ตอนที่ 2783 แดนเทพต้าฉิน
หลินสวินนั่งขัดสมาธิทันที สลัดความคิดฟุ้งซ่าน สงบจิตสัมผัสลักษณ์ฟ้าดิน
บนเวิ้งฟ้าตะวันครามลอยเด่น แผ่ความหนาวเย็นเสียดกระดูก กลายเป็นหิมะโปรยปรายทั่วฟ้า
บนพื้นดินคือหิมะน้ำแข็งไร้ขอบเขต ภูผาธาราต้นไม้ใบหญ้าล้วนเผยกลิ่นอายเยียบเย็น
หลินสวินสัมผัสกฎระเบียบฟ้าดินของอารยธรรมยุคสมัยนี้ได้ทีละน้อย หยั่งถึงนัยเร้นลับแห่งมหามรรคจากภายใน
มหามรรคไร้รูป ไร้นาม ไม่อาจพรรณนา ดังนั้นจึงไม่อาจบรรยายเป็นคำพูด
ทุกอารยธรรมยุคสมัยล้วนมีระบบการฝึกปราณที่สมบูรณ์
การถือกำเนิดของระบบการฝึกปราณเช่นนี้ ก็มาจากความเข้าใจและข้อสรุปที่มีต่อมรรคาฟ้าของผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วน หลังผ่านกาลเวลาไร้สิ้นสุดจึงสมบูรณ์ขึ้นทีละน้อย กลายเป็นระบบที่สมบูรณ์และยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง
ตัวอย่างเช่นการแบ่งระดับ การหยั่งรู้มหามรรค ความเข้าใจที่มีต่อแก่นแท้ของสรรพสิ่งทั่วหล้า นิยามและการอธิบายหนทางแห่งการฝึกปราณ ล้วนอยู่ในขอบเขตของระบบการฝึกปราณทั้งสิ้น
โดยทั่วไปแล้วกฎระเบียบมหามรรคของอารยธรรมยุคสมัยหนึ่ง ล้วนเรียกรวมได้ว่า ‘มรรคาฟ้า’
ฟ้าดินไร้เมตตา สรรพสิ่งดั่งสุนัขฟาง
ประโยคนี้เป็นการอธิบายคำว่า ‘มรรคาฟ้า’ ได้อย่างชัดเจนที่สุด
มรรคาฟ้าไม่มีคำว่าเมตตาธรรม ด้วยเหตุนี้ภายใต้มหามรรค ไม่ว่าจะเป็นผู้มีพลังปราณเทียมฟ้า หรือปุถุชนคนธรรมดาล้วนไม่ต่างกัน
สิ่งสำคัญอยู่ที่ผู้ฝึกปราณสามารถไปหยั่งรู้นัยเร้นลับของมรรคาฟ้าได้ จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา
แต่ปุถุชนคนธรรมดากลับติดอยู่ในวังวนของการเกิดแก่เจ็บตาย
สำหรับคนที่ไม่เคยฝึกปราณ ถ้าอยากหยั่งรู้กลิ่นอายมหามรรคกลางฟ้าดิน ต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิตก็ใช่ว่าจะสำเร็จ
แต่สำหรับคนที่มีมรรควิถีอย่างหลินสวิน ต่อให้ไปหยั่งรู้มรรคาฟ้าที่ไม่รู้จักโดยสิ้นเชิงก็เป็นเรื่องง่ายดายอย่างแน่นอน
เหตุผลนั้นง่ายมาก แม้กฎระเบียบมรรคาฟ้าไม่เหมือนกัน แต่ปลายทางย่อมมาบรรจบ
รอบตัวหลินสวินเริ่มมีไอวิญญาณมหามรรคอบอวล กลายเป็นไอหมอกสีฟ้าครามหลากสาย รวมตัวพุ่งตรงมาทางหลินสวิน เมื่อไอวิญญาณพวกนี้เริ่มหนาแน่น กลิ่นอายของหลินสวินก็เริ่มทะยานขึ้นเรื่อยๆ
