Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2755

ตอนที่ 2755 ภูตผีพรายสาง

บนท้องถนนคึกคักจอแจ คนสัญจรขวักไขว่

ฝ่ามือหลินสวินกำยันต์หยกที่ฉินอู๋อวี้มอบให้ สัมผัสกลิ่นอายภายในนั้นขณะเดินไปข้างหน้า

หลังจากเข้าเมืองธารดารา ยันต์หยกนี้ก็เสมือนตื่นจากการหลับใหล แผ่ระลอกคลื่นประหลาดเสี้ยวหนึ่งออกมา ชี้ไปยังตำแหน่งหนึ่งในเมืองราวกับเข็มทิศ

ครึ่งเค่อให้หลัง

หลินสวินมาถึงหน้าร้านขายยาที่ดูเงียบเหงากิจการซบเซาแห่งหนึ่ง

ชายชราในชุดสีเทาผมบางคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้นนานแล้ว ยามเห็นหลินสวินก็อดอึ้งไปไม่ได้อยู่บ้าง

หลินสวินโบกยันต์หยกในมือแล้วกล่าวว่า “สหายรู้จักของชิ้นนี้หรือไม่”

ชายชราชุดเทาดูคล้ายถอนหายใจโล่งอก ค้อมกายโค้งคารวะแล้วกล่าวว่า “ข้าน้อยเฟยอวิ๋นคารวะใต้เท้า ขอบังอาจถามว่าใต้เท้านามว่ากระไร”

หลินสวินกล่าว “รองผู้ดูแลลัทธิแรกกำเนิดหลินสวิน”

ชายชราชุดเทาที่เรียกตนเองว่าเฟยอวิ๋นตกใจหาใดเทียบ สายตามองสำรวจหลินสวินตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วกล่าวว่า “ท่าน… คือหลินสวินที่เข้าลัทธิแรกกำเนิดเมื่อหนึ่งปีกว่าก่อนหน้านี้คนนั้นหรือ”

หลินสวินพยักหน้า

เฟยอวิ๋นแววตาอึ้งค้าง กล่าวว่า “ในเวลาสั้นๆ เพียงนี้ใต้เท้าก็กลายเป็นรองผู้ดูแลแล้ว น่าทึ่งนัก”

ดูเหมือนเขาค่อนข้างรู้เรื่องภายในลัทธิแรกกำเนิดเป็นอย่างดี ทำให้ยามรู้ฐานะของหลินสวินจึงตกใจขนาดนั้นอย่างเห็นได้ชัด

“ใต้เท้ารีบเข้ามาเร็ว”

หลังจากเฟยอวิ๋นเชิญหลินสวินเข้าไปในร้านขายยาก็ปิดประตูทันที จากนั้นจึงประสานหมัดกล่าว “ใต้เท้ามาครั้งนี้เพราะเรื่องของแดนเร้นนภาใช่หรือไม่”

หลินสวินแปลกใจ “เจ้ารู้ได้อย่างไร”

เฟยอวิ๋นยิ้มบางๆ กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้นานมาแล้วข้าน้อยก็เคยเป็นมือสังหารคนหนึ่งของแดนเร้นนภา มีมรรควิถีขั้นอายุขัยเทียมฟ้า ยามผู้อาวุโสฟางเต้าผิงบุกฆ่าแดนเร้นนภาด้วยตัวคนเดียวในครานั้น ก็เพราะเห็นแก่ที่ข้าน้อยไม่ใช่คนเลวโดยสันดานจึงไว้ชีวิตข้าน้อย”

นอกจากความแปลกใจ ในใจหลินสวินก็อดตกใจไม่ได้

หนึ่งหมื่นเจ็ดพันปีก่อน ชายชรานามว่าเฟยอวิ๋นคนนี้ก็เป็นระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าแล้ว!

“นับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ข้าน้อยก็ถอนตัวจากแดนเร้นนภา กบดานในเมืองธารดาราแห่งนี้ ข้าน้อยเคยรับปากผู้อาวุโสฟางเต้าผิงไว้ ภายหน้าไม่ว่าเขามีธุระใดๆ ขอเพียงข้าน้อยช่วยเหลือได้ย่อมไม่มีทางบอกปัด”

เฟยอวิ๋นกล่าว “ตอนนี้ใต้เท้าถือยันต์หยกนี้เข้ามา ข้าน้อยคิดๆ ดูแล้ว เรื่องที่สามารถช่วยเหลือใต้เท้าได้ก็มีเพียงเรื่องเกี่ยวกับแดนเร้นนภาเท่านั้น”

หลินสวินกล่าวชม “สหายยุทธ์ตาแหลมคมนัก”

เฟยอวิ๋นยิ้มบางๆ กล่าวว่า “ขอบังอาจถามว่าการเดินทางมาภายนอกครั้งนี้ ตั้งใจจะหาแดนเร้นนภาเพื่อเหตุใด”

หลินสวินก็ไม่ได้ปิดบัง เอ่ยว่า “ข้าอยากรู้ที่อยู่ของมารภูต”

มารภูต!

