Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2781

สรุปบท ตอนที่ 2781 บนโลกไม่มีใครแซ่เฉิน: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปตอน ตอนที่ 2781 บนโลกไม่มีใครแซ่เฉิน – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

ตอน ตอนที่ 2781 บนโลกไม่มีใครแซ่เฉิน ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 2781 บนโลกไม่มีใครแซ่เฉิน

หลบภัย!

หลินสวินใจกระตุกวูบ

ก็เห็นเสวียนเฟยหลิงกล่าวต่อ “หากไม่ได้ทำเพื่อหลบภัย ย่อมไม่ต้องเก็บร่างต้นไว้ในโลงนิรันดร์ นี่เป็นการถูกกระทำอย่างไม่ต้องสงสัย”

ไท่เสวียนพยักหน้ากล่าว “น่าจะเป็นเช่นนั้น”

หลินสวินเงียบไป พยายามทำให้ตนสงบใจลงทีละน้อย เขาประสานหมัดกล่าว “ขอบคุณผู้อาวุโสทั้งสองที่ชี้แนะ”

เขานึกถึงกฎกรรมที่ท่านลู่เคยกล่าวขึ้นมา

ตั้งแต่ลั่วทงเทียนได้รับโลงนิรันดร์ ก็หมายความว่ามีกฎกรรมหนึ่งเกิดขึ้นกับตัวทายาทของเขา

กฎกรรมนี้ แน่นอนว่าเป็นซย่าจื้อ

แต่จนถึงตอนนี้หลินสวินถึงเพิ่งค้นพบ ว่าชาติกำเนิดของซย่าจื้อถึงกับแปลกประหลาดและน่าเหลือเชื่อเช่นนี้!

เรื่องนี้ต้องบอกซย่าจื้อหรือไม่

ฝึกปราณมาถึงตอนนี้ หลินสวินเพิ่งเคยรู้สึกสับสนเช่นนี้เป็นครั้งแรก!

หากไม่บอกซย่าจื้อ ขอเพียงกำชับซย่าจื้อว่าอย่าไปสลายผนึกในร่าง ชาตินี้ซย่าจื้อก็ไม่เกี่ยวข้องกับคนในโลงนั่นแล้ว

เช่นนี้พวกเขาก็จะอยู่ด้วยกันตลอดไปได้

แต่นี่ดูเห็นแก่ตัวเกินไปหรือไม่

ในทางตรงข้ามหากบอกเรื่องนี้กับซย่าจื้อ สักวันหนึ่งถ้านางกับคนในโลงหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว สืบทอดความทรงจำและสติปัญญาในอดีต เช่นนั้นนาง… จะเป็นซย่าจื้อที่ตนรู้จักคุ้นเคยอยู่หรือไม่

จิตใจหลินสวินสับสนยุ่งเหยิง

“ปัญหานี้ บางทีเจ้าอาจสามารถยกให้แม่นางซย่าจื้อคนนั้นจัดการ” เสวียนเฟยหลิงที่อยู่ด้านข้างกล่าวเตือนอย่างอดไม่ได้

หลินสวินส่ายหัว “นางไม่มีทางเลือกผสานเป็นหนึ่งเดียวกับคนในโลงแน่”

เขารู้จักซย่าจื้อดี

ไท่เสวียนเอ่ยถาม “เช่นนั้นเจ้าตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร ยังอยากไปเยือนแหล่งสถานศุภโชคไหม”

“ไป”

หลินสวินพูดโดยไม่ต้องคิด “บิดามารดาข้ายังติดอยู่ในนั้น รอข้าไปรับพวกเขากลับมา นอกจากนี้… ข้ายังคิดไปสืบความเป็นมาของโลงนิรันดร์ดูสักหน่อย บางทีอาจได้รู้ฐานะของคนในโลงบ้าง ถึงตอนนั้นข้าอาจตัดสินใจได้ว่าควรบอกเรื่องนี้กับซย่าจื้อหรือไม่”

ไท่เสวียนกล่าว “นี่นับเป็นวิธีที่ฉลาด”

เขาพูดพลางพลิกฝ่ามือ ป้ายคำสั่งรูปกระบี่พลันปรากฏ “ในป้ายคำสั่งนี้มีพลังเจตจำนงของข้าอยู่ เจ้านำมันไปด้วย รอเมื่อถึงแหล่งสถานศุภโชคแล้ว หากเจออันตรายก็ใช้พลังเจตจำนงในป้ายคำสั่งนี้สลายภัยพิบัติได้ ทั้งสามารถถือป้ายคำสั่งนี้ไป ‘ซากสถานนรกภูมิ’ ขอเพียงแสดงป้ายคำสั่งนี้ก็จะมีคนให้ความช่วยเหลือเจ้าทันที”

หลินสวินรับป้ายคำสั่งมาพลางกล่าว “ขอบคุณผู้อาวุโส”

