ตอนที่ 2829 ศึกมรรคอมตะ
หลินสวินพลันอดสงสัยไม่ได้
เขาเอ่ยถาม ‘ตอนนี้ช่วงเวลาก่อนหัวหน้าหอโหยวเป่ยไห่จะแจ้งมรรคนิรันดร์เหลือแค่เก้าสิบปี หยวนฉางเทียนนี่มีความมั่นใจว่าถึงตอนนั้นแล้วจะแจ้งมรรคขั้นหลุดพ้น ไปไขว่คว้าตำแหน่งหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์ได้หรือ’
คิดจะคว้าตำแหน่งหัวหน้าหอ ก่อนอื่นต้องเป็นรองหัวหน้าหอ!
ลองดูเหล่ารองหัวหน้าหอเก้าคนของลัทธิแรกกำเนิดในปัจจุบัน ใครบ้างไม่ใช่พวกน่ากลัวขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์
ต้องรู้ว่าตอนนี้หยวนฉางเทียนเพิ่งอยู่แค่ขั้นดับเทพขั้นกลางเท่านั้น
เถาเหลิ่งกล่าว ‘หยวนฉางเทียนกล้ามาก็ต้องมีการเตรียมพร้อมเพียงพอ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเวลาอีกเก้าสิบปีไม่ใช่หรือ’
เขาพูดถึงตรงนี้แล้วเหลือบมองหลินสวิน สีหน้าดูแปลกไป ‘อีกอย่างเทียบกับหยวนฉางเทียนแล้ว ถึงตอนนั้นหากเจ้าคิดจะชิงตำแหน่งหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์ก็คงยากขึ้นมาก…’
หลินสวินมีมรรควิถีขั้นอายุขัยเทียมฟ้าสัมบูรณ์ พูดถึงเฉพาะด้านพลังปราณยังด้อยกว่าหยวนฉางเทียนไม่น้อย
‘เอ้อ นี่ก็จริง’
หลินสวินยิ้มขึ้นมา
‘แน่นอนว่าข้ารู้ว่าเจ้ามีรากฐานพลังยอดอมตะที่แตกต่างจากคนอื่นโดยสิ้นเชิง หากต้องต่อสู้กันจริงใช่ว่าจะด้อยกว่าหยวนฉางเทียน’
เถาเหลิ่งเหมือนเป็นห่วงว่าจะกระเทือนใจหลินสวินจึงเอ่ยปลอบ ‘ตามความต้องการของรองหัวหน้าหอเสวียนเฟยหลิง เขาหวังว่าหลังจากเจ้ากลับมายังลัทธิแรกกำเนิดจะจดจ่อกับการฝึกปราณ ต้องยกระดับความสามารถโดยเร็ว ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือเหล่าคนใหญ่คนโตคนอื่นๆ ของลัทธิแรกกำเนิดอย่างพวกเรา ล้วนไม่อยากให้หยวนฉางเทียนมีโอกาสขึ้นสู่บัลลังก์หัวหน้าหอ’
หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ
ทันใดนั้นพลังผนึกของถ้ำสถิตพลันเกิดคลื่นสะเทือน
หลินสวินปลดพลังผนึก มีเสียงฉะฉานราบเรียบหนึ่งดังขึ้นทันที
“สหายยุทธ์หลินสวินอยู่ไหม”
นัยน์ตาเถาเหลิ่งพลันหดรัด คล้ายรู้สึกผิดคาดอย่างยิ่ง สื่อจิตกล่าวโดยพลัน ‘เป็นหยวนฉางเทียน! คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาหาเจ้า’
หยวนฉางเทียน?
หลินสวินอึ้งไป ตนเพิ่งกลับมาวันแรก ‘บุตรเทพ’ ที่มาจากเผ่าเทพตระกูลหยวนแห่งน่านฟ้าที่เก้านี้ก็มาหาด้วยตนเอง นี่เขาจะทำอะไร
‘ข้าไปดูหน่อย’
ยามครุ่นคิดหลินสวินก็ลุกขึ้น ก้าวออกจากถ้ำสถิต
นอกถ้ำสถิตมีชายชุดขาวคนหนึ่งยืนอยู่ เงาร่างสูงโปร่ง ผมยาวสีดำแผ่สยาย ใบหน้าขาวกระจ่างหล่อเหลาสุภาพ นัยน์ตาใสสะอาดเหมือนดวงดาว
ทั้งตัวเขาไร้เครื่องประดับตกแต่ง สะอาดหมดจด ข้างเอวมีแค่หยกประดับสีเขียวเกลี้ยงกลมโปร่งแสงแขวนอยู่
ทั้งตัวสง่างามโดดเด่น ผุดผ่องประหนึ่งหยก
เมื่อเห็นหลินสวิน เขายิ้มเล็กน้อยพลางประสานมือกล่าว “หยวนฉางเทียน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสแห่งหอแรกนภา มาที่นี่เพื่อพบสหายยุทธ์หลิน”
“คำเรียกสหายยุทธ์มิกล้ารับ ผู้อาวุโสหยวนเรียกข้าว่าหลินสวินก็พอ”
หลินสวินกล่าวง่ายๆ
“ได้ยินชื่อเสียงของพี่หลินมานาน ยามนี้เมื่อได้พบจึงรู้ว่าสมคำร่ำลือดังคาด”