เฟยอวิ๋นนัยน์ตาหดรัดน้อยๆ นิ่งเงียบเนิ่นนานก่อนกล่าวว่า “ได้”

“สหายยุทธ์ดูเหมือนมีเรื่องลำบากใจ?” หลินสวินถาม

เฟยอวิ๋นส่ายหน้ากล่าวว่า “เรื่องนั้นจัดการง่ายดายนัก แต่กลับต้องรอสักสองสามวัน ใต้เท้าโปรดตามข้าน้อยไปนอกเมือง เลือกสถานที่เงียบๆ ไร้ผู้คน หากเกิดการต่อสู้จะได้ป้องกันไม่ให้ทำร้ายชีวิตใดๆ ในเมืองธารดารา”

กล่าวจบเขาก็เดินตรงไปผลักประตูเปิดออก

หลินสวินไม่ได้คิดมากความ เดินตามออกไปด้วยกัน

หนึ่งชั่วยามให้หลัง

ในภูเขาลึกห่างจากเมืองธารดาราหลายหมื่นลี้แห่งหนึ่ง

เฟยอวิ๋นหยิบยันต์อักษรรูปกระบี่ที่ลึกลับชิ้นหนึ่งออกมา จากนั้นหยดเลือดลงบนนั้นแล้วบีบเบาๆ

ปึง!

ยันต์อักษรแตกระเบิด กลายเป็นเส้นเลือดลึกลับพิสดารสายหนึ่งเหินทะยานอากาศออกไป ก่อนอันตรธานหายลับไปใต้ราตรีเวิ้งว้าง

หลังเรื่องพวกนี้เสร็จ ทั้งตัวเฟยอวิ๋นดูคล้ายผ่อนคลายลงไปมาก กล่าวว่า “ข้าน้อยใช้วิธีส่งสารของแดนเร้นนภา ส่งข่าวไปยังมารภูตแล้ว ภายในสามวันเขาต้องมุ่งหน้ามาแน่”

“เจ้าใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อหรือ” หลินสวินตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่างทันควัน

เฟยอวิ๋นยิ้มกล่าว “รู้อยู่แล้วว่าปิดบังใต้เท้าไม่ได้ หากไม่ทำเช่นนี้ ก็มีแต่ต้องบุกไปยังรังของแดนเร้นนภาเท่านั้น ไม่เช่นนั้นย่อมไม่อาจหาร่องรอยของมารภูตได้”

ในใจหลินสวินพลิกม้วน กล่าวว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากฐานะเปิดเผย แดนเร้นนภาไม่มีทางปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด”

“ชีวิตนี้ของข้าผู้อาวุโสฟางเต้าผิงเป็นผู้มอบให้ หนึ่งหมื่นกว่าปีมานี้ที่ใช้ชีวิตในเมืองธารดารา ก็ตั้งใจไว้นานแล้วจะมอบชีวิตนี้คืนให้ผู้อาวุโสฟางเต้าผิง”

เฟยอวิ๋นสีหน้าสงบ “ยิ่งกว่านั้น หากข้าไม่ใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ คนอย่างมารภูตไม่มีทางมุ่งหน้ามาเด็ดขาด”

กล่าวถึงตรงนี้ดวงตาเขาก็ผุดแววเย็นชา “ตั้งแต่ปีนั้นที่ข้าถอนตัวจากแดนเร้นนภา ในสายตาพวกเขา ข้าก็เป็นคนทรยศคนหนึ่ง หากรู้ว่าคนทรยศอยู่ที่นี่ มีหรือมารภูตจะนิ่งดูดาย”

หลินสวินยังอดซาบซึ้งไม่ได้ กล่าวว่า “สหายยุทธ์วางใจ ครั้งนี้ข้าจะไม่ให้เจ้าเดือดร้อนไปด้วยแน่นอน”

เฟยอวิ๋นยิ้มกล่าว “ไม่เป็นไร” จู่ๆ ก็ถามขึ้นว่า “มีสุราหรือไม่”

หลินสวินยื่นน้ำเต้าสุราให้เขา เฟยอวิ๋นยกดื่มอย่างสำราญ เนิ่นนานถึงจุ๊ปากเอ่ยว่า “สุราดี! หากใต้เท้าไม่รังเกียจ พอจะเล่าสาเหตุที่มาตามล้างแค้นมารภูตในครั้งนี้ให้ข้าฟังได้หรือไม่”

หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ แล้วเล่าเรื่องของเย่ฉุนจวินให้ฟัง

เฟยอวิ๋นฟังจบก็อดหัวเราะลั่นไม่ได้ “แดนเร้นนภาบ้าคลั่งฟั่นเฟือนปานใด ถึงขั้นกล้าหาเรื่องผู้สืบทอดหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด คิดจริงๆ หรือคิดจริงๆ ว่ามีตระกูลจิงแห่งน่านฟ้าที่แปดหนุนหลังแล้วจะสามารถนอนใจได้ หากครั้งนี้ข้ารอดชีวิตไปได้ ต้องรอชมว่าแดนเร้นนภาจะพังพินาศอย่างไรแน่นอน!”

ในเสียงเจือแววเคียดแค้นลึกล้ำ

ความแค้นเช่นนั้นฝังอยู่ในกระดูกของเขา กลบซ่อนไม่อยู่สักนิด นี่ทำให้หลินสวินยังแปลกใจ

เขาคิดๆ แล้วกล่าวว่า “สหายยุทธ์ต้องได้เห็นวันนั้นมาถึงอย่างแน่นอน”

ขณะที่ทั้งคู่พูดคุยกัน จู่ๆ เฟยอวิ๋นก็นัยน์ตาหดรัด กล่าวด้วยความตกใจว่า “มีคนมาแล้ว…”

ว่าพลางเขาเหินทะยานขึ้นกลางอากาศทันที นัยน์ตาดุจเพลิงโหม มองไปยังจุดที่ไกลออกไป

ครู่ต่อมาสีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา “เป็นพวกเขาจริงๆ เพียงแต่นี่เวลายังไม่ถึงครึ่งเค่อ เหตุใดพวกเขาจึงมาเร็วขนาดนี้!?”

หลินสวินก็ค่อนข้างแปลกใจเช่นกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์