ไท่เสวียนยิ้มออกมา “ไม่ต้องเกรงใจ ว่าไปแล้วถึงแม้เจ้ากับข้าจะไม่ได้เรียกกันว่าศิษย์อาจารย์ แต่กลับมีความสัมพันธ์เช่นศิษย์อาจารย์”

“ผู้อาวุโส ผู้น้อยขอบังอาจถามสักประโยค ตอนนี้ท่านยังติดต่อกับผู้อาวุโสเฉินหลินคงหรือไม่”

หลินสวินลังเลครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถาม

ปีนั้นเขาเจอพลังของมารดาลั่วชิงสวินในกล่องสำริดที่ท่านลู่มอบให้ ตอนนั้นเขาถึงรู้ว่าบิดามารดาติดอยู่ในแดนลับที่วิวัฒน์จาก ‘เขตแดนกาลเวลา’ แห่งหนึ่งในแหล่งสถานศุภโชค

ตอนนั้นเคยมีผู้แข็งแกร่งปริศนาแซ่เฉินคนหนึ่งผ่านไปที่นั่น ช่วยลั่วชิงสวินนำกล่องสำริดนั้นออกมาจากแหล่งสถานศุภโชคและส่งมอบให้ท่านลู่

จากนั้นลู่ป๋อหยาก็มอบให้ตระกูลเสวียน สุดท้ายจึงตกอยู่ในมือหลินสวิน ทั้งทำให้เขาได้รับกระบี่ศุภโชคจากกล่องสำริดด้วย

ตอนนั้นหลินสวินก็สงสัย ผู้แข็งแกร่งปริศนาแซ่เฉินนี้ มีโอกาสสูงว่าเป็นเฉินหลินคง

อันที่จริงภายหลังเมื่อได้เจอท่านลู่ ฝ่ายหลังก็บอกว่าคนที่มอบกล่องสำริดให้เขาเป็นเฉินหลินคงที่เรียกตัวเองว่าเซียนผลาญจริงๆ!

ตอนนี้หลินสวินรู้แล้วว่าในแหล่งสถานศุภโชคมีซากสถานยุคสมัยกระจายอยู่มากมาย หากไปงมหาแบบมั่วๆ ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเจอสถานที่ซึ่งบิดามารดาของตนติดอยู่

แต่หากรู้เบาะแสของเฉินหลินคง บางทีอาจรู้ตำแหน่งที่บิดามารดาติดอยู่ได้แน่ชัด

“เขาหรือ…”

นัยน์ตาไท่เสวียนดูแปลกออกไป “ปีนั้นตั้งแต่ข้ามาถึงโลกยอดนิรันดร์นี้ พวกเราก็ไม่ได้เจอกันอีก เหตุใดจู่ๆ เจ้าจึงถามถึงเขา”

หลินสวินจึงเล่าเรื่องราวความเป็นมา

ไท่เสวียนกล่าวเหมือนเข้าใจทันที “เขาไปแหล่งสถานศุภโชคจริงดังคาด ดูท่าว่าเขาก็กำลังสืบหาคนร้ายเบื้องหลังการดับสิ้นของยุคสมัยอยู่”

“หมายความว่าอะไร”

เสวียนเฟยหลิงตกตะลึง เบื้องหลังการดับสิ้นของยุคสมัยแต่ละครั้ง ยังมีเงื่อนงำอื่นอีกหรือ

ไท่เสวียนกล่าว “รอเจ้าบรรลุระดับนิรันดร์เมื่อไรก็จะเข้าใจเอง”

เสวียนเฟยหลิงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้ารำคาญพวกทำตัวลึกลับ ปิดบังอำพรางอย่างเจ้าที่สุด มีอะไรไม่พูดให้ชัดเจน น่าเบื่อ!”

ไท่เสวียนไม่สนใจ เขากล่าวกับหลินสวิน “เฉินหลินคงไม่ใช่คนทั่วไป หรือพูดได้ว่าเขาไม่ใช่คนยุคนี้ แม้ข้ารู้จักเขามาหลายปี แต่พูดตามตรง ถึงตอนนี้ก็ดูไม่ออกว่าเขาเป็นคนเช่นไรกันแน่ ด้วยตัวเขามีปริศนามากเกินไปจริงๆ”

กล่าวถึงตอนท้ายแววตาเขาเปลี่ยนแปลกไป “สหายน้อย เจ้าฝึกปราณมาถึงตอนนี้ นอกจากเฉินหลินคงแล้วเคยเจอผู้ฝึกปราณคนอื่นที่แซ่เฉินหรือไม่”

หลินสวินอึ้งไป เขาใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วอดส่ายหัวไม่ได้ “ไม่มีจริงๆ”

ไท่เสวียนเอ่ยถาม “แซ่เฉิน เดิมทีแล้วธรรมดามาก แต่ทั่วหล้าหมื่นโลกในยุคนี้กลับไม่มีตระกูลเฉิน เจ้าไม่คิดว่าแปลกมากหรือ”