ระดับกำลังภายใน ระดับจิตผสานวิญญาณ…
ไม่ถึงครึ่งชั่วยามตัวหลินสวินก็แผ่กลิ่นอายระดับมหาสมุทรวิญญาณออกมา
ยามนี้เมื่อกลิ่นอายรอบตัวเขาเพิ่มมากขึ้น ไอวิญญาณที่ชักนำมาก็เปลี่ยนเป็นยิ่งใหญ่ ไอวิญญาณฟ้าดินในรัศมีพันจั้งกรูเข้ามาราวกับหมอกเมฆ
มองจากไกลๆ บริเวณที่หลินสวินฝึกปราณก็เหมือนกรวยสีฟ้าคราม
นี่ไม่ใช่การฝึกมรรคาใหม่
แต่หลินสวินกำลังสัมผัสกฎระเบียบของฟ้าดินแถบนี้ อนุมานวิธีหลอมปราณใหม่ทั้งหมด เปลี่ยนแปลงมรรควิถีของตนทีละขั้น
กล่าวง่ายๆ ก็คือ เหมือนเป็นการเปลี่ยนวิธีฝึกปราณ เพื่อให้พลังของตนสอดคล้องกับกฎระเบียบของฟ้าดินแถบนี้ทีละขั้น
ก็เหมือนกับตอนนี้ เมื่อหลินสวินเริ่มหยั่งรู้มากขึ้น ความเข้าใจที่มีต่อกฎระเบียบฟ้าดินแห่งนี้ก็ยิ่งลึกซึ้ง ด้วยการฟหยั่งรู้และสติปัญญาของเขา ย่อมกลั่นกรองวิธีฝึกปราณที่เหมาะกับตนที่สุดออกมาได้โดยง่าย
กลิ่นอายมหามรรคระดับจิตผสานวิญญาณที่แผ่ออกมาจากตัวเขาไม่ถูกกฎระเบียบของฟ้าดินแถบนี้กดดันอีก
ทันใดนั้นหลินสวินที่กำลังฝึกปราณพลันมุ่นคิ้ว ลืมตาขึ้นเงียบๆ
ก็เห็นว่าจุดที่ห่างไกลมีเงาร่างหลายสายทะยานมาทางนี้ เกิดเสียงทลายอากาศบางเบาระลอกหนึ่ง กลางฟ้าดินที่เต็มไปด้วยหิมะขาวนั้น เห็นได้ชัดว่าสะดุดตานัก
‘มีคนอยู่ดังคาด!’
‘ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ หรือตำนานโบราณนั่นเป็นเรื่องจริง’
นี่คือชายสามหญิงหนึ่ง ต่างใช้จิตรับรู้พูดคุยกัน แต่พลังขับเคลื่อนบนตัวพวกเขากลับปกคลุมมาทางหลินสวินทันที
เมื่ออยู่ห่างจากหลินสวินแค่พันจั้ง ชายน่าเกรงขามที่สวมเกราะดำ มือถือทวนศึกซึ่งเป็นผู้นำเผยสีหน้าโล่งใจออกมา
‘หึ ที่แท้ก็เป็นเจ้าตัวจ้อยระดับสองลักษณ์ ทุกคนไม่ต้องตื่นตระหนก’
เขาโบกมือน้อยๆ คล้ายมองมรรควิถีของหลินสวินออก แต่แววตายังเยียบเย็นถึงขีดสุด
ชายชราชุดหมึกสีหน้าเหี้ยมโหดคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างขมวดคิ้วกล่าว ‘เป็นระดับสองลักษณ์จริงๆ แต่ที่แปลกคือด้วยมรรควิถีต่ำต้อยของเขา เข้ามาในเขตหวงห้ามแห่งนี้ได้อย่างไร หลายปีมานี้ไม่เคยมีใครบุกเข้ามาที่นี่ภายใต้จมูกพวกเราได้’
