ตอนที่ 2752 รอยกระบี่สีเลือดสายนั้น
เช้าวันรุ่งขึ้น
หน้าสนามรบพิพาทสวรรค์มีเงาร่างมากมายมารวมตัวกันนานแล้ว
“หนึ่งเดือนก่อนหลินสวินที่เพิ่งแจ้งมรรคอมตะก็สังหารพวกฉีหลิงเจิ้นสี่คนในคราวเดียวอยู่ที่นี่ อานุภาพดุจตะวันกลางฟ้า!”
มีคนกล่าวออกมา เรียกเสียงทอดถอนใจขึ้นมากมาย
ภาพเหตุการณ์ต่างๆ เมื่อหนึ่งเดือนก่อนยังคงติดตา ทำให้พวกเขายากลืมเลือนจนบัดนี้ และตอนนี้หลินสวินยังอยากชิงตำแหน่งรองผู้ดูแลอีก นี่จะไม่ให้คนทอดถอนใจได้อย่างไร
“ลองคำนวณดูแล้ว ตำแหน่งรองผู้ดูแลในสามหอไม่เคยถูกศิษย์มาแทนที่นานสามพันปีเต็มแล้ว ครั้งนี้หลินสวินจะสามารถทำลายสถิตินี้ได้หรือไม่”
มีคนตั้งตาคอย
“ยากยิ่ง รองผู้ดูแลจินจงเยวี่ยอยู่ลำดับที่สิบสอง แจ้งมรรคอมตะมาห้าพันปี ตอนนี้มีมรรควิถีขั้นอายุขัยเทียมฟ้าสัมบูรณ์ นิสัยของเขาดุดัน ประสบการณ์ต่อสู้เจนจัดโชกโชน กฎเกณฑ์อมตะที่หล่อหลอมล้วนมาจากระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้า หากไม่เพราะเวลาไม่พอ ด้วยรากฐานของเขาคงสามารถก้าวสู่ขั้นดับเทพได้นานแล้ว!”
มีคนใหญ่คนโตวิเคราะห์ “ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินอยากเอาชนะ ความหวังมีไม่มากนัก”
บอกเพียงว่าความหวังไม่มาก แต่ไม่ได้บอกว่าไม่มีหวัง จากจุดนี้สามารถมองออกว่าคนใหญ่คนโตผู้นี้ก็ไม่ได้ดูเบาหลินสวินเช่นกัน
“ข้าได้ยินว่าสิ่งที่รองผู้ดูแลจินจงเยวี่ยภาคภูมิใจที่สุดคือขวานปากไก่นามว่า ‘มังกรดำ’ เล่มนั้นของเขา ลือกันว่าหลอมขึ้นจากเจตวัตถุอมตะนับพันชนิด และถูกเขาใช้กฎเกณฑ์อมตะในตัวหลอมตีหลายพันปี อานุภาพน่าสะพรึงถึงขีดสุด ขั้นอายุขัยเทียมฟ้าทั่วไปไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาสักนิด”
“จะว่าไปหลินสวินเพิ่งแจ้งมรรคเพียงหนึ่งเดือน เขาหลอมศาสตรามรรคอมตะออกมาแล้วหรือไม่”
ระหว่างวิพากษ์วิจารณ์ ทุกคนล้วนนึกถึงหนึ่งเดือนก่อนตอนที่หลินสวินสังหารพวกฉีหลิงเจิ้นสี่คนก็ใช้หมัดเปล่าตลอด ไม่ได้ใช้สมบัติอื่นใด
ภาพจำที่มอบให้ผู้คนก็คือ เขายังขาดศาสตรามรรคอมตะ!
พวกคนใหญ่คนโตระดับอมตะเหล่านั้นล้วนรู้ดี ศาสตรามรรคอมตะไม่ใช่จะหลอมขึ้นมาง่ายๆ ขนาดนั้น ต้องผสานรวมเจตวัตถุอมตะมากมายในการหลอม ยิ่งต้องใช้กฎเกณฑ์และมรรควิถีในตัวฟูมฟักและเคี่ยวกรำ
หากอยู่โลกพันจักรวาล ศาสตรามรรคอมตะที่แท้จริงชิ้นหนึ่ง อานุภาพของมันสามารถซัดสะเทือนโลกขนาดเล็กแห่งหนึ่งได้!
