีแดกดันที่แทบจะไม่ปกปิด วางตัวสูงศักดิ์ เต็มไปด้วยความดูถูก

นี่จึงจะเป็นสาเหตุที่จวินหวนโมโห

หลังเข้าใจเรื่องนี้แล้ว นัยน์ตาหลินสวินก็ทอประกายเย็นเยียบขึ้นมา “ตระกูลจวงนี่เกินไปจริงๆ ไม่สำนึกบุญคุณก็ช่างเถิด ยังกล้าพูดจาเสียดสีอีก เขาเห็นพวกเราคีรีดวงกมลเป็นตัวอะไร”

เสียงจวินหวนต่ำลึก ใบหน้างามเจือแววเดือดดาลอย่างไม่อาจยับยั้ง “ผู้อื่นบอกว่าพวกเราก็คือผีเร่ร่อนที่จะถูกกำจัดทิ้งเมื่อไรก็ได้ สิบยักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปดนั่นไม่มีทางปล่อยพวกเราเด็ดขาด ให้พวกเราจากไปโดยเร็ว แทบอยากขีดเส้นแบ่งความสัมพันธ์กับพวกเราใจจะขาด”

พูดถึงตอนท้ายนางก็กล่าวถอนใจเบาๆ “ต้องโทษที่ข้าคิดไม่รอบคอบ ยังคิดว่าตระกูลจวงจะเห็นแก่บุญคุณของอาจารย์ แต่ตอนนี้ดูท่าว่าผู้อื่นมองพวกเราคีรีดวงกมลเป็นตัวหายนะนานแล้ว กลัวแต่จะหลีกเลี่ยงไม่ทัน”

นัยน์ตาหลินสวินเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมา “ศิษย์พี่ เรื่องนี้จะปล่อยผ่านเช่นนี้ไม่ได้ ไม่สำนึกบุญคุณก็ช่างเถิด ในเมื่อแดนมงคลไผ่เขียวแห่งนี้อาจารย์เป็นคนลงมือให้ได้มาครอง เช่นนั้นศิษย์อย่างพวกเราก็มีหน้าที่ทวงคืนแดนมงคลไผ่เขียวแห่งนี้!”

จวินหวนอึ้งไป อดยิ้มขึ้นไม่ได้ “ศิษย์น้องใจตรงกับข้า คิดเหมือนกันไม่มีผิด เจ้าพูดถูก การต่อกรกับพวกสุนัขใจชั่วไม่สำนึกบุญคุณพวกนั้น ก็ต้องให้พวกเขาจ่ายค่าตอบแทนที่สาสม!”

หลินสวินรีบกล่าวว่า “ศิษย์พี่ เคลื่อนไหวเมื่อไรหรือ”

จวินหวนมีมรรควิถีระดับอมตะขั้นดับเทพ และระเบียบนิพพานที่เขามีก็สามารถต้านทานพลังระเบียบของตระกูลจวงได้

ถึงตอนนั้นต่อให้ไม่อาจคว่ำตระกูลจวง ก็สามารถทำให้พวกเขาเจ็บหนักได้!

จวินหวนมองหลินสวินที่ประหนึ่งลับมีดรอเชือดแล้วอดอึ้งไปไม่ได้ ดวงตางามทอประกายวาบวามแปลกประหลาด

“ศิษย์พี่ ท่านมองข้าทำไมหรือ” หลินสวินกล่าว

จวินหวนหยัดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้โยก เงยหน้าผากกลมมนขึ้นแช่มช้า นัยน์ตาจับจ้องหลินสวิน ก่อนเผยรอยยิ้มสดใสที่สามารถทำให้ทุกคนล้มระทวยเอ่ยว่า

“ยังคงเป็นเจ้าหนูอย่างเจ้าที่ห่วงใยศิษย์พี่มากที่สุด!”

ว่าพลางนางยื่นมือเรียวเล็กเนียนขาวดุจต้นหอมออกมาบิดแก้มหลินสวินเบาๆ ใบหน้างามผิดธรรมดาเต็มไปด้วยแววเอ็นดู “แต่ครั้งนี้ข้าตัดสินใจว่าจะทนๆ ไปก่อน”

เป็นครั้งแรกที่หลินสวินถูกผู้หญิงบิดแก้มอย่างมันเขี้ยวเช่นนี้ ในใจขัดเขินน้อยๆ แต่เมื่อได้ยินการตัดสินใจของจวินหวนเขาก็ขมวดคิ้วทันที “ไยต้องอดทน ศิษย์พี่กังวลว่าจะสู้พวกเขาไม่ได้หรือ”

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์