เสวียนเฟยหลิงตระหนักถึงอะไรได้ เขากล่าวอย่างประหลาดใจ “นี่เป็นเพราะเหตุใด”

“แซ่คือสัญลักษณ์ของตระกูลเผ่าพันธุ์ สำหรับผู้ฝึกปราณอย่างพวกเรา ชื่อเสียงเรียงนาม ฉายามรรค ฉายาธรรม ตำแหน่งเกียรติยศ… ล้วนมีความพิเศษอย่างมาก แต่แซ่เฉินที่ธรรมดาสามัญ กลับไม่อาจเจอทายาทตระกูลนี้บนโลกนี้ นี่มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว”

ไท่เสวียนกล่าว “แซ่นี้ประหนึ่งมรรค แม้รู้จักแผ่กว้างแต่ไม่อาจพบเจอได้โดยง่าย!”

ในน้ำเสียงเจือแววตกตะลึงรางๆ

“พูดเช่นนี้ตระกูลเบื้องหลังเฉินหลินคงผู้นี้ก็ลึกลับเกินไปแล้วกระมัง”

ไท่เสวียนพูดพลางยื่นป้ายคำสั่งในมือให้หลินสวิน

“ขอบคุณผู้อาวุโส”

หลินสวินทั้งดีใจและตกใจอย่างอดไม่ได้

ก่อนหน้านี้ไท่เสวียนเพิ่งมอบป้ายคำสั่งที่ประทับพลังเจตจำนงของเขาให้ข้า ตอนนี้เขายังยกป้ายคำสั่งที่เฉินหลินคงมอบให้แก่ตนด้วย บุญคุณนี้ยิ่งใหญ่ไม่ธรรมดา

เสวียนเฟยหลิงหัวเราะลั่นขึ้นมา “ขอบคุณอะไร พวกเราล้วนมาจากทางเดินโบราณฟ้าดารา ส่วนเจ้าแห่งคีรีดวงกมลอาจารย์เจ้าก็เป็นผู้มากความสามารถที่ไท่เสวียนนับถือตอนยังเป็นเด็กหนุ่ม จนตอนนี้ก็ยังเห็นอาจารย์เจ้าเป็น ‘ผู้เลิศล้ำแห่งทางเดินโบราณฟ้าดารา’ อีกทั้งเจ้ายังสืบทอดมรดกวิชากระบี่ของเขา ไม่ใช่คนนอกนานแล้ว”

ไท่เสวียนก็อมยิ้มพยักหน้า

“ผู้เลิศล้ำแห่งทางเดินโบราณฟ้าดารา…”

หลินสวินพึมพำ อดกล่าวไม่ได้ “ผู้อาวุโสทั้งสอง พวกท่านว่าหากอาจารย์ของข้ายังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้จะอยู่ที่ไหนหรือ”

“ไม่รู้”

ไท่เสวียนกับเสวียนเฟยหลิงส่ายหัวพร้อมกัน

หลินสวินเองก็แค่ลองถาม ไม่ได้คาดหวังอะไร

“เจ้าคิดไปแหล่งสถานศุภโชคเมื่อไหร่” เสวียนเฟยหลิงถาม

“หากเป็นไปได้ข้าตั้งใจว่าจะไปตอนนี้”

หลินสวินไม่อยากชักช้าอีกแล้ว

หลังจากรู้ความลึกลับบางส่วนในโลงนิรันดร์นั่น ก็ทำให้เขาอยากรู้นักว่าคนในโลงมีฐานะอะไรกันแน่

ทั้งเขายังมีพลังไปช่วยบิดามารดาแล้ว ย่อมไม่อยากล่าช้าอีก

“หากเจ้าออกจากลัทธิแรกกำเนิดย่อมถูกคนสังเกตเห็น เอาอย่างนี้เถอะ ให้เฒ่าเสวียนส่งเจ้าออกจากแดนแรกเริ่ม ทำเช่นนี้อย่างน้อยก็รับรองได้ว่าไม่มีใครรู้ปลายทางของเจ้า”

ไท่เสวียนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจ

“เจ้าไม่ไปส่งด้วยตัวเองหรือ”

เสวียนเฟยหลิงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

ไท่เสวียนชี้กระดานหมากตรงหน้าพลางกล่าว “ข้ากำลังสู้กับตัวเอง ปลีกตัวไม่ได้”

“เช่นนั้นเจ้าก็สู้ต่อไปเถอะ หลินสวิน พวกเราไป”

เสวียนเฟยหลิงกล่าวทิ้งท้ายประโยคหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์ พาหลินสวินออกจากเขตผนึกแจ้งเร้นนี้ไป

‘หนึ่งบัวที่เบ่งบานของคีรีดวงกมลนี้ ตัวแปรที่เกี่ยวข้องไม่มากไปหน่อยหรือ’

กลางฟ้าดารา ไท่เสวียนนั่งขัดสมาธิหน้ากระดานหมากพลางใคร่ครวญเงียบๆ

……………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์