แม้แต่ในโลกยอดนิรันดร์ อานุภาพของศาสตรามรรคอมตะก็ยังไม่อาจดูเบา สามารถแหวกภูเขาตัดสมุทร พังถล่มฟ้าดินแถบหนึ่งได้ แข็งกร้าวไร้ขอบเขตยิ่งยวด
และตอนนี้เพิ่งห่างจากช่วงที่หลินสวินแจ้งมรรคอมตะเพียงหนึ่งเดือน คิดอยากหลอมศาสตรามรรคอมตะที่แท้จริงออกมา เห็นชัดว่าความหวังมีไม่มากนัก
เมื่อเวลาเคลื่อนคล้อย คนใหญ่คนโตมากมายล้วนมากันแล้ว อย่างเช่นผู้นำยอดเขาที่เก้าฉินอู๋อวี้ ผู้อาวุโสหอแรกนภาอย่างเซียวเหวินหยวน หลีเจิน เฉาเป่ยโต้วเป็นต้น
“พี่ฉินมองการต่อสู้ในวันนี้อย่างไร” เซียวเหวินหยวนมาหยุดข้างๆ ฉินอู๋อวี้ เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
ฉินอู๋อวี้สีหน้าจนใจอยู่บ้าง กล่าวว่า “หลินสวินนี่ทำสิ่งใดล้วนเป็นเช่นนี้เสมอมา มักทำให้คนยากจะคาดเดา แต่หากถามตามความเห็นข้า ข้าย่อมหวังให้เขาสามารถเอาชนะได้อยู่แล้ว”
น้ำเสียงจนใจ แต่กลับเจือความหวังในตัวหลินสวินอยู่รางๆ
เซียวเหวินหยวนยิ้มอย่างเข้าใจ กล่าวคล้ายขบคิดว่า “ขึ้นเป็นรองผู้ดูแลก็ห่างจากตำแหน่งผู้ดูแลไม่ไกลแล้ว ถึงตอนนั้น ในแง่ฐานะในสำนัก เขาก็นั่งทัดเทียมกับเจ้าแล้ว”
ตำแหน่งผู้ดูแลสามหอเทียบเท่ากับผู้นำเก้ายอดเข้าใหญ่ ฉินอู๋อวี้ย่อมรู้ข้อนี้ดี
เขาถอนใจเบาๆ กล่าวว่า “บางครั้งก้าวหน้าเร็วเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร คลื่นลมมที่เขาก่อมีมากเกินไป ประกายคมเปิดเผย ยั่วยุให้ผู้อื่นชิงชังได้มากที่สุด ข้ากลับหวังว่าเขาจะสงบนิ่งสักระยะ”
ขณะที่กำลังพูดคุยกัน ในลานก็เกิดความโกลาหลขึ้น สายตามากมายล้วนหันไปมองทางหนึ่ง…
ก็เห็นเงาร่างสูงโปร่งของหลินสวินเดินออกมาจากไกลๆ
ชั่วขณะเดียวทุกคนในที่นี้ล้วนสีหน้าต่างกันไป
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือน ยามเห็นหลินสวินอีกครั้งเขาก็จะไปชิงตำแหน่งรองผู้ดูแลแล้ว ความเร็วในการเลื่อนขั้นระดับนี้ทำให้คนรุ่นอาวุโสบางส่วนยังทอดถอนใจไม่หยุด และอิจฉาริษยาไม่หาย
ถึงอย่างไรตั้งแต่หลินสวินเข้าสู้สำนักจนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาเพียงปีกว่าๆ เท่านั้น
“รองผู้ดูแลจินจงเยวี่ยมาแล้วหรือ”
หลินสวินเดินตรงเข้าไปยังสนามรบพิพาทสวรรค์ กวาดสายตามองรอบบริเวณ
“เฮอะ ข้ารอเจ้ามานานแล้ว!”
ในเสียงต่ำลึกเย็นเยียบ เงาร่างผอมบางของจินจงเยวี่ยปรากฏขึ้นกลางอากาศ มาที่สนามต่อสู้ อาภรณ์หยกทั้งชุดพลิ้วไหว ทั่วร่างมีกฎเกณฑ์อมตะสีดำสว่างจ้าพร่าตาพวยพุ่ง
ทุกคนในที่นี้หยุดสนทนา สายตาล้วนจับจ้องบนตัวทั้งคู่เป็นจุดเดียว กลั้นหายใจจดจ่อ ในใจเต็มไปด้วยความตั้งตาคอย
คนหนึ่งคือพวกชั้นเลิศแห่งยุคที่เพิ่งกลายเป็นระดับอมตะ มีพลังต่อสู้เย้ยฟ้า
อีกคนแจ้งมรรคอมตะมาห้าพันปี เป็นพวกร้ายกาจรุ่นอาวุโสที่อยู่ลำดับสิบสองในบรรดารองผู้ดูแลยี่สิบสี่คน
การต่อสู้นี้ย่อมได้รับความสนใจเป็นธรรมดา
“รองผู้ดูแลจิน ระหว่างท่านกับข้าไม่ต้องหยั่งเชิงกันแล้ว ต่างฝ่ายต่างใช้ความแข็งแกร่งแท้จริง รีบสู้รีบจบ ตัดสินใจแพ้ชนะก็พอ”
หลินสวินเอ่ยปากราบเรียบ
ท่าทางเรียบเฉยวางตัวสบายๆ นั่นทำให้ผู้สืบทอดเก้ายอดเข้าใหญ่มากมายล้วนลอบหมองเศร้า
หนึ่งเดือนก่อนหลินสวินยังเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องระดับเดียวกับพวกเขา แต่ตอนนี้อีกฝ่ายเป็นคนที่ก้าวสู่ระดับอมตะแล้ว ไม่ใช่คนระดับเดียวกันอีกต่อไป
“ตามที่เจ้าต้องการ”
สีหน้าจินจงเยวี่ยเฉยชาดุจหิน ประกายเทพตัดสลับ ขวานปากไก่เล่มหนึ่งปรากฏกลางฝ่ามือเขา ตัวขวานดำสนิทมืดทึบ กลิ่นอายคมกริบเย็นเยียบที่ทำให้คนใจสะท้านไหลเวียน
มองจากไกลๆ มันดูไม่เหมือนขวานปากไก่ แต่เป็นมังกรดำบรรพกาลที่แผ่กลิ่นอายทำลายล้างฟ้าดินคละคลุ้ง!
