ตอนที่ 2689 ประกาศศึก
ฉีทิงจื่อ!
ระดับอมตะขั้นดับเทพคนหนึ่งแห่งยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลฉี!
นางสวมชุดดำ ผมขาวดุจหิมะ ดูเหมือนหญิงสาวงดงาม ความจริงแล้วเป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่ฝึกปราณมาไม่รู้กี่หมื่นปีคนหนึ่ง
ยามนี้เมื่อนางเอ่ยปากก็ดึงดูดความสนใจจากสายตาในที่นั้นไม่น้อย
จวินหวนเลิกคิ้ว เพิ่งหมายจะเอ่ยปาก หลินสวินก็นำเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมา เคาะตัวเตาเบาๆ เสียงอู้อี้หนึ่งดังออกมาจากเตากระบี่ทันที
“หลินสวิน ถ้ามีปัญญาก็ฆ่าข้าซะ ทำไมต้องกำราบข้าไว้ถึงตอนนี้ ใช้วิธีต่ำทรามเช่นนี้มาหยามข้า”
นั่นคือเสียงผู้หญิงที่เยียบเย็นเจือความเกลียดชัง เสียงดังมาจากเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งจนสะท้อนทั่วลาน
ทันใดนั้นฉีทิงจื่อกับคนตระกูลฉีที่อยู่ข้างกายล้วนหน้าเปลี่ยนสี
“เป็นหลิงอวิ๋น!” มีคนร้องเสียงหลง
“ไม่ผิด เป็นฉีหลิงอวิ๋น ปีนั้นยามอยู่แดนลับทวยเทพ นางกลายเป็นเหยื่อของข้า รู้สึกเสียดายหากต้องสังหารมาตลอด” หลินสวินเอ่ยปากเนิบช้า
ในที่นั้นเกิดความไม่สงบยิ่งกว่าเดิม ไม่มีใครไม่ตกตะลึงตาค้าง คิดไม่ถึงว่าท่าทีของหลินสวินจะแข็งกร้าวเช่นนี้
ถึงกับจับฉีหลิงอวิ๋นบุตรสาวผู้นำตระกูลฉีเป็นตัวประกัน!
ยามนี้สีหน้าฉีทิงจื่อไม่น่าดูถึงขีดสุดแล้ว นัยน์ตามีไอสังหารแผ่คลุม กล่าวว่า “ปล่อยหลิงอวิ๋นไป ข้ารับรองว่าในงานชุมนุมรับผู้สืบทอดแห่งหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดครั้งนี้ ตระกูลฉีของข้าจะปล่อยเจ้าไป”
น้ำเสียงกล่าวเน้นชัดทุกคำ ราวกับคมดาบเยียบเย็น ทุกคนล้วนรู้สึกเพียงว่าจิตวิญญาณปวดแสบ หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้
“คิดฝันเลิศเลอเสียจริง”
กลับเห็นหลินสวินสะบัดมือลวกๆ ฉีหลิงอวิ๋นที่ถูกกำราบในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งตกลงสู่มือจวินหวน “ศิษย์พี่ ยกให้ท่านจัดการ หากท่านอารมณ์ไม่ดีก็ระบายใส่ผู้หญิงคนนี้ได้”
จวินหวนยิ้มกล่าว “ศิษย์น้องเล็กรู้ใจข้าที่สุด”
“พวกเจ้า…”
ฉีทิงจื่อกับคนตระกูลฉีโกรธจนหน้าเขียว หากไม่ใช่ว่าอยู่หน้าวังกระบี่หมื่นยอดนี้ พวกเขาคงลงมือตั้งแต่พริบตาแรกแล้ว
“สหายยุทธ์ทุกท่าน ไม่จำเป็นต้องโมโหด้วยเรื่องนี้ ในเมืองเทพหมื่นยอดนี้ไม่มีใครกล้าเข่นฆ่ากัน ต่อให้เศษเดนคีรีดวงกมลสองคนนี้โอหังแค่ไหน ก็ไม่กล้าฆ่าแม่นางฉีหลิงอวิ๋นคนนั้นแน่”
ห่างออกไประดับอมตะตระกูลจงหลีที่อยู่ข้างสัตว์เทพผีซิวเอ่ยปาก
นี่คือระดับอมตะขั้นดับเทพที่รูปร่างเหมือนเด็กหนุ่มสวมชุดคลุมเขียวคนหนึ่ง สองมือไพล่หลัง เท้าเหยียบเมฆมงคล นัยน์ตาเต็มไปด้วยความลุ่มลึกน่าเกรงขามดุจห้วงสมุทร
จงหลีชง!
สัตว์ประหลาดเฒ่าที่แจ้งมรรคขั้นดับเทพมานานแล้วคนหนึ่ง!