รอยยิ้มหยวนฉางเทียนเปิดเผยอบอุ่น “ครั้งนี้ข้ามาที่นี่โดยพลการ คิดดูแล้วก็ล่วงเกินอยู่บ้าง”
หลินสวินก็ยิ้มเช่นกัน เอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นคนของลัทธิแรกกำเนิดเหมือนกัน ย่อมไม่ถึงขั้นกล่าวว่าล่วงเกิน ได้ยินว่าผู้อาวุโสหยวนมาจากน่านฟ้าที่เก้า ชาติกำเนิดสูงส่ง คิดดูแล้วภายหน้าต้องฉายแววเจิดจรัสอัศจรรย์ในสำนักแน่”
หยวนฉางเทียนพลันยิ้มขื่น ถอนใจยาวกล่าว “มาจากเผ่าเทพใช่ว่าเป็นเรื่องควรค่าแก่การอิจฉา หากไม่ใช่ว่าอยู่ในน่านฟ้าที่เก้าไม่ได้ ข้าก็ไม่มีทางมาลัทธิแรกกำเนิดเพื่อตั้งตัว”
หลินสวินเลิกคิ้ว “ดูท่าว่าผู้อาวุโสหยวนจะมีปัญหาบางอย่าง”
หยวนฉางเทียนยิ้มกล่าว “ผู้คนบนโลกนี้ เบื้องหลังใครไม่มีปัญหาบ้างเล่า ข้าคนแซ่หยวนมาคราวนี้ หนึ่งคือมาพบพี่หลิน สองคือมีเรื่องหนึ่งอยากเปิดอกคุยกับพี่หลิน”
“ผู้อาวุโสหยวนเชิญพูดมาตามตรง” หลินสวินกล่าว
หยวนฉางเทียนเก็บรอยยิ้มพูดเสียงขรึม “ยามข้ามาลัทธิแรกกำเนิดก็เคยได้ยินเรื่องบางส่วนของพี่หลิน ทั้งรู้ว่าพี่หลินดูเหมือนต้องการตำแหน่งหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์ด้วย แต่ข้าคนแซ่หยวนแบกรับภาระหนักอึ้งของตระกูลไว้ จำต้องไปคว้าตำแหน่งหัวหน้าหอนี้เช่นกัน พี่หลินคิดว่าข้าคนแซ่หยวนควรทำอย่างไรถึงจะดี”
หลินสวินยิ้มขึ้นมา “หากข้าบอก เจ้าให้ยอมแพ้ เจ้าจะฟังไหม”
หยวนฉางเทียนอึ้งไปสักพักก็ยิ้มขื่น “พี่หลิน หากยอมแพ้ได้ ข้าคนแซ่หยวนยอมแพ้ไปนานแล้ว”
“เช่นนั้นก็ไปช่วงชิง” หลินสวินกล่าวง่ายๆ
หยวนฉางเทียนถอนใจเบาๆ “แต่ข้าไม่คิดผูกแค้นกับพี่หลิน มีสหายเพิ่มอีกคนย่อมดีกว่ามีศัตรูเพิ่ม ดังนั้นจึงมาคุยกับพี่หลินซึ่งหน้าโดยพลการ”
หลินสวินยิ้มกล่าว “เจ้าคงไม่คิดให้ข้ายอมแพ้กระมัง”
ใครจะคิดว่าหยวนฉางเทียนกลับกล่าวจริงจัง “พี่หลิน หากเจ้ายอมถอยสักก้าว ข้าหยวนฉางเทียนรับรองได้ว่าภายหน้าจะตอบแทนเต็มที่”
“อย่างเช่นข้าสามารถช่วยพี่หลินสะสางความแค้นกับยักษ์ใหญ่อมตะพวกนั้น ทั้งช่วยพาพี่หลินไปฝึกปราณในน่านฟ้าที่เก้าได้ ถึงขั้นว่าหากพี่หลินยินดี ข้าสามารถแนะนำพี่หลินไปฝึกปราณที่เผ่าเทพตระกูลหยวนของข้าได้ ด้วยรากฐานพลังและมรรควิถีของพี่หลิน ต้องได้รับความเคารพยำเกรงแน่”
สุดท้ายหยวนฉางเทียนยังกล่าวเสริมประโยคหนึ่งอย่างจริงจัง “แน่นอนว่าขอแค่ข้าคนแซ่หยวนทำได้ ย่อมรับปากพี่หลินได้ทั้งหมด”
ไอรีน : ช้านิดขออภัยจ้า
หลินสวินกล่าว “จริงหรือ”
หยวนฉางเทียนยิ้มกล่าว “สัตบุรุษไม่อาจพูดเล่น”
“ข้ามีเงื่อนไขเดียว” หลินสวินกล่าว
หยวนฉางเทียนเหิมฮึก “เชิญพี่หลินว่ามาเถิด”
หลินสวินกล่าว “ผู้อาวุโสหยวนอย่านึกถึงตำแหน่งหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์อีกเลย มันไม่ใช่ของเจ้า”
หลินสวินพูดจบแล้วยิ้มน้อยๆ หันหลังเดินเข้าไปในถ้ำสถิต ทิ้งหยวนฉางเทียนไว้ตรงนั้นคนเดียว
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ไม่มีท่าทางเดือดดาลใดๆ กลับประสานหมัดไปทางถ้ำสถิตของหลินสวินแล้วกล่าว “ข้าคนแซ่หยวนเข้าใจความคิดของพี่หลินแล้ว ขอลา”
เขาหันหลังจากไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์