ขวานปากไก่มังกรดำ!
ศาสตรามรรคอมตะที่จินจงเยวี่ยหลอมมาหลายพันปี หลอมรวมเจตวัตถุอมตะนับพันชนิด พลังเข่นฆ่าสะท้านโลก
ทุกคนนอกสนามล้วนอดหวาดหวั่นไม่ได้ ยังไม่ทันเปิดศึกก็เรียกศาสตรามรรคอมตะออกมาแล้ว จินจงเยวี่ยรู้ชัดถึงความร้ายกาจของหลินสวินดี จึงคิดจะเคลื่อนไหวเต็มกำลังตั้งแต่เริ่ม!
เมื่อเห็นเช่นนี้หลินสวินก็ยิ้มน้อยๆ
วู้ม!
เหนือศีรษะเขาปรากฏเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งขึ้นมาทันควัน ตัวเตาเก่าแก่เรียบง่ายสาดพรมละอองแสงคลุมเครือมหาศาลออกมา ขับเน้นเงาร่างเขาดุจฝันดั่งมายา
“นี่คือศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ของเขา!”
เสียงอุทานดังขึ้น
“ไม่ สมบัตินี้ควรเรียกว่าศาสตรามรรคอมตะแล้ว กลิ่นอายเช่นนั้นดุจดั่งอมตะนิรันดร์กาล ไม่ผิดเป็นอันขาด”
คนใหญ่คนโตบางส่วนนัยน์ตาหดหัด ล้วนอดไหวหวั่นไม่ได้
หลอมศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์เป็นศาสตรามรรคอมตะในเวลาหนึ่งเดือนหรือ
ความเร็วนี้น่าสะพรึงชัดๆ!
พวกที่ก่อนหน้านี้ยังเดาว่าหลินสวินไม่มีศาสตรามรรคอมตะ เวลานี้ล้วนอดตาค้างไม่ได้
“ดูท่าเจ้าเตรียมตัวมาพร้อมทีเดียว”
ในใจจินจงเยวี่ยหนักอึ้ง เมื่อวานหลังจากรับคำท้าของหลินสวิน เขาก็ใคร่ครวญทั้งคืน พยายามคิดถึงจุดอ่อนในตัวหลินสวิน
สุดท้ายเขาก็คิดออกสองจุด
จุดแรก หลินสวินเพิ่งทะลวงระดับ มรรควิถีอยู่เพียงแค่ขั้นอายุขัยเทียมฟ้าขั้นต้น ในแง่พลังปราณยังด้อยกว่าตนมาก
แต่รากฐานของหลินสวินน่าสะพรึงยิ่ง ชดเชยช่องว่างในด้านพลังปราณไปได้ หรือกล่าวได้ว่าตนอาจมีข้อได้เปรียบ แต่ข้อได้เปรียบกลับไม่มากเท่าไรนัก
จุดที่สอง ยามหลินสวินสังหารพวกฉีหลิงเจิ้นล้วนใช้หมัดเปล่า เป็นไปได้สูงว่าอาจไม่มีศาสตรามรรคอมตะเหมาะมือแม้แต่ชิ้นเดียว
และเป็นเพราะข้อนี้ทำให้จินจงเยวี่ยมั่นใจเต็มเปี่ยมในการต่อสู้ครั้งนี้ เพราะขวานปากไก่มังกรดำในมือเขาอานุภาพแข็งแกร่ง เหนือกว่าศาสตรามรรคอมตะธรรมดาจะเทียบได้
อาศัยข้อนี้ก็สามารถกดหัวหลินสวินได้
แต่ไหนจะคาดคิดว่าการต่อสู้ในวันนี้ยังไม่ทันเริ่ม หลินสวินก็เรียกเตากระบี่ของเขาออกมา กลิ่นอายอมตะที่แผ่คลุ้งทั่วตัวเตานั่น ล้วนบ่งบอกว่าศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ชิ้นนี้ถูกหลอมเป็นศาสตรามรรคอมตะแล้ว!
นี่ทำให้แรงกดดันของจินจงเยวี่ยเพิ่มขึ้นทันควัน
“หากไม่มีความมั่นใจอยู่บ้าง จะกล้าคิดเข้าแทนที่ตำแหน่งของรองผู้ดูแลจินได้อย่างไร”
หลินสวินเอ่ยปากเนิบๆ พลังขับเคลื่อนรอบตัวพลันโคจรถึงขีดสุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์