เสียงเขาเรียบเฉย “คิดจะช่วยแม่นางฉีหลิงอวิ๋นกลับมาก็ง่ายมาก รอเมื่อหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดทดสอบรับผู้สืบทอด เจ้าหลินสวินนี่ต้องพ่ายแพ้อย่างไร้ข้อกังขา หลังเขากับจวินหวนต้องออกจากเมืองเทพหมื่นยอดไป พวกเราค่อยลงมือพร้อมกัน กำราบพวกเขาไว้ก็พอ”
เสียงก้องสะท้านทั่วลาน คาดเดาฉากจบว่าหลินสวินต้องแพ้ตรงๆ ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ท่าทางเช่นนี้แข็งกร้าวกว่าโดยไม่ต้องสงสัย ทำให้ผู้คนขวัญหนีดีฝ่อ
ฉีทิงจื่อกล่าว “ก็ดี”
“เฮ้อ รู้สึกไม่ชอบใจอยู่บ้างแล้ว” กลับเห็นจวินหวนเงื้อมือขึ้น ฟาดฝ่ามือหนึ่งใส่หน้าฉีหลิงอวิ๋น ใบหน้าขาวกระจ่างนั้นบวมเป่งขึ้นมาทันที
เสียงตบดังฟังชัดนั้นสะท้อนก้องทั่วลานเช่นกัน ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจนทุกประการ
เหตุการณ์นี้ทำให้จงหลีชงอดมุ่นคิ้วไม่ได้
“จวินหวน เจ้ารนหาที่ตาย!”
ฉีทิงจื่อโกรธจัด แค้นจนกัดฟันแทบแหลก
กลับเห็นจวินหวนยิ้มละไมกล่าว “ขอพูดจาไม่น่าฟังสักประโยค หากสู้ตัวต่อตัวกับคนอย่างเจ้า ภายในสามกระบี่ข้าย่อมปลิดชีพเจ้าได้แน่ น่าเสียดาย ที่นี่ไม่ยอมให้ลงมือ ข้าก็ได้แต่ระบายอารมณ์ใส่เหยื่อตัวน้อยนี้แล้ว”
เพียะ!
น้ำเสียงเพิ่งแผ่วลง จวินหวนก็ฟาดฝ่ามือใส่หน้าฉีหลิงอวิ๋นอีกครั้ง
ภายใต้การจับจ้องของทุกคน ถูกหยามเหยียดและเหยียบย่ำเช่นนี้ ฉีหลิงอวิ๋นเกือบจะคลุ้มคลั่ง นางตะโกนสุดชีวิต แต่กลับไม่อาจส่งเสียงใดออกมาได้ เห็นชัดว่าถูกจวินหวนผนึกไว้
“พวกเจ้าคีรีดวงกมลทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้รึ ไม่กลัวใต้หล้าหยามเหยียดหรืออย่างไร”
ฝั่งผู้แข็งแกร่งตระกูลมู่ ชายร่างสูงใหญ่ล่ำสัน ผมเผ้าหนวดเคราราวกับทวนคนหนึ่งเอ่ยเสียงขรึม ดังก้องเหมือนอสนีบาต สะเทือนจนแก้วหูผู้คนมีเสียงกระหึ่ม เบื้องหน้าพร่าเลือน
มู่ชางเจี่ย!
สัตว์ประหลาดเฒ่าขั้นดับเทพแห่งตระกูลมู่!
“พวกเจ้ายักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปดมากมาย กลับร่วมมือกันข่มขู่ข้ากับศิษย์น้องสองคน พวกเจ้า… ไม่คิดว่าไร้ยางอายหรือ”
จวินหวนเอ่ยเรียบๆ “ไม่ต้องพูดไร้สาระให้มากความอีก ในใจทุกคนล้วนรู้ดีว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น เช่นนั้นก็แสดงฝีมือกันในการทดสอบรับผู้สืบทอด ถึงตอนนั้นข้าอยากดูนักว่ากำลังพลที่พวกเจ้าร่วมมือกัน สามารถต้านการสังหารจากศิษย์น้องข้าคนเดียวได้หรือไม่!”
คำพูดนี้เป็นการประกาศศึกกับขุมอำนาจทั้งหมดในลานที่มองคีรีดวงกมลเป็นศัตรูชัดๆ
อหังการไม่เป็นสองรองใคร!
ในที่นั้นมีขุมอำนาจชั้นยอดจากน่านฟ้าที่เจ็ดและแปดอยู่รวมกัน รวมถึงผู้ฝึกปราณที่มาจากทุกหนแห่งในใต้หล้ามากมาย
เวลานี้ทั้งหมดถูกคำพูดนั้นของจวินหวนทำให้ตกใจอย่างอดไม่ได้
ใช่แล้ว ตั้งแต่สามปีก่อนทุกคนก็รู้ว่า ขอเพียงหลินสวินกล้าปรากฏตัวในการคัดเลือกผู้สืบทอดของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด ย่อมต้องเจอเคราะห์สังหารมากมายแน่
ตอนนี้ทุกเหตุการณ์ล้วนเปิดฉาก ไม่ต้องสงสัยว่ากำลังพิสูจน์จุดนี้อยู่เช่นกัน
แต่ใครก็คิดไม่ถึงว่าจวินหวนจะประกาศศึกโดยตรงในยามนี้!
นี่ต้องมีความกล้าและมั่นใจมากเพียงใดถึงกล้าเอ่ยคำพูดนี้ออกมาได้
“ได้! ข้าอยากดูนักว่าการประลองนี้ใครจะชนะกันแน่!”
ตงหวงฉยงกล่าวเสียงเยียบเย็นแต่ไกล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์