‘เดิมข้ายังนึกว่ามีโอกาสสูงว่าจะเป็นคนต่างถิ่นในตำนานที่ ‘เผ่าเทพต้าฉิน’ อยากจับตัว แต่ตอนนี้ดูท่าไม่เหมือนสักนิด เขาอ่อนแอเกินไปแล้ว พวกที่มาจากนอก ‘แดนเทพต้าฉิน’ มีหรือจะอ่อนแอเช่นนี้’
ชายกลางคนหยาบเถื่อนอีกคนส่ายหัวไม่หยุด
‘จับตัวเขามาถามก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ’
หญิงสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มพวกเขาเอ่ยปากเย็นชา ผมยาวขาวโพลนของนางถักเปียยาว สวมชุดดำ เงาร่างปราดเปรียว กลิ่นอายแกร่งกร้าว
นางกำลังจะเคลื่อนไหวในขณะนี้
หลินสวินที่นั่งขัดสมาธิกับพื้นลุกขึ้นแล้วกล่าว “ทุกท่าน มีอะไรพูดกันดีๆ ในใจพวกเจ้ามีข้อสงสัย ข้าก็มีเรื่องขอคำชี้แนะเช่นกัน ไม่จำเป็นต้องต่อยตีสังหาร”
ชายสามหญิงหนึ่งล้วนอึ้งไป เผยสีหน้าประหลาดทันใด
“จอมยุทธ์น้อยระดับสองลักษณ์อย่างเจ้า ปากเก่งไม่เบา”
ชายชราชุดหมึกสีหน้าดุร้ายแววตาเยียบเย็น “ในเมื่อเจ้าปรากฏตัวในเขตหวงห้ามนี้ก็เท่ากับฝ่าฝืนกฎแล้ว ข้าไม่สนใจจะคุยกับเจ้า มานี่ซะ!”
ตูม!
เขาลงมือโดยตรง ยื่นมือผ่านอากาศหมายจับตัวหลินสวิน
‘มรรควิถีเทียบได้กับระดับอริยะแท้…’
หลินสวินมองพลังปราณของชายชราออกในปราดเดียว แค่คิดในใจเงาร่างเขาก็พุ่งวาบ หลบเลี่ยงการโจมตีนี้ได้อย่างแผ่วเบา
ชายชราผู้นั้นอึ้งงันทันที เจ้าตัวจ้อยระดับสองลักษณ์คนหนึ่ง ถึงกับหลบการจับกุมของตนได้หรือ
คนอื่นต่างนัยน์ตาหดรัด รับรู้ถึงความผิดปกติ!
“ทุกท่าน ไม่ล่วงรู้แม้แต่สถานการณ์ก็ลงมือ ออกจะบุ่มบ่ามเกินไปหรือไม่”
หลินสวินถอนใจเบาๆ หากอยู่โลกยอดนิรันดร์ ด้วยมรรควิถีขั้นอายุขัยเทียมฟ้าขั้นปลายของเขา แค่เผยกลิ่นอายเล็กน้อยก็สังหารเจ้าตัวจ้อยพวกนี้ได้โดยง่ายแล้ว
แต่ตอนนี้เขาเพิ่งมาถึง เผชิญหน้ากับกฎระเบียบฟ้าดินที่ไม่รู้จัก จึงได้แต่อดทนอดกลั้น
“บุ่มบ่าม?”
ชายเกราะดำที่เป็นหัวหน้ากล่าวอย่างเย็นชา “หลายปีมานี้ที่นี่ถูกเผ่าเทพต้าฉินจัดเป็นเขตหวงห้าม ไม่อนุญาตให้ใครก็ตามเข้ามาโดยพลการ ผู้ฝ่าฝืนต้องตาย เจ้ารู้หรือไม่”
หลินสวินส่ายหัว “ไม่รู้”
เขาลอบกล่าวในใจ เผ่าเทพต้าฉิน? หรือเป็นเผ่าเทพในซากสถานยุคสมัยนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์